“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
มาถึงไร่ชาที่ปลูกบนภูเขาเป็นขั้นบันไดเหมือนที่เห็นในทีวีถูกพนักงานของที่นี่นำทางเข้าไปในสำนักงานยังไม่ทันได้ทำอะไรเห็นมีเวลาอยู่เพราะเพิ่งมาถึงฉันก็ไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่มากแต่พอออกมาก็ไม่เห็นพี่เอื้องแล้ว
“พี่เอื้องล่ะคะ”
“ทำงาน”
“...” แค่ถามนะไม่เห็นต้องพูดจาน้ำเสียงฟังไม่เข้าหูใส่เลย ก็นี่เข้าห้องน้ำไงเลยไม่รู้อะไร ก็คนปวดฉี่จนฉี่แทบราดมาถึงก็รีบขอไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไม่ได้เอ้อระเหยด้วยรีบเข้ารีบออกมาด้วยซ้ำพอออกมาไม่เจอพี่ในแผนกอีมิ้งค์ในฐานะเด็กฝึกงานที่ยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่างก็ต้องถามคนที่มาด้วยกันสิไม่ถามนายแล้วจะให้ฉันถามหนอนใบชารึไงยะ!
แม่งเหม็นขี้หน้าก็รู้อยู่แต่มันก็ต้องแยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวรึเปล่า เหอะ!
“สวัสดีค่ะพี่แทน”
“สวัสดีครับพริ้งพลอย” มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทักทายเขา สองคนนี้ทักทายกันฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากยิ้มทักทายเงียบ ๆ
อยากยกมือไหว้ตามมารยาทนะแต่ไม่เอาดีกว่าเรียกอีตานี่ว่าพี่ก็หมายความว่าถ้าไม่ใช่รุ่นเดียวกันกับฉันก็ต้องเป็นรุ่นน้อง
“พี่แทนเดินทางมาเหนื่อย ๆ อยากเข้าไปพักผ่อนก่อนไหมคะ” ฮะ? อยากเข้าไปพักผ่อนก่อนไหมงั้นเหรอ นี่คือคำทักทายลูกค้าตามมารยาทปกติธรรมดาทั่วไปใช่ไหมนะ ใช่ล่ะมั้ง ใช่นั่นแหละ (มั้ง)
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เหนื่อยอะไร สบาย ๆ”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะถ้างั้นเชิญทางนี้ดีกว่านะคะไปดื่มอะไรก่อนเดี๋ยวพ่อมาค่ะ” เป็นลูกสาวเจ้าของที่นี่แล้วก็ออกมาต้อนรับคุณแทนคุณแทนพ่อแม่สินะ ต้อนรับได้เป็นกันเอ๊งกันเองยังไงก็ไม่รู้นะคะ
“ครับ”
“เชิญค่ะ...แฟนพี่แทนสวยจังเลยนะคะ” ผู้หญิงคนนี้หันมามองฉันก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ เอาล่ะมิ้งค์เป็นคนฉลาดซะด้วยสิคะเห็นอาการแบบนี้ก็รู้แล้วว่าฝ่ายหญิงพูดออกมาเพื่อถามหยั่งเชิงแน่นอน
ผู้หญิงคนนี้อยากรู้ว่าฉันที่ยืนสวย ๆ อยู่ใกล้เขาคือใครก็เลยลองถามหยั่งเชิงออกมา มุขเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นค่ะอันนี้มิ้งค์เคยใช้ตอนงานกีฬาสีของเขต จำได้ว่าตอนนั้นแอบชอบพี่แถวบ้านแต่เขาอยู่อีกโรงเรียน เห็นเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งเลยแกล้งถามแล้วสุดท้ายคำตอบที่ได้ก็ทำคนสวยคนนี้อกหักดังเปาะ!
“ครับ”
ฮะ?
ฮะ?
ฮะ!
“ไม่ชะ...”
หมับ~
“ไปกันดีกว่าครับชาที่นี่อร่อยไปลองชิมดูนะ”
“...ค่ะ” งงกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่สุดเลยแต่พอเห็นสายตาของเขาที่หันมามองกดดันมิ้งค์คนนี้ก็รู้แล้วว่าต้องตามน้ำไปก่อน
“...เชิญค่ะ” โอเคค่ะมิ้งค์ว่ามิ้งค์เห็นคนอกหักแต่ไม่หักอกตัวเองแล้วหนึ่ง
มาเชียงใหม่ได้ไม่เต็มสองวันดียัยมิ้งค์คนนี้เจอผู้หญิงที่อยากมีปฏิสนธิ เอ้ย! อยากมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเขม่นแล้วถึงสองคน คนที่สามอยู่ไหนมาให้ไวเลยมิ้งค์ยังไหวอยู่ -_-
ผู้หญิงคนนี้เดินนำหน้าเราสองคนไปช้า ๆ เดินไปไม่ไกลไปทางด้านหลังบ้านที่แบ่งข้างหน้าทำเป็นสำนักงานไร่พออ้อมด้านหลังก็เจอสวนชาที่บรรยากาศดีมาก
“เดี๋ยวเด็กเอาชามาเสิร์ฟค่ะพี่แทนพริ้มเตรียมชาหอมหมื่นลี้ที่พี่แทนชอบไว้ให้เลยนะคะ อากาศวันนี้ดีมากเหมาะจิบชา ดีนะคะที่พี่แทนมาถูกวันก่อนหน้านี้ฝนตกทุกวันเลยค่ะ” เธอคุยกับเขาไม่มองหน้าฉันเลยนะคะ ไม่พอใจนั่นแหละดูออกอยู่ ก็จะดูไม่ออกได้ยังไงในเมื่อยัยนี่แสดงออกให้เห็นว่าเธอมองฉันเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตที่บางเบากว่าอากาศซะขนาดนี้
“ครับ แต่ที่นี่จะอากาศแบบไหนก็สวยตลอดปีนะพี่ว่า”
“ค่ะ เอาไว้มีโอกาสพี่แทนมาพักผ่อนที่นี่นะคะ” ฉันหมั่นไส้ได้ไหมเนี่ย ขนาดเข้าใจว่าฉันเป็นแฟนยัยนี่ยังชวนเขามาพักผ่อนต่อหน้าต่อตาได้เลย
“ครับ มีโอกาสพี่จะมาแน่นอน มิ้งค์ชอบไหม”
“คะ?” โทษทีนะคะกำลังนินทายัยนี่ในใจพอเขาถามก็ตกใจนิดหน่อยแต่ความระคายหูนี่ไม่นิดหน่อยนะคะ สุด ๆ ไปเลยล่ะกับคำพูดแล้วก็น้ำเสียงของเขาที่คุยกับฉัน
“ชอบที่นี่ไหม”
“ก็...ค่ะ ชอบค่ะ สวยอยู่ นะคะ” สวยอยู่แปลว่าไม่สวยจำไว้นะยัยพริ้งพลอย
ความจริงก็สวยนั่นแหละแต่หมั่นไส้อาการที่ยัยนี่แสดงออกหลังจากรู้ว่าฉันเป็นแฟน (ปลอม ๆ)
“ครับ ถ้างั้นว่าง ๆ ไว้มาเที่ยวกันนะ”
“ค่ะ” ฉันยิ้มหวานตอบรับด้วยความหมั่นไส้เขาล้วน ๆ เลยนะ อีตาแทนคุณพูดหวาน ๆ ออกมาได้หน้าตายมาก นี่ขนาดฉันไม่ใช่คนเริ่มยังรู้สึกละอายใจที่จะโต้ตอบกลับไปเลยให้ตายเถอะ
“ถ้าจะมาเดี๋ยวพี่บอกนะพริ้งพลอย”
“ค่ะ...ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ” ไม่เห็นจะรู้สึกว่าเธออยากต้อนรับแบบเต็มร้อยเลย เหอะ!
ไม่ได้คิดอะไรกับอีตาแทนคุณอะไรนี่นะคะอย่าเข้าใจผิดแต่ฉันแค่ไม่ชอบกิริยาท่าทางที่ยัยพริ้งพลอยแสดงออกมาทั้งที่เข้าใจว่าฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้คือแฟนของอีตานี่แต่ยัยพริ้งพลอยก็ยังทอดสะพานหน้าตาเฉย แถมยังเป็นการทอดสะพานด้วยน้ำมันเดือดจัดจนแทบล้นกระทะด้วยซ้ำ
ฉันนั่งฟังสองคนนี้คุยกัน ไม่หรอกยัยพริ้งพลอยต่างหากที่คุยคนเดียวเกือบทั้งหมดแล้วก็นั่งกินชากับเค้กชาเขียวที่คนในไร่เอามาเสิร์ฟ อร่อยดีค่ะบรรยากาศก็ดีแต่คงดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงจ้อจี้ของยัยพริ้งพลอยมากเกินความจำเป็นแต่จำใจฟังไม่นานพ่อยัยพริ้งพลอยก็ม
พ่อเลี้ยงอเนกพ่อยัยพริ้งพลอยเข้ามาก็ทักทายถามไถ่แถมเขายังไม่ลืมแนะนำฉันในฐานะแฟนด้วยนะคะแต่ดูพ่อเลี้ยงอเนกไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
“เดี๋ยวไปเดินดูต้นชากันนะแทน อาอยากให้แทนเห็นว่าต้นชาที่ไร่เราสมบูรณ์ไม่แพ้ใคร”
“ครับคุณอา”
“มาเร็วยัยพริ้งพาพี่แทนไปดูไร่ชาของเรากันลูก” พ่อลูกคล้ายกันเลยค่ะ ลูกแสดงอาการอยากได้พ่อก็ไม่ต่าง ท่าทางจะอยากได้อีตานี่มาเป็นลูกเขยสินะ
“ค่ะพ่อ เชิญค่ะพี่แทนเดี๋ยวพริ้งกับคุณพ่อจะพาไปชมไร่ชาที่สวยที่สุดในแม่แตงค่ะ” ความจริงใจหล่อนอยากบอกว่าหล่อนสวยที่สุดในแม่แตงก็พูดมาเถอะย่ะ -_-!
แม่งหมั่นไส้ยัยนี่เต็มพิกัจที่นางเชิญชวนเขาอยู่คนเดียวทั้งที่ยัยมิ้งค์ก็ยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ หมั่นไส้!
“ไปกันครับ” ยังโชคดีนะคะที่เขาหันมาชวนแถมยังลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้ แต่ฉันว่าเขาไม่ได้จะเทคแคร์หรือรักษาน้ำใจฉันหรอกอีตานี่แค่รำคาญสองพ่อลูกเลยพยายามแสดงตัวว่าตัวเองมีแฟนแล้วเพื่อตัดบทการใส่พานถวายตัวที่ดูน่ารำคาญมาก ๆ ก็แค่นั้นเอง
ยัยพริ้งพลอยทำหน้าไม่พอใจออกมานิดหน่อยแล้วก็เดินนำพอเดินไปได้พักหนึ่งฉันก็กระตุกมือออก เขาเข้าใจแล้วว่ามีแฟนไม่ต้องเดินจับมือกันตลอดเวลาหรอก แขยงที่ใจบอกตรง ๆ เกิดมาไม่เคยเดินจับไม้จับมือกับผู้ชายอยู่ ๆ จะให้มาเดินจับมือกับคนที่เหม็นขี้หน้าฉันนาน ๆ งั้นเหรอ เหอะ! ไม่มีทาง
“อยู่เฉย ๆ” พอกระตุกมือเท่านั้นล่ะเขาก็กระซิบเสียงดุออกมาเลย
“เอาฉันมาแอบอ้างแบบนี้ฉันเสียหายนะคะ” ฉันกระซิบเบา ๆ เช่นกันแล้วเป็นจังหวะเดียวกันที่สองพ่อลูกหันมาเพื่อจะคุยอะไรบางอย่างพอดี
“อย่าพูดมาก ทำงานชดใช้ค่ากาแฟไป” เขาพูดออกมาเสียงเย็นชาแต่หันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มหวานให้อย่างกับคู่รักที่กำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง
อีตานี่มีอะไรที่ทำให้ฉันแปลกใจมากพอสมควรเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้คุยกันต่อหรอกนะคะเพราะยัยพริ้งพลอยช่างจ้ออ้าปากพูดต่อแล้ว
ฉันเขายัยพริ้งพลอยและพ่อของนางเดินชมไร่ที่ฉันว่าไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลยมีแต่เดินฟังสองพ่อลูกพรีเซนต์ไร่และความน่าอยู่ของที่นี่เหมือนอยากชวนให้ใครสักคนมาอยู่ด้วยหรือฝากตัวเป็นลูกเขยแทนที่จะคุยเรื่องใบชาและการทำธุรกิจ อ่อ! ร่วมชีวิตเลยมันดีว่าสินะเพราะหลังจากนั้นอะไรก็จะง่ายไปหมด
“แทน”
“ครับคุณอา”
“ยัยพริ้งจะไปฝึกงานที่ไร่แทนได้รึเปล่า”
“อะไรนะครับ?”
“แอบลงฝึกงานที่ไร่แต่อาว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่เลยอยากให้ไปฝึกกับแทนมากกว่า” พ่อยัยพริ้งพลอยพูดแถมยังทำน้ำเสียงดุด้วยนะคะ อารมณ์น่าจะประมาณดุที่ลูกสาวดื้อมาฝึกงานที่ไร่ตัวเอง
“พริ้งก็แค่อยากช่วยงานแล้วก็เรียนรู้งานในไร่ไปพร้อมกันเลยนี่คะ” พูดไปยิ้มอ้อนคุณพ่อไปด้วย ยิ้มน่าร้าก~
...แหวะ!
-_-
“ฝึกงานไร่พี่แทนเขาก็ได้เรียนรู้ได้ช่วยงานไปพร้อมกัน จะไร่ไหนก็เหมือนกันนั่นล่ะลูก” จ้า~ จะไร่ไหนก็เหมือนกัน ยกพานถวายเต็มที่ ถ้าเป็นแม่พูดนี่จะไม่หมั่นไส้เท่าไหร่เลยนะคะแต่ดันเป็นพ่อที่พูดความน่าหมั่นไส้เลยมีเยอะหน่อย
“ก็พริ้งเกรงใจพี่แทนนี่คะ”
“นี่ไงเหตุผลที่บอกอาทุกครั้งที่อาบอกให้ไปฝึกงานกับแทน อาดุตั้งหลายครั้งจะโทรคุยกับแทนก็ห้ามไม่ให้อาโทรเพราะเกรงใจพี่แทน”
“ครับ” เห็นใจเขาเหมือนกันนะน้ำท่วมปากน่าดู
“ถ้างั้นตกลงว่าให้น้องไปฝึกที่ไร่โน้นเลยนะแทน อาฝากดูแลน้องด้วยนะ ถ้าดื้อก็ดุได้เต็มที่เลยอาให้สิทธิ์”
“...ครับ”
ฮ่า ๆๆ มีอะไรที่น่าขำกว่านี้อีกไหม สองพ่อลูกมหาภัยชัด ๆ เลยนะเนี่ย
คุยกันต่อได้เกือบ ๆ สิบนาทีพี่เอื้องก็มาค่ะ แต่พอมาถึงพี่เอื้องก็ทำหน้างง ๆ คงงงที่เห็นฉันกับเขาจับมือกันแต่ก็ไม่ได้มีเวลาหรือจังหวะพูดอะไรหรอกนะคะสุดท้ายเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อนเดี๋ยวค่อยอธิบายให้พี่เอื้องฟังตอนขึ้นรถ
“เรียบร้อยดีนะเอื้อง”
“เรียบร้อยค่ะคุณแทน ใบชาได้คุณภาพตามที่ออเดอร์ไว้ค่ะ เมื่อกี้เอื้องคุยเรื่องสั่งซื้อล็อตต่อไปกับผู้จัดการไร่แล้วถ้าคุณแทนกับพ่อเลี้ยงเสร็จธุระตรงนี้เชิญเข้าไปเซ็นสัญญาได้เลยค่ะ” พี่เอื้องมาช่วยชีวิตชัด ๆ เลยนะเนี่ย โคตรรำคาญสองพ่อลูกคู่นี้ที่พยายามจะยัดเยียดความเป็นลูกเขยให้อีตานี่ที่สุดเลย
“โอเค”
“ใบชาที่ไร่ได้คุณภาพอยู่แล้วค่ะพี่แทนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ครับ ถ้างั้นเราเข้าไปเซ็นสัญญากันเลยดีไหมครับคุณอาผมอยากให้เซ็นสัญญากันให้เรียบร้อย” ดูออกนะคะว่าอยากกลับแต่ดูเหมือนคนในไร่นี้จะดูไม่ออกเท่าไหร่ หรือดูออกแต่พยายามปิดหูปิดตาก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ได้สิ ถ้างั้นเชิญทางนี้เลยแทน” พ่อเลี้ยงอเนกผายมือไปทางเดิมที่เดินกันมาแล้วทุกคนก็เดินกลับไปที่ส่วนของออฟฟิตพร้อมกัน เซ็นสัญญาแล้วกลับเลยนะได้โปรดไม่อยากอยู่ต่อแล้วโคตรน่าเบื่อ
-เวลาต่อมา-
ขอบคุณที่สิ่งที่หวังเป็นจริงเพราะทันทีที่เซ็นสัญญาเสร็จสองพ่อลูกมหาภัยก็ชวนกินข้าวต่อแต่ท่าทางคุณแทนคุณคนนี้จะไม่อยากฝากตัวเป็นลูกเขยเท่าไหร่เลยบอกว่าต้องพาแฟนอย่างน้องมิ้งค์ไปทำธุระต่อเอาไว้โอกาสหน้าจะทานข้าวด้วยแน่นอนแล้วขอตัวกลับแต่ก็เล่นเอาคนที่มาด้วยกันแต่ไม่รู้อะไรเลยงงเป็นไก่ตาแตกพอขึ้นรถฉันก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่งให้นั่งข้างเขาเพราะพ่อลูกคู่นั้นมาส่งถึงรถ ถ้านั่งแยกกันคนละแถวคงแปลก ๆ ใช่ไหมล่ะคะ
“เอ่อ...”
“มันไม่มีอะ... / ไม่ต้องพูดมากล่ะเอื้อง”
“คะ? อะไรนะคะคุณแทนคุณ” ฉันกำลังจะอธิบายว่าไม่มีอะไรเขาก็พูดแทรกขึ้นทำให้พี่เอื้องถามออกมา
“ไม่ต้องพูดมากไม่อยากให้คนว่ามิ้งค์เป็นเด็กเส้น อยากให้ฝึกงานเหมือนนักศึกษาคนอื่นแค่ขวัญเอยพนักงานก็เกร็งแล้วมีแฟนเข้าไปอีกเดี๋ยวทำงานไม่เป็นสุขกัน”
“ฮะ?” ฉันหันไปอุทานเบา ๆ ทำให้เขาหันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังจะสั่งให้หุบปากซะ
โอเคค่ะฉันจะหุบปากเดี๋ยวค่อยหาเวลาคุยกับพี่เอื้องเพื่อแก้ไขเรื่องที่พี่เอื้องกำลังเข้าใจผิดก็แล้วกัน
เฮ้อ!
นั่งรถไปได้พักหนึ่งพอมาถึงปั้มน้ำมันพี่ก้านคนขับรถก็จอดเพื่อเข้าห้องน้ำพี่เอื้องก็รีบลงไปเข้าด้วยส่วนฉันไม่อยากเข้าห้องน้ำหรอกแต่ไม่อยากอยู่กับอีตานี่สองต่อสองเลยจะลงไปสูดอากาศ
“เดี๋ยว” นั่นไงมีอะไรอีกคนจะลงจากรถอยู่แล้วเชียว
“อะไรคะ”
“อย่าแก้ข่าว”
“อะไรนะ?”
“ฉันพูดไปแล้ว”
“ไม่ให้แก้ได้ไงคนอื่นได้เข้าใจผิดกันพอดี”
“เอื้องไม่พูดหรอก หรือถ้าจะมีใครเข้าใจผิดก็แค่ระยะสั้น ๆ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเธอก็ไป”
“...” ที่เงียบไม่ใช่อะไรนะ ไม่พอใจล้วน ๆ เลยไม่พูด
“ตกลงตามนี้ ไม่ต้องแก้ข่าว”
“ชอบฉันรึเปล่าเนี่ย”
“...” พอฉันโพล่งคำนี้ออกมาเขาก็มองฉันด้วยหางตาทันที
“ว่าไงคะ”
“หึ! กล้าถาม” โห~ พูดแล้วมองเหยียดด้วย ขึ้นเลยว่ะใจอีมิ้งค์เนี่ย
“เอ้า! ก็ต้องถามสิคะไม่ยอมแก้ข่าวขนาดนี้อาจจะคิดก็ได้ใครจะไปรู้”
“หึ ๆๆ ฟังให้ดีนะสาวน้อย ใครจะชอบเธอก็ตามสบายแต่ฉันคนหนึ่งล่ะ...ที่ไม่” น้ำเสียงอีตาแทนคุณแม่งโคตรเหยียดฉันเลยว่ะ
“ฮ่า ๆๆ นั่นสิคะคิดเหมือนกันเลย ใครจะชอบผู้ชายอย่างคุณก็เอาเลยแต่ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่!”