EP : 4

1465 คำ
ติ๊ง! Milin : เย็นนี้เจอกันได้ไหมคะ “...” ผมอ่านข้อความที่ผู้จัดการไร่ส่งมาแต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะตอบอะไรเธอก็ส่งข้อความต่อมา Milin : มีชาตัวใหม่จะให้คุณชิมค่ะ Milin : ที่ห้องทำงาน Tankun : ไว้ผมจะโทรหา Milin : จะมาชิมใช่ไหมคะ Tankun : ชงไว้แล้วกัน Milin : ค่ะ รีบมาชิมนะคะMilin : ❤️ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับ คุยกันแค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ติ๊ด! “ว่าไงแก” เสียงกระซิบคุยโทรศัพท์ดังมาจากเบาะด้านหลัง ไม่มีใครหรอกเพื่อนขวัญเอยนั่นล่ะ “ออกมาข้างนอก ไม่รู้เหมือนกันอ่ะมากับพี่เอื้องพี่เขาให้มาเป็นผู้ช่วย ไปแม่แตงไกลไหมอ่ะฉันไม่รู้เหมือนกัน” ขวัญเอยสินะที่โทรมา “ไกล” “...คะ?” “ไกล” ผมย้ำคำเดิมอีกครั้งหลังจากที่เมื่อกี้พูดไปแล้วว่าไกล “ค่ะ...ไกลแก” “อื้อ เสียงพี่...เสียงคุณแทนคุณนั่นแหละ แกจะคุยไหมล่ะ โอเค ๆ คุณแทนคุณคะ” “ว่าไง” เธอเรียกผมความจริงก็รู้แล้วล่ะครับว่าเรียกทำไม ฟังคำพูดที่คุยก็รู้แต่ถามไปงั้นเดี๋ยวจะหาว่าผมตั้งใจฟังเธอคุยโทรศัพท์ “ยัยเอยจะคุยด้วยค่ะ” “อื้ม” ผมหันไปนิดหน่อยแล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากมือเล็ก ๆ ของเธอ ผมหยิบแบบไม่ได้ตั้งใจเลยเผลอจับโดนมือเธอ มือนิ่มดีครับ แต่ผมแค่วิจารณ์ไม่ได้มีอะไรมากหรอก “ว่าไงเอย” (ไม่เอาน้องไปด้วย) “หึ ๆๆ ให้มาฝึกงานไม่ได้ให้มาเที่ยวอย่างอแง” (ชิส์! ก็อยากไปบ้างนี่นา เอาไว้ว่าง ๆ พาไปเที่ยวแม่แตงหน่อยนะคะ) “อื้ม เดี๋ยวพี่พาไปแต่วันนี้มาทำงานไม่ต้องอยากมาหรอกทั้งเหนื่อยทั้งร้อนนั่งทำงานในห้องแอร์ดีกว่าเชื่อพี่” (ค่า~ ถ้างั้นฝากดูแลเพื่อนเอยด้วยนะคะ) “อื้ม” (ยัยมิ้งค์ดูเกร็ง ๆ พี่แทนนะคะ อย่าทำหน้าดุใส่เพื่อนเอยมากนะคะ) “อื้ม” (เอาแต่อื้มนี่แสดงว่า?) “พี่รู้แล้ว คุยกับเพื่อนเราต่อไหม” (ค่ะ) “ครับ” ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้เพื่อนขวัญเอยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแล้วเธอก็คุยกับขวัญเอยต่อแต่ไม่นานก็วางสายส่วนเอื้องคำไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ ผมมาดูแลที่นี่ได้ไม่นานแต่จากประสบการณ์ถ้าขึ้นรถเดินทางไปต่างอำเภอเมื่อไหร่จะหลับตลอด ไม่หลับอย่างเดียวยังใจดีคลอเพลงให้คนในรถฟังอีกต่างหากแต่ช่างเถอะผมไม่อยากเป็นเจ้านายที่ทำให้ลูกน้องเกร็ง นั่งบนรถถ้าไม่มีเรื่องงานต้องคุยก็พักผ่อนไปเลยดีกว่านั่งง่วงแล้วก็ไปง่วงต่อตอนถึงเวลาลุยงาน “อยากเข้าห้องน้ำรึเปล่า” “...” “อยากเข้าห้องน้ำรึเปล่า” ผมพูดคำเดิมอีกรอบเพราะอีกฝ่ายเงียบ “คะ? ถามฉันเหรอคะ” “ถามเอื้องคำมั้งกรนขนาดนั้น” ผมหันไปเหน็บเธอเบา ๆ ในรถมีกันแค่นี้จะให้ถามใครวะ “ก็ไม่คิดว่าจะถามนี่คะ” “...” “ขอโทษค่ะ” “ตกลงจะเข้าไหม?” “...ถ้าไม่เข้าแต่ขอซื้อกาแฟแทนได้ไหมคะ” “อยากกินกาแฟ?” “ค่ะ” ก็คงจะอยากกินจริง ๆ เพราะตาเธอลอยเหมือนคนง่วงนอนมาก “คราวหลังถ้าอยากทำอะไรมีปากก็ต้องพูด” ผมสอนเพราะถ้าผมไม่ถามก็คงไม่ได้กินแต่พอผมบอกเธอกลับชักสีหน้าไม่พอใจออกมา “ก็ไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้นค่ะ” จากหน้าตาที่ดูง่วงนอนก็กลายเป็นถือดีขึ้นมาทันที เชิดหน้าจนหน้าจะขนานกับหลังคารถอยู่แล้ว หึ ๆๆ เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ “ไม่กินก็ได้ว่างั้น” “ค่ะ” “ตกลงจะกินไม่กิน” “ไม่กินค่ะ” หึ ๆๆ เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ “แน่ใจ?” “ค่ะ แน่ใจค่ะ แน่ใจมากด้วย” อ่าส์! ยัยนี่ไม่รู้ตัวรึไงวะว่าอีกแค่ไม่กี่องศาหน้าเธอที่มันเชิดอยู่จะขนานไปกับหลังคารถแล้วจริง ๆ เป็นเด็กที่ทำให้ผมทั้งขำทั้งหมั่นไส้เธอมากได้ภายในเวลาไม่นาน “โอเคถ้างั้นก็ตามใจ ก้าน” “ครับนาย” “แวะปั้มข้างหน้าทีนะ หิวกาแฟว่ะ” “ครับนาย” “ชิส์!” ผมได้ยินเสียงจิ๊ปากเบา ๆ จากเธอแต่ไม่โกรธหรอกเพราะสนุกผมที่ได้ทำให้ยัยนี่หมั่นไส้ผมได้เหมือนที่เธอทำให้ผมโคตรหมั่นไส้เธอต่างหาก ไม่นานคนขับรถก็ขับเข้าปั้มผมก็ลงจากรถทันที ไม่ใช้ใครไปซื้อทั้งนั้นเพราะทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เป็นพนักงานไม่ใช่ขี้ข้าเป็นเจ้านายก็ไม่ได้มีสิทธิ์ใช้ให้พนักงานทำทุกอย่างได้ เอื้องคำก็ยังเป็นเอื้องคำที่หลับไม่รู้ตื่นแต่เชื่อผมไหมถ้าไปถึงที่หมายจริง ๆ พนักงานของผมคนนี้จะตื่นได้เองอย่างกับมีพลายกระซิบคอยปลุก ส่วนคนที่นั่งข้างหลังก็ยังนั่งนิ่งหน้าเชิดมองหลังคารถเหมือนเดิม “ตกลงกินไหม?” “ไม่ค่ะ” “หิวก็กินไม่เห็นต้องหยิ่ง” ว่าจะไม่เรียกแล้วนะเพราะหมั่นไส้แต่สุดท้ายก็สงสารเด็กว่ะ “ไม่ได้หยิ่งค่ะแต่ไม่หิวแล้ว” “ลงมา” “ไม่อยากกินแล้วค่ะ” “ลงมา” เสียงผมดุขึ้นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ “...เชิญคุณตามสบายเลยค่ะ” “ลง” “...” “หนึ่ง” “...เฮ้อ~” หึ! แอบกรอกตาถอนหายใจเบา ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องลงมาอยู่ดีพอเธอลงมาผมก็เดินนำเข้าไปในร้านกาแฟ มองจากกระจกของร้านกาแฟก็เห็นเพื่อนขวัญเอยเดินตามแล้วทำหน้าตึงใส่ผม ยัยเด็กนี่เป็นผู้หญิงที่น่าหมั่นไส้มากเลยว่ะ เห็นแล้วอยากแกล้งให้หายหมั่นไส้สักที ผมเดินเข้าร้านกาแฟก็เดินไปนั่งทำให้เธอปลายตามามองผมนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ทำเป็นเชิดหน้าขึ้นไม่สนใจผมแล้วเดินไปสั่งกาแฟของตัวเอง “ไอซ์ลาเต้ค่ะ” “แก้วเดียวนะคะ” “ค่ะ” หึ ๆๆ ไม่มาถามผมในฐานะเจ้านายสักคำว่าจะดื่มอะไร ให้มันได้อย่างนี้สิ “ทั้งหมด XXX บาทค่ะ” “ค่ะ...เอ่อ” ผมมองเธออยู่แต่ดูเหมือนจะเกิดปัญหากับเธอขึ้น ลืมเอาเงินมาจากรถสินะ “คือรอสักครู่นะคะ” เธอยิ้มแห้งทำหน้าเกรงใจใส่พนักงานแล้วก็รีบหมุนตัวจะเดินไปเอาเงินที่รถ “มานี่” “...คะ” “มานี่” ผมเรียกเธอด้วยคำเดิมอีกครั้ง เรียกด้วยสีหน้านิ่ง นั่งนิ่ง ๆ อยู่ท่าเดิมทำให้เธอกรอกตาใส่ “รอสักครู่ค่ะขอไปหยิบของก่อนพี่เขารอ” “มานี่” ผมใช้น้ำเสียงดุอีกครั้งทำให้เธอทำหน้าจำใจแล้วเดินมาหา พอมาถึงผมก็ยื่นมือออกไป “อะไรคะ” “เอาไปจ่าย” “เดี๋ยววิ่งไปเอาเงินที่รถแป๊บเดียวค่ะ” “เอาไปจ่าย” ทำไมผมต้องพูดคำเดิมซ้ำสองรอบสามรอบกับเด็กคนนี้แทบจะทุกคำด้วยวะ พูดง่าย ๆ ทำตัวไม่น่าหมั่นไส้มันจะเป็นอะไร ขวัญเอยว่าดื้อแล้วเจอเธอเข้าไปขวัญเอยชิดซ้ายไปเลย “ร้อยเดียวค่ะ” “พนักงานรอจะลีลาทำไมวะรีบเอาไป” “...” เธอทำหน้าไม่พอใจใส่ที่โดนผมตำหนิแต่ก็ยอมหยิบกระเป๋าเงินที่ผมยื่นให้ไป หยิบกระเป๋าเสร็จก็สะบัดหน้าเดินไปที่แคชเชียร์ทันที “นี่ค่ะ” “แฟนหล่อมากเลยนะคะ” “เจ้านายค่ะ!” หึ ๆๆ ตอนแรกคุยกับพนักงานเสียงน่ารักพอถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับผมเท่านั้นล่ะเสียงยัยนี่แม่งเปลี่ยนทันทีทำพนักงานยิ้มแห้งแทบไม่ทัน “นี่ค่ะ” พอจ่ายเงินเสร็จเธอก็เดินเอากระเป๋ามายื่นคืนให้ผม หน้าหงิกหน้างออะไรขนาดนั้นแม่คุณแค่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกันแค่นั้นเอง “อเมริกาโน่” “อะไรคะ” “อย่าให้พูดซ้ำบ่อย ๆ” “...” “เร็ว สั่งชาเขียวเย็นกับลาเต้ให้สองคนนั้นด้วย” “ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงใส่ผมแล้วก็สะบัดหน้าใส่ หึ! โคตรน่าเดินไปเอาเรื่องที่กล้าทำกิริยาแบบนี้ใส่เจ้านายแต่แม่งความสวย อ่าส์! ไม่สิไม่ใช่แบบนั้นใครจะไปคิดแบบนั้นวะ เพราะความเป็นเพื่อนรักของขวัญเอยต่างหากที่ทำให้ผมไม่อยากเอาเรื่องเธอเท่าไหร่ไม่งั้นยัยหน้าสวยคนนี้เละไปนานแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม