บทที่ 8
ประเทศลาว
สุริษาถึงกับหน้าถอดสี เมื่อได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากคุณท่าน เรื่องให้เธอช่วยดูแลพี่ชายของคุณผู้หญิง ที่จะเดินทางมาถึงพรุ่งนี้ตอนบ่ายจนกว่าจะถึงวันกลับ.. เธออยากปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของท่าน จึงได้แต่ตกปากรับคำอย่างจำใจ
เหตุการณ์เมื่อวันวานยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำและริมฝีปาก ตอนนั้นเธอกระวนกระวายแทบตาย ทำตัวไม่ถูกไปหลายวัน นั่งก็คิด นอนก็คิด สงสัยว่าทำไมเขาถึงใจกล้าบ้าบิ่นทำแบบนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน
มันทำให้เธออับอายจนไม่รู้จะทำตัวยังไงถ้าต้องเจอกัน และถ้าเลือกได้เธอจะไม่ขอเจอหน้าเขาอีกเด็ดขาด.. แต่ตอนนี้คงได้แต่ฝึกซ้อมทำหน้าหนา ไม่สะทกสะท้านเมื่อต้องเจอเขา
ก๊อก ๆ ๆ
หญิงสาวตื่นจากภวังค์ มองผู้ช่วยที่เคาะกระจกฉากกั้นที่แบ่งพื้นที่การทำงานเป็นสัดส่วนของใครของมัน
“เข้ามาสิกิต ว่าไงจ๊ะ”
“รถที่พี่แนนให้ไปติดสติ๊กเกอร์โฆษณาบ่อนมาถึงแล้ว จะลงไปดูไหมครับ”
“ดูสิ ตอนนี้รถจอดอยู่ที่ไหน”
“หน้าประตูฝั่งทางเข้าบ่อนครับ ตอนนี้มีลูกค้าให้ความสนใจกันพอสมควรเลย”
“อือ กิตไปดูแลความเรียบร้อยก่อนนะ ให้ลูกค้าดูแค่รอบ ๆ รถพอนะ อย่าเพิ่งเปิดประตูให้ขึ้นไปบนรถ อีกสักพักพี่จะตามลงไป”
“ครับ” ประกิตรับคำแล้วเดินจากไป
ประมาณสิบนาทีต่อมาสุริษาก็เดินลงไปที่ชั้นล่าง เดินผ่านห้องน้ำจึงแวะเข้าไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากเดินย้อนกลับไปกลับมาให้เสียเวลา
ขณะกำลังอยู่ในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา และกำลังพูดถึงรถที่จะออกไปดูพอดี จึงตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“เสียดายไม่ยอมเปิดให้ดูด้านใน”
“เท่าที่มองเห็นก็สวยดีนะ ขนาดรถรับส่งหน้าด่านยังหรูเลิศขนาดนั้น ถ้ารับส่งแขกวีไอพีสงสัยจะเป็นรถหรู ๆ แบบในสนามบิน”
“เฮ้อ.. เห็นแบบนี้แล้วโคตรอิจฉาเมียเจ้าของบ่อนเลยว่ะแก”
“อิจฉาทำไมวะ เจ้าของบ่อนหล่อเหรอ”
“หล่อไม่เท่าไหร่หรอก แต่โคตร ๆ รวยเลยต่างหาก นอกจากบ่อนที่นี้แล้วยังได้ยินว่ามีบ่อนที่ปอยเปต แล้วก็ที่แม่สายด้วยนะแก ดักประเทศเพื่อนบ้านไว้ทุกด้านเลย”
“จริงเหรอวะ ไม่ได้มั่วใช่ไหมเนี่ย”
“จริง ๆ เพื่อนฉันมันเป็นเด็กเสี่ยคนหนึ่ง เขาชอบหิ้วมันไปบ่อนนั้นบ่อนนี้ เขารู้จักกับเจ้าของบ่อนพอสมควร มันก็เลยมาคุยให้ฟัง มันบอกว่าเวลาเสี่ยกับเจ้าของบ่อนเจอกัน มันพยายามหาจังหวะสบสายตาให้ท่าเขาตลอด เผื่อมีโอกาสได้เป็นเมียเก็บเขา ฉันก็เลยอยากลองดูบ้างเผื่อมีโอกาส”
“มิน่าหลัง ๆ มานี้ถึงมารับจ๊อบที่นี่ แล้วก็แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้เหลือเกิน”
“อือ เผื่อฟลุกน่ะ ถ้าเกิดติดเบ็ดนะ แม่จะเบิร์นให้ลืมอีแก่ที่บ้านเลย”
ปัง!
สองสาวที่กำลังคุยกันระหว่างแต่งหน้าไปด้วยสะดุ้งสุดตัว หันไปมองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วมองหน้ากันเมื่อฝ่ายนั้นเดินหน้าบึ้งเข้ามาเหมือนจะหาเรื่อง
“คนไหนเหรอที่จะมาอ่อยเจ้าของบ่อน” สุริษาถามสองสาวข้างหน้าอย่างไม่มีอ้อมค้อม แล้วมองการแต่งตัวของพวกเธอ “คุณเหรอ” ชี้นิ้วไปยังหนึ่งในนั้น
“ทำไมเหรอ” คนถูกชี้ถามกลับ ใจคอไม่ค่อยดีอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“แก่ก็แก่ โทรมก็โทรม พอกหน้าไว้หนาอย่างกับฉาบยางมะตอยเอาไว้ นายใหญ่ของฉันคงไม่ลดตัวมาเกลือกกลั้วด้วยหรอก”
“อ้าวอีนางขี้ข้า! พูดจาดูถูกกันแบบนี้ ฉันแจ้งความจับเธอได้นะคะ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ชูคอเถียงอย่างไม่กริ่งเกรงอีกต่อไป
แม้สุริษาจะค่อนข้างขี้ขลาด แต่ที่นี่เธอก็พอมีอำนาจอยู่บ้าง เธอจะไม่ยอมให้คนที่คิดเลว ๆ กับคนที่เธอรักผ่านหูผ่านตาไปง่าย ๆ เด็ดขาด
“ที่นี่ประเทศลาวจ้ะ ถ้าคิดว่าแจ้งความเอาผิดฉันได้ก็เชิญ”
“พวกเราคุยกันอยู่ดี ๆ เธออย่ามายุ่งดีกว่า” หญิงสาวอีกคนพยายามออมชอม แต่สายตาและน้ำเสียงพร้อมบวก
สุริษาใจเต้นแรงขณะสบตาสู้กับคู่กรณีทั้งสอง “ก็ไม่ได้อยากจะยุ่ง ถ้าพวกเธอไม่ได้พูดถึงนายใหญ่ของฉันแบบนั้น.. จะบอกให้รู้ไว้เลยนะ พวกคุณสองคนรวมกันยังเทียบขี้เล็บคุณผู้หญิงยังไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเลิกฝันเฟื่องซะเถอะ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเทียบไม่ติด แก่ ๆ มันจะมาสู้สาว ๆ ได้ยังไง”
“ฮึ!” สุริษาทำหน้าสมเพชอีกฝ่าย “คุณผู้หญิงของฉันยังเอ๊าะ ๆ อยู่เลยจ้ะ อายุเพิ่งจะยี่สิบห้า ผิวสวยใสอย่างกับผิวเด็ก ความสวยระดับนางงามยังชิดซ้าย หน้าตาแก่เกินวัยอย่างพวกเธออย่ามาคุยอวดให้ฉันขำหน่อยเลย”
“ปากดีนักนะมึง!”
ฉาด!
คนถูกดูถูกทั้งโมโหทั้งอับอาย และถือว่าตัวเองมีพวกมากกว่า จึงเปิดฉากตบใส่อีกฝ่ายไม่ออมแรง
สุริษาเจ็บจนน้ำตาร่วง แต่เธอไม่ใช่สุริษาที่ขี้ขลาดจนไม่กล้าสู้คนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ถึงจะกลัวแต่ก็ขอสู้สุดใจ เพราะงานนี้เธอไม่ใช่คนผิด สองคนนี้ต่างหากที่ผิด คิดจะมายุ่งกับคนที่เธอเคารพรัก เธอจึงสู้กลับเท่าที่จะสู้ได้ แม้จะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดก็สู้ยิบตา