“ถ้าธัญญ์อยาก แขมีวิธีทำให้ธัญญ์มีความสุขค่ะ สนไหมคะ” แน่นอนว่าใครบ้างจะไม่สน หลังจากพยักหน้ารับเขาก็เดินตามแรงฉุดของคนรักไปที่ห้อง ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายมอบความสุขให้เขาด้วยมือและปากนานร่วมชั่วโมง
“เมื่อไรเราจะได้รักกันอย่างเปิดเผยสักทีคะธัญญ์ แขไม่อยากต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้แล้วนะคะ” แขไขยิงคำถามตรงใส่ทันทีที่ทำความสะอาดน้ำรักของแฟนหนุ่มด้วยปลายลิ้น ก่อนจะขยับไปนอนในอ้อมแขนของคนที่ได้แต่นอนหมดเรี่ยวแรงบนเตียง
“รออีกนิดนะครับแข อีกไม่กี่เดือนเด็กนั่นก็จะเรียนจบแล้ว จากนั้นผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง” ในเมื่อเขารักผู้หญิงคนนี้ ต่อให้เวลานั้นครอบครัวจะไม่มีใครเห็นด้วยมันก็คงช่วยไม่ได้
การที่เขายอมแต่งงานกับมุกดา ซ้ำยังจดทะเบียนกับผู้หญิงคนนั้นมันก็ถือได้ว่าครอบครัวของเขาได้ชดใช้บุญคุณของพ่อเธอไปแล้ว อีกอย่างทุกคนในครอบครัวเขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด มันคงถึงเวลาที่เขาจะมีสิทธิ์เลือกทางเดินในชีวิตให้ตัวเองบ้าง อย่างน้อยก็เรื่องคู่ครอง
“แขจะรออีกนิดก็ได้ค่ะ แขเชื่อใจธัญญ์นะคะ เชื่อว่าธัญญ์จะไม่มีวันทำให้แขผิดหวัง” แต่เป็นเธอเองที่ทำผิดลับหลังเขา แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อชีวิตในฐานะนางเอกมือหนึ่งไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
บางครั้งคนเราก็ต้องยอมแลกบางสิ่งเพื่ออีกสิ่งที่สำคัญกว่า และเธอก็ยอม
ธัญญ์ใช้เวลาอยู่กับคนรักตลอดช่วงบ่ายก่อนจะขับรถออกมาในเวลาหนึ่งทุ่ม เมื่อถึงจุดนัดหมายที่เขาส่งข้อความไปบอกอีกคนสายตาก็สอดส่องมองหา เมื่อไม่พบจึงโทร.ไปเร่งก่อนจะเห็นร่างไว ๆ ที่คุ้นตาวิ่งหน้าตาตื่นมาใกล้จึงลงจากรถหวังจะดุที่หล่อนทำให้เสียเวลา
“กว่าจะโผล่หัวมาได้ ฉันไม่ได้บอกหรือไงว่าให้ระ...เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเนื้อตัวเธอมันถึงมีแต่เลือดแบบนี้” คำต่อว่าเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อสายตาหันมาพบเข้ากับสภาพของคนที่เขากำลังรออยู่
“เอ่อ…คือ...”
“ฉันถามก็ตอบ!”
“มุกมัวแต่รีบเลยเผลอวิ่งข้ามถนนแล้วไม่ทันระวังเลยถูกรถเฉี่ยวค่ะ คุณธัญญ์รอนานไหมคะ” ทั้งหมดเป็นเพราะเขาที่เอาแต่โทร.ไปเร่ง แถมยังขู่ว่าจะทิ้งเธอไว้ถ้าไม่มาถึงจุดนัดหมายในเวลาที่กำหนด เลยทำให้เธอรีบเสียจนไม่ทันระวังตัว โชคดีแค่ไหนแล้วที่รถคันนั้นไม่ได้ขับมาเร็วเท่าไร ไม่อย่างงั้นเธอคงเจ็บหนักยิ่งกว่านี้
“เธอนี่มัน...” เขาเว้นคำพูดเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น หวังจะปล่อยให้ความเงียบนำพาความหงุดหงิดออกไปจากใจ แต่ก็ยิ่งทำได้ยากเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด หล่อนถึงจะสำนึกได้ว่าไม่ต้องทำตามที่สั่งทุกครั้งก็ได้ และถ้าเขามีเจตนาจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่เขาจะโทร.นัดให้หล่อนมาหาทำไมให้เปลืองแรง
“จะพามุกไปไหนคะ โอ๊ย!” เพราะจู่ ๆ ก็ถูกกระชากให้เดินตามทำให้ขาที่เจ็บเดินไม่ค่อยถนัด สุดท้ายเธอก็ทรุดลงไปกองที่พื้นในสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไรนัก แต่นั่นเหมือนจะยิ่งทำให้อีกคนโมโห
“น่ารำคาญ!” เขาตัดปัญหาด้วยการช้อนอุ้มแม่คนที่ไม่ว่าจะตอนไหนก็ขยันสร้างแต่ความวุ่นวายให้กับเขาไม่เลิกขึ้นแนบอก ก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถ บังคับด้วยสายตาให้เธอเปิดประตูก่อนที่เขาจะค่อย ๆ วางเธอลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับแล้วถึงค่อยเดินอ้อมมาประจำที่ของตัวเอง จุดหมายปลายทางนั้นเป็นที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถาม
หลังทำแผลเสร็จธัญญ์ก็อุ้มคนขาเจ็บกลับมาที่รถก่อนจะมุ่งหน้ามาที่คอนโดฯ ของตัวเอง ที่นาน ๆ จะมาพักสักทีแทนที่จะกลับบ้าน
“เรามาทำอะไรที่นี่คะ” เดือดร้อนคนช่างถามที่ต้องถามขึ้น แม้จะรู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน แต่ที่เธออยากรู้คือคำถามที่ส่งไปให้มากกว่า
“หรือเธออยากให้ฉันพากลับบ้านไปทั้ง ๆ อย่างนี้ แม่กับยัยทิวาจะได้รุมฉีกอกฉันน่ะสิ” คำตอบนั้นทำให้หมดคำถามมากมายที่อยู่เต็มหัวพร้อม ๆ กับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าปลายสายเป็นใคร จึงรีบกดรับเพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง
“ค่ะคุณแม่”
“ดึกดื่นป่านนี้แล้วอยู่ไหนกัน ทำไมยังไม่พากันกลับบ้านอีก”
“คือ...” ระหว่างที่เธอกำลังนึกคำตอบอยู่นั้นมือถือก็ถูกแย่งไป
“คืนนี้ผมกับแม่คนดีของแม่จะค้างที่คอนโดของผมครับ เรื่องนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับคนของแม่แล้วว่าจะทำให้ผมมีอารมณ์แค่ไหน เพราะถ้าผมไม่มีอารมณ์ ต่อให้หล่อนมายืนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่สน” นั่นถือเป็นการปิดฉากทุกความต้องการของมารดา ก่อนที่ธัญญ์จะเป็นฝ่ายตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์รุ่นเก่าที่จำได้ว่ามันเคยเป็นของน้องสาวเขามาก่อนคืนสู่เจ้าของใหม่ไป
“ถอดเสื้อผ้าออก” คำสั่งนั้นทำเอามุกดาตกใจจนเผลอก้าวถอยหนี เดือดร้อนคนที่กำลังถูกกล่าวหาด้วยสายตาต้องขยับตามติด
“คุณธัญญ์!”