“ไอ้วัฒน์มันยังรักคุณจันทร์อยู่นะครับ”
ไม่รู้ว่าอะไรที่มันดลใจให้เขาพูดประโยคนี้ออกมา กิตติภพก้มลงมามองแม่สาวน้อยตาคมอย่างเสียใจ
เขานึกอยากเขกหัวตัวเองที่ดันพูดอะไรโง่ๆ ออกไป
ดูใบหน้าที่ซีดลงของปลายตะวัน เขาก็รู้แล้วว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับคำถามของเขา ในดวงตาคู่สวยนั่นดูหม่นหมองไร้ชีวิตชีวาเหลือเกินไม่เหมือนตอนแรกที่เขาเข้ามาในร้านนี่เลย
“อย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นให้ฉันได้ยินอีก เชิญคุณกลับไปได้แล้ว”
ปลายตะวันบอกเสียงแข็ง แหงนหน้าขึ้นมาสบตาใบหน้าคมเข้มอย่างแค้นเคือง หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ต้องมาตอกย้ำกับเรื่องในอดีตระหว่างเธอและภานุวัฒน์ทำไม
‘เห็นแก่ตัวพอกันทั้งคู่’
“คุณจันทร์”
“เชิญ วันนี้ร้านปิดแล้ว”
“ผมขอโทษด้วย แล้วผมจะมาใหม่”
กิตติภพเอ่ยขึ้นหลังจากมองอดีตคนรักของเพื่อนอย่างเสียใจ เขาไม่น่าพูดถึงภานุวัฒน์เลย ถึงแม้เขากับปลายตะวันไม่ได้สนิทกัน เขารู้ดีว่าภานุวัฒน์และสาวน้อยผู้นี้เป็นแฟนกันหากไม่เกิดเรื่องระหว่างเขากับนาราภัทรเสียก่อน บางทีภานุวัฒน์และสาวน้อยผู้นี้ก็คงแต่งงานกันแล้ว หลังจากเรียนจบ
หลังจากเกิดเรื่องได้ไม่นาน ทั้งเขาและภานุวัฒน์ต่างก็เรียนจบปริญญาโทแล้วตัดสินใจบินไปเรียนต่อปริญญาเอกที่เมืองนอกพร้อมกัน เหตุผลสำคัญ มันเป็นเพราะเขาเองที่ดันไปตกหลุมรักนาราภัทรเข้าจริงๆ และเหตุผลที่ภานุวัฒน์ตัดสินใจบินไปเรียนปริญญาเอกที่เมืองนอกแทนที่จะเป็นประเทศไทยก็เพราะเขาอีกเหมือน
ภานุวัฒน์บินไปเรียนต่อพร้อมกับรักษาแผลใจไปพร้อมๆ กัน ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกัน นั่นก็คือเขาและภานุวัฒน์อกหักจากสองสาวต่างขั้วคู่นี้ เขาตกหลุมรักนาราภัทร สาวน้อยจอมเย็นชา แต่กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยน ภานุวัฒน์ตกหลุมรักปลายตะวัน สาวน้อยอารมณ์ร้ายแต่ใจดี
//////////////
หลังจากกิตติภพกลับไป ปลายตะวันก็เดินเข้าไปหลังร้าน สายตากลมโตจ้องมองเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ดีว่าทุกคำพูดที่เธอและผู้ชายคนนั้นสนทนากัน เพื่อนเธอคนนี้ได้ยินทั้งหมด ร่างเล็กก้าวมาหยุดตรงหน้าร่างเพรียวบางของนาราภัทรด้วยความเป็นห่วง
“แกไม่เป็นอะไรใช่ไหมนารา”
นาราภัทรแหงนใบหน้าขึ้นมามองเพื่อนรักอย่างอ่อนล้า ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดในชีวิต กลับมาปรากฏต่อหน้าเธออีกครั้ง ผู้ชายที่เธอเคยร้องไห้ และปิดประตูหัวใจนับตั้งแต่รู้ว่าเขาทำร้ายหัวใจของเธอ
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะจันทร์ ฉันสบายดี”
“แน่ใจน่ะว่าแกไม่เป็นอะไร” ปลายตะวันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ” น้ำเสียงที่นาราภัทรตอบเพื่อนรักไม่ได้ดูสดใสนัก เธอกำลังรู้สึกหวาดกลัว กลับมาปรากฏตัวของกิตติภพในครั้งนี้
หลายปีที่ผ่านมาเรื่องระหว่างเธอกลับกิตติภพถือว่าเป็นเรื่องที่เธอเองก็เจ็บปวดไม่น้อย ด้วยความรู้สึกลึกๆ เธอรักกิตติภพไม่น้อย แต่พอรู้ความจริงมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่ชายหนุ่มทำ
“งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันดีไหม ว่าแต่แกอยากไปที่ไหนล่ะ”
ปลายตะวันเริ่มวางแผนการณ์ขึ้นมาในสมอง เธอไม่ต้องการให้นาราภัทรดูซึมเศร้า บางทีการที่เธอตัดสินใจช่วยนาราภัทรไปเที่ยวพักผ่อนบ้างก็น่าจะเป็นการดี
“แล้วร้านล่ะจันทร์”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร เราก็ปิดสัก 2-3 วันสิ แม่พรรณไม่ว่าหรอก”
เธอรู้ดีว่าแม่พรรณ หรือ คุณพรรณนารา มารดาของนาราภัทรไม่มีทางว่าหรอก หากท่านเห็นอาการของลูกสาวแบบนี้
ท่านก็คงทำแบบเธอนี่แหละ!
“แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่ร้านเลยน่ะจันทร์ แม่ก็ไม่อยู่”
“เราก็โทร. ไปบอกแม่พรรณสิ ไม่ใช่เรื่องยากเสียหน่อย”
“แต่แกกับฉันเพิ่งกลับมาจากเที่ยวเองน่ะ”
นาราภัทรได้แต่กังวล เธอกลัวว่ามารดาจะบ่น เพราะก่อนหน้านี่เธอกับปลายตะวันก็หยุดไปเที่ยวมาแล้วหนึ่งอาทิตย์เต็ม หากขืนหยุดอีกมีหวังลูกค้า หายหมดแน่ๆ
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่น่า ในเมื่อไม่สบายใจแบบนี้ ขืนเปิดร้านก็ขายไม่ได้อยู่ดี หน้าตาเคร่งเครียด ฉันว่าลูกค้าคงไม่กล้าเข้าร้านหรอก”
“หน้าตาฉันมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอจันทร์”
นาราภัทรเอ่ยถามปลายตะวันอย่างแปลกใจ หน้าตาเธอมันแสดงออกถึงความกังวลภายในจิตใจเธอได้เลยหรือเนี่ย
“ใช่”
สิ้นเสียงของปลายตะวัน นาราภัทรถึงกับยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองอย่างอ่อนล้า นี่เธอแสดงอาการหวาดกลัวและกังวลกับการมาของกิตติภพ มากมายขนาดนั้นเชียวหรือ?
ปลายตะวันจ้องมองอาการของเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง หลายปีที่ผ่านมานาราภัทรไม่เคยแสดงอาการหวาดกลัวหรือวิตกกังวลกับเรื่องของกิตติภพเลยสักครั้ง แล้วทำไมวันนี้ท่าทางหวาดวิตกจนเกินเหตุของเพื่อนถึงได้ดูชัดเจนถึงเพียงนี้
‘หรือว่ายัยนาราเจอนายกิตติภพมาก่อนหน้านี่’
คำถามที่ผุดขึ้นมาภายในใจ ทำให้ปลายตะวันถึงกับกังวลขึ้นมาเหมือนกัน
“แกเจอนายกิตติภพมาก่อนหน้านี่ใช่ไหม”
อาการพยักหน้าของเพื่อนทำให้ปลายตะวันถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาแทบทันที นาราภัทรไปเจอกับกิตติภพตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอถึงไม่รู้
“แกไปเจอนายกิตติภพตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สามหรือสี่วันมาแล้ว พอดีคุณธิตาเธอมาสั่งดอกไม้ที่ร้าน แล้วให้ฉันไปส่งให้ที่ตึกพิตตินันท์กรุ๊ป”
“เฮ้ย...”
ปลายตะวันร้องออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าหวานจ้องมองเพื่อนอย่างตื่นตระหนก ในเมื่อรู้ว่าจุดหมายที่ไปส่งสินค้าคือที่ไหน
แล้วเพื่อนเธอไปทำไม!
“แล้วทำไมแกต้องไปส่งเองด้วย ในเมื่อแกก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าไปที่นั่นแกต้องเจอนายกิตติภพ”
“ก็มันไม่มีใครอยู่สักคน แกคิดว่าผู้ชายคนนั้นจำฉันได้เหรอ”
นาราภัทรก้มลงมองสภาพตัวเองในตอนนี้กับเหมือนหลายปีก่อน เธอรู้ดีว่ามันเปลี่ยนไปมากขนาดไหน จากผู้หญิงที่ใส่แว่นหน้าเตอะ สวมเสื้อเชยๆ เปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงอีกคนที่เธอรู้ดีว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยลิบลับ
นาราภัทรในวันนี้สวย น่ารัก มันอกมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง บทเรียนในครั้งนั้นทำให้นาราภัทรผู้อ่อนแอเปลี่ยนมาเป็นนาราภัทรที่เข้มแข็ง มั่นใจในตัวเอง ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ เหมือนเช่นที่ผ่านมา เธอไม่เคยมองผู้ชายคนไหนอีกเลย หลังจากเลิกกับกิตติภพ พิตตินันท์ ผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดคนนั้น
“แล้วนายนั่นจำแกได้ยังไง”
ก็ไม่เถียงหรอกว่านาราภัทรวันนี้กับนาราภัทรในอดีตช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่สิ่งที่เธอสงสัยคือนายกิตติภพอะไรนั่นจำเพื่อนเธอได้ยังไง
“คุณธิตามาเจอฉันพอดี เลยแนะนำฉันให้นายกิตติภพ รู้จัก”
“งั้นก็ถือว่าแกซวยไป”
“อืมม์” นาราภัทรพยักหน้าเป็นการตอบรับคำถามของเพื่อน
“เดี๋ยวฉันจะโทร. ไปหาแม่พรรณเอง แกลุกไปเก็บดอกไม้เข้าร้านก่อน เดี๋ยวฉันคุยกับแม่พรรณเสร็จจะรีบไปช่วยแกเก็บของเข้าร้าน”
“ไปจริงๆ เหรอจันทร์”
“ก็ไปจริงๆ น่ะสิ” ปลายตะวันตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน
“โอเค ไปก็ไป”
นาราภัทรตอบรับ หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเล็ก พลางส่งรอยยิ้มกลับให้เพื่อนรัก เธอไม่อยากให้เพื่อนรักคนนี้ต้องเป็นกังวลกับเรื่องของเธออีก เธอรู้ดีว่าปลายตะวันเสียใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต หากไม่เกิดเรื่องระหว่างเธอและกิตติภพ บางทีเพื่อนรักเธอคนนี้อาจแต่งงานไปกับเพื่อนของกิตติภพไปแล้ว
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...