“สวัสดีครับคุณลุง ตัวเล็กล่ะครับ”
ภานุวัฒน์มักจะเรียกปลายตะวันว่าตัวเล็กเสมอ อาจเป็นเพราะรูปร่างของปลายตะวันที่ดูตัวเล็ก บอบบางเหมือนตุ๊กตา เขาถึงตัดสินใจเรียกชื่อ ‘ตัวเล็ก’ มากกว่า ‘ปลายตะวัน’ เขายกมือไหว้พ่อเลี้ยงราเชนทร์อย่างนอบน้อม ก่อนกวาดสายตามองหาร่างเล็กของอดีตคนรัก แต่เขาก็ไม่เห็นแม้เงา
“ว่าไงล่ะตาวัฒน์ มาหายัยตัวเล็กเหรอ” ท่านเองก็มักเรียกลูกสาวว่า ตัวเล็ก จนติดปากเหมือนกัน สงสัยท่านคงติดชื่อนี้มาจากว่าที่ลูกเขยนี่แหละ
พ่อเลี้ยงราเชนทร์สบตามองชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างขบขัน ยิ่งเห็นสีหน้าหล่อเหลาเริ่มแดงก็ยิ่งพอใจ เห็นทีความหวังที่ท่านและภรรยาต้องการให้ลูกชายของเพื่อนรักแต่งงานกับลูกสาวก็พอมีหวัง สิ่งทีท่านกังวลคงเป็นลูกสาวของท่านเสียมากกว่า ท่านเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้แม่ลูกสาวจอมดื้อรั้นยอมใจอ่อนลงบ้างหรือยัง นึกแล้วท่านก็อดเสียดายไม่ได้ หากไม่เกิดปัญหาในอดีตป่านนี้ท่านก็คงได้อุ้มหลานแล้ว
ใครจะเหมือนท่าน ที่คิดอยากอุ้มหลานแต่ก็ไม่ได้อุ้มเสียที
‘หนุ่มสาวสมัยนี้มันเป็นยังไงกัน ทะเลาะกันนิดหน่อย งอนกันนิดหน่อย ก็เลิกกัน เฮ้อ...กลุ้ม’
“แล้วตัวเล็กไปไหนหรือครับคุณลุง”
“ยัยตัวเล็กของตาวัฒน์ อยู่บนห้องกับหนูนารา กับคุณแม่เขานั่นแหละ”
“ผมให้ป้าลำดวนทำขนมหวาน ของชอบของตัวเล็กมาฝากน่ะครับคุณลุง”
“แล้วทำขนมอะไรมาให้ยัยตัวเล็กบ้างล่ะตาวัฒน์”
“ก็มีขนมเม็ดขนุน ขนมดอกไม้ ทองหยิบ ทองหยอดน่ะครับ ของชอบยัยตัวเล็กเขาน่ะครับ”
“ยัยตัวเล็กคงดีใจ ที่รู้ว่าตาวัฒน์ยังจำได้ว่าเขาชอบทานขนมอะไร”
พ่อเลี้ยงราเชนทร์อารมณ์ดี ก่อนที่มองเลยไปยังภรรยาที่เดินลงมาจากห้องของลูกสาวด้วยรอยยิ้มแต้มใบหน้า ท่านได้แต่อมยิ้มกับท่าทางมีความสุขของภรรยา ไม่ต้องบอกหรอกว่าภรรยาของท่านมีความสุขแบบนี้เพราะอะไร ขนาดท่านเองยังมีความสุขเลยที่รู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวโทร. มาหา แล้ววันรุ่งขึ้นท่านก็พบว่าลูกสาวและเพื่อนรักของลูกสาวเดินทางมาถึงตากแล้ว
“แล้วยัยหนูล่ะคุณรุ้ง”
“ยัยหนูกำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ค่ะคุณพี่” แม่เลี้ยงปลายรุ้งตอบสามีอย่างมีความสุข ก่อนก้มลงมามองเจ้าของไร่หนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“รู้ข่าวไวจังเลยน่ะตาวัฒน์” ท่านเอ่ยถามอย่างหยอกล้อ
“ครับ” ภานุวัฒน์เพียงแต่พยักหน้าตอบรับ
“แล้วนี่ขนอะไรมาเยอะแยะเชียว”
สายตาของแม่เลี้ยงจ้องมองกล่องสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างแปลกใจ ท่านอยากรู้เหลือเกินว่าด้านในกล่องสีสวยหลายใบนั้นมีอะไรซ่อนอยู่
“ตาวัฒน์เขาเอาขนมหวาน ของชอบยัยหนูมาฝากน่ะ”
“ขนมหวานหรือค่ะ”
แม่เลี้ยงนั่งลงข้างสามีก่อนจะก้มลงมามองกล่องสี่เหลี่ยมตรงหน้าอย่างประหลาดใจ การที่ว่าที่ลูกเขยของท่านมาถึงที่นี่ก็แปลกใจอยู่แล้วแต่ที่ทำให้ท่านแปลกใจมากไปกว่านั้นก็เพราะของฝากนี่ต่างหาก
“ตาวัฒน์รู้ได้ยังไงว่ายัยหนูจันทร์จะกลับมา”
“ความลับครับคุณป้า”
ภานุวัฒน์ได้แต่อมยิ้มกับท่าทางแปลกใจของแม่เลี้ยงปลายรุ้ง เขาหรือจะกล้าบอกความจริงว่า คนใช้ในบ้านหลังนี้เป็นลูกน้องของเขาเอง แถมเขายังส่งลูกน้องมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว
นับตั้งแต่เขาเลิกกับปลายตะวัน เขาก็ส่งลูกน้องมาคอยดูแลและรายงานความเคลื่อนไหวของอดีตคนรักว่าหญิงสาวไปไหนบ้าง ทำอะไรที่ไหน แล้วคบผู้ชายคนไหนบ้าง
“ทำอะไรก็อย่าให้ยัยตัวเล็กจับได้ล่ะตาวัฒน์ เกิดอะไรขึ้นลุงช่วยเราไม่ได้น่ะ”
“ครับคุณลุง”
คนอย่างเขาไม่มีทางถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างปลายตะวันจับได้หรอก เขารู้ดีว่าทำยังไงถึงรอดพ้น สายตาอยากรู้อยากเห็นของเธอได้
“ป้าว่าวันนี้ตาวัฒน์คงไม่ได้เจอยัยหนูหรอก”
“สงสัยตัวเล็กรู้ว่าผมมาหาแน่ๆ เลย ถึงไม่ยอมลงมาแบบนี้”
“ป้าว่าไม่ใช่หรอกจ๊ะ ยัยหนูกับหนูนาราเขาเดินทางกันมาเหนื่อยๆ ป้าว่าสองคนนั่นคงอาบน้ำแล้วก็หลับไปแล้วล่ะ”
แม่เลี้ยงปลายรุ้งนึกถึงสภาพของลูกสาวทั้งสองแล้วก็ต้องอมยิ้ม กับท่าทางเหมือนคนไม่มีแรง เมื่อท่านเอ่ยถามว่าเป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้าทำตาแบบนั้น แต่คำตอบที่ท่านได้มาก็คือ
เมื่อคืนทั้งสองดูการ์ตูนกันจนดึกนั่นเอง บอกไปใครเขาจะเชื่อว่าคุณหนูปลายตะวันกับคุณหนูนาราภัทร ติดการ์ตูนอย่างหนัก
“งั้นผมขอตัวกลับไปดูงานที่ไร่ก่อนดีกว่าครับ เอาไว้ผมเคลียร์งานในไร่เสร็จ ผมจะรีบจัดการเรื่องของผมกับตัวเล็กเสียที” ภานุวัฒน์ยกมือไหว้ผู้เป็นลุงและป้า ก่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องอย่างมั่นใจ อีกไม่นานเขาต้องทำให้ปลายตะวันกลับมาเป็นของเขาให้ได้
“คุณพี่ว่าตาวัฒน์จะทำสำเร็จไหมคะ”
“ก็ต้องรอดูกันไปแล้วล่ะคุณรุ้ง” พ่อเลี้ยงราเชนทร์ตอบออกมาอย่างอารมณ์ดีกับคำพูดของว่าที่ลูกเขยในอนาคต
///////////
สองวันต่อมา…
ปลายตะวันและนาราภัทรก็ขับรถเข้ามายังไร่กุหลาบปลายตะวันที่อำเภอพบพระ ไร่กุหลาบแห่งนี้พ่อเลี้ยงราเชนทร์และแม่เลี้ยงปลายรุ้งสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกท่าน ไร่กุหลาบปลายตะวันใหญ่เป็นอันดับสองของอำเภอนี่เลยทีเดียว พื้นที่การเพาะปลูกมีเกือบห้าร้อยไร่แต่ก็ยังสู้ไร่กุหลาบของตระกูลพัชรเกียรติไม่ได้อยู่ดี พื้นที่เพาะปลูกกุหลาบของไร่พัชรเกียรติมีเกือบพันไร่ที่สำคัญไปกว่านั้นทางตระกูลพัชรเกียรติยังมีสวนกล้วยไม้อยู่ที่จังหวัดราชบุรี
“เราอยู่กันที่ไร่สักอาทิตย์ดีไหม”
“แต่ฉันเป็นห่วงร้านนะจันทร์” นาราภัทรบอกอย่างกังวล
“แกจะเป็นห่วงอะไรนักหนาฮะ” ปลายตะวันตวัดสายตาหันมามองเพื่อน
“ที่ร้านก็ยังมีแม่พรรณ แล้วยังวรรณอีก”
“แกก็รู้ว่าวรรณมันไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้สักเท่าไหร่”
เพียงแค่คิดนาราภัทรก็แทบหมดสนุกขึ้นมาทันที เพราะ ‘วรรณ’ หรือ ‘จิราวรรณ’ ไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้ หากเธอคิดพึ่งพาลูกน้องสาวคนนี้แล้วนับว่าคิดผิดอย่างรุนแรง ปลายตะวันถึงกับถอนหายใจออกมาเลยทีเดียว เธอก็ลืมนึกไปว่าวรรณนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้ ส่วนใหญ่เป็นเธอและนาราภัทรที่คอยดูแลจัดดอกไม้ให้แก่ลูกค้า ส่วนวรรณมีหน้าที่แค่เปิดร้าน เตรียมดอกไม้ไว้ขาย แล้วก็อยู่ปิดร้านเท่านั้น
“งั้นก็แย่น่ะสิ เพราะฉันต้องอยู่ช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ก่อน”
“ไม่เป็นอะไรหรอกจันทร์ ฉันกะว่าจะอยู่สัก 2-3 วัน แล้วก็กลับ ส่วนแกจัดการเรื่องตัดกุหลาบของแกให้เสร็จเถอะ แล้วค่อยกลับไปก็ได้”
“งั้นก็โอเค ฉันจัดการเรื่องตัดกุหลาบเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปหาแกที่กรุงเทพฯ ทันที”
“ฉันว่าตอนนี้พวกเราเข้าไปในบ้านก่อนดีไหม...จันทร์”
“ก็ดีเหมือนกัน” ปลายตะวันพยักหน้า ก่อนแบกเป้ใบเล็กขึ้นมาแล้วก็เดินเข้าไปภายในตัวบ้าน
นาราภัทรหันมาหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กขึ้นมาสะพายก่อนเดินตามปลายตะวันเข้าบ้านไปอีกคน หญิงสาวรู้ดีว่าตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยใจมากแค่ไหนกับการเจออดีตคนรักอย่างกิตติภพ พิตตินันท์ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเธอพยายามหลบหน้าชายหนุ่มมาโดยตลอด การเจอกิตติภพในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว กลัวเหลือเกินว่าชายหนุ่มจะพยายามรื้อฟื้นเรื่องในอดีต กว่าเธอทำใจได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายปี
เพราะคิดว่าหัวใจสามารถลืมเขาได้แล้วเชียว แต่เปล่าเลย ในหัวใจของเธอยังไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้ได้เลย เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึงกิตติภพ แม้ว่าเธอเลิกกับอีกฝ่ายแล้วก็ตาม แต่มันก็เหมือนกับไม่ได้เลิกกัน ยิ่งเธอวิ่งหนี อีกฝ่ายก็พยายามไล่ตาม มันเป็นแบบนี้มาหลายปี เธอขอเลิก แต่กิตติภพไม่ยอมเลิก ปัญหาระหว่างเธอและกิตติภพจึงเป็นปัญหารื้อรังมานาน
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...