รถตู้คันสีขาวแล่นเข้ามาจอดหน้าหน้าหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว ประตูรถถูกเปิดขึ้นก่อนร่างบอบบางของนาราภัทรก้าวลงมาเป็นคนแรก ตามด้วยคนร่างเล็กของคุณหนูปลายตะวัน และคนสุดท้ายก็เป็นป้าจิตร
แม่เลี้ยงปลายรุ้งเดินลงมาสวมกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง ก่อนหันมามองหญิงสาวอีกคนที่ท่านเองก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน “แม่คิดถึงหนูสองคนมากเลย ใจร้ายมากเลยน่ะ ไม่มาหาแม่กันเลย” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของแม่เลี้ยงปลายรุ้ง เรียกรอยยิ้มอ่อนหวานจากสองสาวเลยทีเดียว
ปลายตะวันยื่นมือเข้าไปโอบกอดร่างอวบของมารดาอย่างออดอ้อน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากกลับมาหามารดาแต่เพราะใครบ้างคนที่อยู่ถัดไปจากรีสอร์ตของครอบครัวเธอต่างหาก
“หนูคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยคะ แต่ช่วงนี้ร้านดอกไม้กำลังไปได้สวย หนูกับนาราก็เลยต้องคอยดูแลอย่างละเอียด”
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่เรื่องอื่น” แม่เลี้ยงอดกระเซ้าลูกสาวไม่ได้ ใช่ว่าท่านไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม่ลูกสาวตัวดีถึงไม่ยอมอยู่ที่นี่กับท่าน หากไม่ใช่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เจ้าของไร่พัชรเกียรติล่ะก็ท่านให้เหยียบเลย
“คุณแม่ล่ะก็” ปลายตะวันก้มใบหน้าหวานซ่อนความหงุดหงิดเอาไว้ไม่ให้มารดาเห็น แม่เลี้ยงปลายรุ้งทายถูกทุกอย่างเลยแหละ เธอไม่อยากขึ้นตากเพราะว่าอดีตคนรักอยู่ที่นี่
“สบายดีจ๊ะ นาราล่ะลูกเป็นยังไงบ้าง”
“นาราสบายดีค่ะคุณแม่ ว่าแต่คุณแม่สบายดีนะคะ”
“จ๊ะ แม่สบายดี”
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะจ๊ะ” ท่านอดแซวสามีไม่ได้ นับตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากลูกสาว สามีของท่านก็ไม่ยอมไปไหนเลยวันนี้ เพราะจะอยู่รอเจอลูกสาวสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียวของพวกท่าน
“ค่ะคุณแม่” ปลายตะวันพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะจับมือผู้เป็นมารดา เดินเข้าไปภายในตัวบ้าน
นาราภัทรหันมายิ้มกับป้าจิตร เดินตามแม่เลี้ยงปลายรุ้งและเพื่อนรักเข้าไปในบ้านอีกคน หญิงสาวรู้ดีว่าแม่เลี้ยงปลายรุ้งนั้นรักลูกสาวมากแค่ไหน หากไม่เกิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อน เธอเชื่อแน่นอนว่าท่านคงไม่ยอมให้ปลายตะวันอยู่กรุงเทพฯ หรอก แม้ว่าเรื่องในอดีตผ่านมาหลายปี แต่สำหรับเธอและปลายตะวันมันก็เหมือนกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน ความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากกิตติภพนั้นกลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ
ส่วนเรื่องปลายตะวันกับภานุวัฒน์เลิกกันนั่นก็เป็นเพราะเรื่องที่เธอโดนกิตติภพหักหลัง ถึงเรื่องครั้งนั้นไม่เกี่ยวกับภานุวัฒน์ แต่ปลายตะวันก็โทษว่าชายหนุ่มผิดเหมือนกันที่ไม่ห้ามกิตติภพ ทั้งที่ความจริงเธอรู้ดีว่า ภานุวัฒน์นั้นพยายามช่วยเหลือมากมายแค่ไหน สำหรับปลายตะวัน ไม่ใช่เลย เพื่อนของเธอคนนี้มักไม่มีเหตุผล เกลียดการโกหกเป็นที่สุด
แม้ภานุวัฒน์พยายามอธิบายมากแค่ไหน งอนง้อสักเพียงใด ปลายตะวันก็ไม่ยอมอภัยและยกโทษให้ สุดท้ายทั้งสองก็ต้องเลิกกัน ซึ่งมันก็เป็นความผิดของเธอด้วย ที่ไม่พยายามอธิบายให้เพื่อนจอมดื้อรั้นได้รู้ความจริง
‘นาราขอโทษคะคุณวัฒน์ ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเลิกกับยัยจันทร์ แต่นาราสัญนาว่าจะทำให้ยัยเพื่อนจอมดื้อรั้นคนนี้กลับไปคืนดีกลับคุณวัฒน์ให้ได้’
///////////
14 : 55 นาฬิกา
ภานุวัฒน์ก็เดินกลับเข้ามาภายในบ้าน ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปภายในครัวอย่างรีบร้อน ภายในใจก็ภาวนาขอให้นางลำดวนอยู่รอเขา
“ป้าลำดวนหายไปไหน”
ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นว่าภายในครัวไม่มีแม้เงาของป้าลำดวนของเขาเลย
“หาใครอยู่หรือค่ะนาย”
น้ำเสียงหวานเล็กเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความประหลาดใจ เพราะไม้บ่อยนักที่เจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาภายในครัวเช่นนี้
“มายาเห็นป้าลำดวนบ้างไหม” ภานุวัฒน์ก้มลงมาถามหลานสาวของป้าลำดวนอย่างกังวล
“ป้าลำดวนก็รอนายอยู่ในห้องโถงนิคะ”
“อ้าวเหรอ” น้ำเสียงเข้มพยักหน้าตอบอย่างเก้อเขิน เขาลืมห้องโถงไปได้ยังไงกัน
“มายาว่านายรีบไปเถอะคะ ป้าลำดวนแกรอนานแล้ว เห็นบ่นๆ อยู่ว่าอยากเจอคุณหนูปลายตะวันจะแย่แล้ว ขืนนายยังยืนคุยกับมายา มีหวังป้าลำดวนแกคงไปหาคุณหนูปลายตะวันก่อนแน่ๆ เลยค่ะ”
มายาวีเอ่ยขึ้น แต่สายตากลับจ้องมองนายหนุ่มอย่างขบขัน ทุกคนในไร่ต่างก็รู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มผู้นี้กับคุณหนูปลายตะวันนั่นเคยรักกันมากแค่ไหน แต่ไม่รู้เพราะอะไรทั้งสองถึงได้เลิกกัน
“ก็เรามาชวนพี่คุยนิมายา”
“อ้าว นายจะมาโทษมายาได้ยังไง”
เด็กสาวทำน้ำเสียงเศร้า แต่แววตาเจ้าเล่ห์ไม่น้อยเมื่อเธอสามารถแกล้งผู้เป็นนายได้
“โอเคค่ะ มายาไม่แกล้งแล้ว รีบไปเถอะค่ะ ป้าลำดวนรออยู่”
ภานุวัฒน์ถึงกับส่ายหัวกับนิสัยขี้เล่นและขี้แกล้งของเด็กสาวคนนี้ แม้ว่ามายาวีจะเป็นหลานสาวของป้าลำดวน แต่สำหรับเขามายาวีก็เปรียบเสมือนน้องสาวคนหนึ่งของเขาทีเดียว อาจเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของตระกูลพัชรเกียรติ เลยทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว แต่พอมีหลานสาวของป้าลำดวนมาอยู่ด้วย เขาก็เหมือนกับมีน้องสาวเพิ่มมาหนึ่งคน เด็กสาวคนนี้ไม่ยอมรับเขาเป็นพี่ก็เถอะ แต่สำหรับเขาแล้วมายาวีก็คือสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวัชรเกียรติ ใครก็ตามที่คิดทำร้ายน้องสาวคนนี้ของเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด
“จะไม่ไปด้วยเหรอ”
“ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวมายาจะเข้าไปในไร่เสียหน่อย”
มายาวีเองก็รู้ว่าเจ้านายหนุ่มผู้นี้คิดยังไงกับเธอ ความรักและความห่วงใยที่ผู้เป็นนายมอบมาให้ทำให้เธอรู้สึกปลาบปลื้มและมีความสุขมาก หากบิดาและพี่ชายรักเธออย่างที่ผู้เป็นนายคนนี้รักก็คงจะดี
“ดูทำหน้าเข้าสิ”
“จำไว้นะ มายาเป็นน้องสาวของพี่ อย่าไปสนใจกับอดีตที่มันผ่านสิ่งที่เราต้องทำคือเดินไปข้างหน้า”
เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบใจน้องสาวคนนี้ยังไงดี เพราะสิ่งที่เธอเจอมันหนักหนาสาหัสเกินไป บิดาติดการพนันจนต้องส่งลูกสาวคนนี้ไปขัดดอกหรือหากให้เรียกกันตรงๆ ก็ขายลูกสาวกินนั่นเอง ”แกเป็นลูกฉันนังมายา แกต้องทำเพื่อฉันได้ กะอีแค่ไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยเขามันยากตรงไหน มีบ้าน มีรถ อยู่อย่างสุขสบาย” เพียงแค่เขาได้ฟังประโยคนี้ของบิดาของมายาวี เขาถึงกับโกรธแค้นจนแทบกระอัก เขาไม่คิดเลยว่าโลกนี้ยังมีพ่อที่ใจเหี้ยม โหดร้ายแบบนี้อยู่อีก แต่เขาก็ได้เห็นมัน อย่างน้อยก็พ่อใจเหี้ยมของมายาวีคนหนึ่งล่ะที่เขารู้จัก
“นาย” มายาวีถึงกับสะอื้นฮัก เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต
“อย่าร้องไห้สิ น้องสาวของพี่ต้องเข้มแข็ง พี่ไปแล้ว มัวแต่ปลอบมายานี่แหละ สงสัยป้าลำดวนคงงอน แล้วไปคนเดียวแล้วล่ะมั้ง” ภานุวัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ขอโทษค่ะ ไปเถอะค่ะเดี๋ยวป้าลำดวนจะคอยนาน” มายาวีขอโทษขอโพยผู้เป็นนายเป็นการใหญ่
“โอเค ไปล้างหน้าล้างตาซะ” ภานุวัฒน์บอกอย่างอ่อนโยน ยกมือขยี้ผมของมายาวีอย่างเอ็นดู
“เป็นน้องสาวของพี่ต้องไม่อ่อนแอจำไว้...มายา”
“ค่ะ” มายาวีพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม ยกมือเช็ดคราบน้ำตาอย่างรวดเร็ว ก่อนเงยหน้ามองผู้เป็นนายพ่วงตำแหน่งพี่ชายของเธออีกคน ที่เดินจากไปจนลับตา “ขอบคุณที่มอบความรักให้มายานะคะพี่วัฒน์” หลังจากนี้เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีความสุข เธอต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ เป็นเด็กดีของพี่ชายคนนี้และที่สำคัญเธอต้องช่วยให้พี่ชายที่แสนน่ารักคนนี้คืนดีกลับคุณหนูปลายตะวันให้ได้
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...