ตอนที่ 6 : โกรธ

2586 คำ
สายศิลป์ทราบจากมารดาเรื่องที่จามรีมาลากลับกรุงเทพฯ ไปก่อน เพราะมีงานด่วนที่จะต้องรีบไปสะสาง และจะส่งรถตู้กลับมารับในวันพรุ่งนี้ มารดาแอบเรียบเคียงถามว่า มีเรื่องอะไรหรือไม่ เพราะเมื่อสุวีร์มาถึงแค่เพียงไม่ถึงชั่วโมง จามรีก็มาขอลากลับไปก่อน “พี่จุ้นจูบแก ไม่น่าแปลกใจ แต่แกจูบเขา ฉันแปลกใจนะ” ปกป้องเดินมายืนอยู่ข้างๆ และยิ้มจางๆ ให้กับเพื่อนที่หันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ “ไม่ใช่เรื่องจูบ เพราะฉันปากไม่ดีมากกว่า พี่เขาไม่ยอมฟังคำขอโทษด้วยว่ะ” สายศิลป์บอก “อ้าวนึกว่าเรื่องรักสามเศร้า” ปกป้องหัวเราะเล็กๆ “ไอ้บ้า เห็นฉันเป็นคนยังไง” สายศิลป์พูดดุ “จะรู้ไหมล่ะ เห็นจูบเขาน่ะ ตกลงแกเป็นยังไง” ปกป้องยิ้ม “ฟ้ากับเหวเลยนะ ไม่ใช่แค่ดิน” สายศิลป์พูดยิ้มๆ “ก็มาเจอกันบนดินสิว๊ะ” ปกป้องหัวเราะอีกครั้ง “ไอ้นี่ พูดจาวกวน ฉันมีพี่วีร์อยู่แล้วนะ” สายศิลป์พูดเสียงอ่อยๆ “แกยังเด็กอยู่นะ แล้วไอ้ที่ไปนอนหนุนตักเขาตั้งนานสองนาน ตื่นแต่ไม่ยอมลุก เพราะอะไรถามตัวเองดู” ปกป้องพูดจบรีบเดินหนีไป สายศิลป์ถอนใจ ลมเย็นๆ ที่พัดมาปะทะกายไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็น หรือถึงกับหนาว แต่ทำให้รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้นึกถึง “แต่ฉันก็รักคนของฉันนะเว๊ย” สายศิลป์รำพึงออกมาเบาๆ “รักใครกันหนอ” สุวีร์เดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง ปกป้องเหลือบไปเห็นสุวีร์เดินตรงมาจึงเดินหนีไปปล่อยให้สองสาว ได้พูดคุยกัน “ขอโทษค่ะ” สายศิลป์ส่งข้อความก่อนที่จะเข้านอน ยิ้มให้กับคนที่โอบกอดเอาไว้ ผิดกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อคืนก่อนที่นอนผสานมือตัวเองเอาไว้ แม้สายศิลป์จะแกล้งนอนดิ้นขยับไปใกล้ๆ แต่จามรีมักจะขยับถอยหนี “กอดแล้วยิ้มแบบนี้ มานอนให้กอดบ่อยๆ สิ” สุวีร์บอกแล้วหอมแก้มสายศิลป์ที่หันมายิ้มให้ สุวีร์จูบคลอเคลียกับคนที่มียิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ถูกจูบอยู่ “อาร์ตว่า ตัวเองน่าเบื่อจะตายไปนะ” สายศิลป์บอก “ไม่เห็นน่าเบื่อตรงไหนเลย ใครว่าอะไรมา” สุวีร์ถาม “คิดเอาเอง ป้องชอบบอกว่า ทำตัวเป็นเด็ก” สายศิลป์พูดฟ้อง “ตรงไหนเด็ก” สุวีร์หัวเราะ “ไม่คุยแล้ว ง่วง พูดอะไรลวนลามตลอดเลย” สายศิลป์จูบสุวีร์ที่ ยิ้มดึงตัวให้เข้ามาแนบชิดและไม่ยอมให้ขยับออกห่าง “เลยไม่ได้เจอเจ้านายเราสักทีเลย อยู่ๆ ก็รีบกลับ” “คงมีธุระน่ะค่ะ กอดอาร์ตไว้ทั้งคืนเลยนะ ใจโหว่งๆ ยังไงไม่รู้” สุวีร์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดออดอ้อนระคนงอแง ซึ่งไม่ค่อยได้ยิน บ่อยนัก “มีงอแงด้วย น่ารักนะ รู้หรือเปล่า” “ขอให้กอด ไม่ได้งอแงสักหน่อย หรือไม่อยากกอดล่ะ” สายศิลป์บ่นพึมพำ “ฝันดี ยายเด็กน้อย” สุวีร์ยิ้มจางๆ แล้วกอดกระชับสายศิลป์เอาไว้ ปยุดากับกรวิกามาที่บ้านของจามรี เพราะเมื่อวันก่อนพูดคุยเรื่อง จัดหาของและสร้างห้องน้ำให้กับเด็กๆ จามรีบอกว่าคงกลับค่ำๆ ของวันนี้ เลยคิดว่า จะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยายทวดแทนเหลนสุดที่รัก แต่กลับกลาย เป็นว่า เห็นจามรีกำลังพูดคุยอยู่กับคุณยายทวด ปยุดาหันมามองสบตากับกรวิกาที่ยิ้มน้อยๆ เพราะแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นจามรีอยู่บ้าน “หมดกัน จะมาขอสมบัติคุณทวดสักหน่อย อดเลย” ปยุดาแกล้งพูดแหย่จามรีและเข้าไปกราบคุณยายทวดที่ตัก กรวิกาปฏิบัติเช่นเดียวกับ ปยุดา ซึ่งท่านให้พรกับทั้งสองสาว “เพิ่งให้ไปหีบหนึ่ง จะมาขออีกแล้วหรือ” กรวิกาหัวเราะเมื่อได้ยินคุณยายทวดบอกกับปยุดาที่หัวเราะเช่นกัน “แหมรู้นะว่ามีเยอะน่ะ ขออีกสักหีบ ครั้งนี้ขอแบบหีบใหญ่หน่อยนะคะ ให้เหลนไปสร้างเนื้อสร้างตัวเนอะ” ปยุดาอมยิ้ม “ที่มีกันอยู่น่ะ ไม่พอหรืออย่างไร ตายก็เอาไปไม่ได้นะ ใช่ไหม กร” “ค่ะ จริงอย่างที่คุณทวดบอกค่ะ” กรวิกาพูดยิ้มๆ “รัก กร มากกว่า ยุ่ง แล้วสิ คุณทวดอ๊ะ” ปยุดาพูดออดอ้อน จนท่านถึงกับหัวเราะกับเจ้าจอมยุ่งซึ่งเป็นเหลนที่รัก “น้อยกว่า สบายใจหรือยังเรา เจ้าจอมยุ่ง” “ค่อยดีขึ้นค่ะ ตกลงยังไงล่ะ เรา ไหนว่าจะกลับค่ำ” ปยุดาหันมาถามจามรีที่นั่งเงียบ หลังจากทักทายกรวิกาแล้ว “เสร็จเร็วเลยกลับเร็ว” จามรีบอก “เด็กๆ กลับมาหมดแล้วหรือ” ปยุดาถาม “กลับวันนี้เย็นๆ” “แล้วทำไมแกกลับมาก่อนล่ะจ้ะ จอจุ้น” ปยุดาจ้องมองแววตาที่ ดูหมองๆ ไปและไม่พูดจายียวนเหมือนทุกครั้งที่ได้พบกัน “งอนกันมา” คุณยายทวดพูดขึ้นลอยๆ สามสาวที่นั่งอยู่หันมามองที่ท่านพร้อมๆ กัน จามรียิ้มจางๆ เมื่อได้กลิ่นหอมของแป้งน้ำ ปยุดาสังเกต เห็นท่าทางแปลกๆ ของจามรี สายศิลป์ถอนใจเบาๆ เมื่อเห็นว่า ข้อความที่ส่งไปยังไม่ได้ถูกเปิดอ่าน ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก กลับมาย้อนคิดถ้าเป็นตัวเองก็คงโกรธเหมือนที่จามรีโกรธเช่นกัน สุวีร์หันมามองดูคนที่ดูโทรศัพท์แล้วแอบถอนใจ “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สุวีร์ถามขณะขับรถอยู่ “พูดไม่ดีกับผู้ใหญ่ไปค่ะ” สายศิลป์บอก “ขอโทษไปแล้วหรือยัง” “แล้วค่ะ” “ผู้ใหญ่ไม่โกรธหรอกนะ ถ้าเด็กขอโทษน่ะ อย่าคิดมาก” สุวีร์บอกแล้วหันมายิ้มให้เล็กน้อย “ขอโทษแล้วไม่โกรธจริงหรือคะ ถ้าเป็นพี่วีร์น่ะ” สายศิลป์ถาม “คงหาย แต่ขึ้นอยู่กับว่า เป็นเรื่องอะไร หายช้า หรือหายเร็วค่อยว่ากันอีกที” สุวีร์อธิบาย แต่ไม่ได้ซักถามว่า ผู้ใหญ่ที่ว่านั้นเป็นใคร “งั้นคงนานแน่เลย” สายศิลป์รำพึงออกมาเบาๆ “ดูกังวลมากนะ เราน่ะ” “นิดหน่อยค่ะ” สายศิลป์ไม่อยากให้สุวีร์ไม่สบายใจไปด้วย “นอนบ้านพี่ไหม พรุ่งนี้เช้าจะไปส่งที่ทำงานให้” “ไม่ดีกว่า ขอบคุณนะคะที่มารับกลับเข้ากรุงเทพฯ” สายศิลป์หอมแก้มสุวีร์เป็นการขอบคุณ “หวานน่ารักนะ พักนี้” สุวีร์พูดยิ้มๆ “ดีไหมล่ะ” สายศิลป์ถามเสียงอ่อยๆ “ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้นส่งที่หอนะ” “ขอบคุณค๊า” สายศิลป์ลากเสียงยาวและออกอาการหาวเล็กน้อย “ปรับเอนนอนไป ไม่ต้องอยู่ชวนคุยหรอก พี่ขับคนเดียวได้จ้ะ” “คุยไปเรื่อยๆ ถ้าเงียบแสดงว่า หลับเน๊าะ” สายศิลป์หัวเราะคิกคัก “หลับไปเลยดีกว่า หาวขนาดนี้ยังจะมาชวนคุยอีก” สุวีร์เอื้อมมือ มาแตะเบาๆ ที่ศีรษะของสายศิลป์ สายศิลป์ตื่นแต่เช้ามืดเหมือนทุกๆ วัน แต่เช้าวันนี้รู้สึกสดชื่นมากมองดูหมอนที่หนุนนอนตลอดคืน หมอนใบเดิมแต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกว่าทุกคืนที่ผ่านมา “ทำไมเหมือนตักของใครบางคนเลยล่ะจ้ะ” สายศิลป์ส่ายหน้าหันมามองและตบไปที่หมอนเบาๆ เอามือทาบทับเอาไว้ครู่หนึ่ง ยิ้มจางๆ และลูบไล้อย่างแผ่วเบา ถ้ารู้สึกได้ทุกครั้งอย่างที่ล้มตัวลงนอนเมื่อคืนจนกระทั่งเช้านี้ คิดว่า คงอยากนอนมากขึ้นกว่าช่วงเวลาก่อนหน้าที่ใช้เวลาในการนอนน้อยเหลือเกิน “คุณจุ้นคะ คุณสายศิลป์นักศึกษาฝึกงานมาขอพบค่ะ” เลขาหน้าห้องของจามรีโทรศัพท์มาแจ้งเจ้านาย ซึ่งคนรับโทรศัพท์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้ฝากเรื่องไว้เลยค่ะ พอดียุ่งๆ อยู่ ไม่น่าจะมีอะไรด่วนนะคะ” “ได้ค่ะ คุณจุ้น” จามรีถอนใจ สายศิลป์ถอนใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองหันมามองดูที่หน้าประตูห้องทำงานของจามรีเล็กน้อย เผื่อว่า เจ้าของห้องจะเดินออกมา สายศิลป์ไม่ได้ฝากข้อความอะไรไว้ เพราะได้ฝากไว้ตอนที่ส่งข้อความเข้าเครื่องโทรศัพท์ แต่จนกระทั่งเช้า นี้ผ่านมาได้สองวัน จามรียัง ไม่ได้อ่าน หรือไม่ได้สนใจอะไร ถึงจะไม่ได้สนใจสายศิลป์ยังคงตั้งใจที่จะบอกขอโทษ เพราะการพูดจาไม่ระมัดระวังของตัวเองทำให้คนดีๆ คนหนึ่งไม่สบายใจ ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรแล้วก็ตาม “มาแค่หน้าประตู กลิ่นแป้งยังโชยมาไกลขนาดนี้” จามรีรำพึงออก มาเบาๆ และยิ้มให้เลขาที่นำเอกสารมาให้ “น้องอาร์ตมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ พอบอกว่าไม่ให้เข้าพบเพราะคุณจุ้นยุ่งอยู่ หน้าจ๋อยเดินกลับไปเลย” เลขาบอกกับเข้านายที่เพียงแค่ฟังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ซึ่งอันที่จริงแล้วนักศึกษาฝึกงานมาขอเข้าพบก็ค่อนข้างจะแปลกๆ อยู่สักหน่อย แต่พอจะได้ยินมาว่า เป็นเด็กที่ฝากเข้ามาฝึกงานโดยปยุดาซึ่งเป็นผู้บริหารเก่า บางทีอาจจะมีเรื่องอะไรปรึกษากันเป็นส่วนตัว นั่น คือ สิ่งที่เลขาคิด “ไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ ฝากอะไรไว้หรือเปล่า” จามรีถาม “เปล่าค่ะ พอบอกว่ายุ่งอยู่ ขอตัวกลับห้องไปเลย อ้อเรื่องของที่นำ ไปบริจาคจัดการเรื่องใบแจ้งนำของออกเรียบร้อยแล้วนะคะ รบกวนคุณจุ้นเซ็นเอกสารให้ด้วยค่ะ” “ขอบคุณนะคะ อ้อเรื่องเด็กฝึกงาน ถ้ามาอีกแจ้งว่า ไม่อยู่หรือยุ่งอยู่ก็ได้นะคะ” จามรีบอกแล้วหันไปสนใจที่หน้าจอ คอมพิวเตอร์แทนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สงสารน้อง หรือให้โทรศัพท์มาดีกว่าคะ” เลขาพูดเสียงอ่อยๆ “ตามที่บอก ดีแล้วค่ะ” จามรีพูดเสียงเข้มทำให้เลขายิ้มจางๆ และรีบเดินออกไปทันที ผ่านไปสัปดาห์กว่าๆ สายศิลป์ไปขอพบจามรีอีกสองหรือสามครั้งแต่ได้รับคำตอบเหมือนเดิม คือ ติดงานไม่อนุญาตให้เข้าพบ แต่ความตั้งใจที่จะขอโทษของสายศิลป์ไม่ได้จางหายไป ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะหากไม่มีอะไรจามรีคงยอมให้เข้าพบตั้งแต่วันแรกแล้ว “ใจร้าย หนีหน้าไม่ยอมรับคำขอโทษ” สายศิลป์รำพึงออกมาเบาๆ มายืนหลบมุมอยู่ไม่ห่างจากรถยนต์ของจามรีที่จอดอยู่ ตั้งใจ จะรอจนกว่าจะได้พบไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม “ต้องให้ขอโทษแบบไหน ถึงจะหายโกรธ” เสียงของสายศิลป์ทำให้จามรีรีบหันมา เพราะไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นมาอยู่ บริเวณนี้ได้อย่างไรทั้งๆ ที่เลยเวลาเลิกงานมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว “มืดค่ำแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน มายืนตากยุงอยู่ทำไมกัน” จามรีพูดคล้ายดุเด็กๆ “รอขอโทษอยู่ รอมาจะสองอาทิตย์แล้ว” สายศิลป์พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ โดยไม่รู้ตัวและไม่มีหางเสียงเลยด้วย “เรื่องอะไร ไม่เห็นมีเรื่องอะไรต้องขอโทษเลย” จามรีบอก ยืนหันหลังพิงอยู่กับรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ “แล้วทำไมต้องหลบหน้า หลบตา ไม่ให้เจอด้วยล่ะ” จามรียิ้มน้อยๆ เมื่อคนที่ลักษณะท่าทางดูแข็งๆ ออกอาการงอแงให้เห็น “เอ๊าไม่เห็นรู้ว่า อยากเจอ” จามรีบอก “บอกอยู่นี่ไง ต้องดอกไม้ ธูป เทียนเลยไหม ถึงจะหายโกรธ” “น่าสนใจ จัดมาสิ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ด้วย เร็วๆ จะได้ไปส่ง” จามรีพูดจบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรอ ปล่อยให้สายศิลป์ยืนมองอยู่ด้วย ความไม่เข้าใจ จนเห็นจามรีพยักหน้าและผายมือไปยังบริเวณด้านข้างคนขับ จึงทำหน้ามุ่ยเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ “อะไรของเขาว๊ะ” สายศิลป์คิดอยู่ในใจ จามรียิ้มกับกลิ่นหอมของแป้งน้ำที่ได้กลิ่นหอมชัดเจนมากขึ้น เพราะคนตัวหอมๆ นั้นมา นั่งอยู่ด้วย “หอพัก หรือบ้านแฟน” จามรีถาม “หอพัก” “เป็นเด็กยังไง หางเสียงหายไปไหน” จามรีพูดดุแล้วแอบยิ้ม “ค่ะ พอใจยัง” สายศิลป์บ่นพึมพำ แต่รู้สึกตกใจเมื่อจามรีโน้มตัวมาช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ไม่ใช่แค่ตกใจธรรมดาถึงกับกลั้น หายใจเพราะไม่อย่างนั้น ลมหายใจจะไปปะทะเข้าที่แก้มของคนที่ยังคงทำหน้านิ่งขณะที่ช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้ จนกระทั่งจามรีกลับไปนั่งเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนรถออกไป สายศิลป์ถึงกับถอนใจอย่างโล่งอก เพราะรู้ดีว่า หากเป็นจูบอีก ครั้งอาจจะใจอ่อนจูบตอบแน่ จามรีพูดคนเดียวมาตลอดทาง หันมาชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ไม่ยอมพูดยอมจา แม้กระทั่งช่วงเวลาแวะรับประทาน อาหาร นั่งหน้าตูมเสียจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ “ดีนะ ยังมีปากเอาไว้ตอนกินข้าว” จามรีพูดขึ้น ขณะจอดรถอยู่ที่หน้าหอพักของสายศิลป์ “ถึงแล้วทำไมไม่ลง ไปลงไปได้แล้ว” จามรีอมยิ้ม เมื่อเห็นสายศิลป์ทำหน้างอมากกว่าเดิม “จุ้น ไม่ได้อยากกินข้าวสักหน่อย ชอบบังคับ” สายศิลป์บ่นพึมพำ จามรีพยายามที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ “กินซะเยอะเชียว บอกไม่อยากกิน โกหกบาปนะ” จามรีอมยิ้ม “หายโกรธยังล่ะ” สายศิลป์ถามเสียงอ่อยๆ “ไม่ได้โกรธ ทำไมต้องหายด้วยล่ะ” “ดีงั้นอาร์ตโกรธ” สายศิลป์เอื้อมไปเปิดประตูรถ “เดี๋ยว โกรธได้ไง ไปทำอะไรให้” จามรีคว้าข้อมือเอาไว้ “ปล่อยให้เป็นห่วง เป็นกังวลมาจะสองอาทิตย์แล้วนะ ควรโกรธไหมล่ะ ส่งข้อความก็ไม่อ่าน ขอเข้าไปพบก็บอกติดงาน กลับไปได้แล้วไม่อยากเจอแล้ว” สายศิลป์บ่นงึมงำ จามรีจึงดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้ “เราขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ” จามรีกระซิบบอก “อาร์ตจะไม่พูดกับพี่แล้ว” สายศิลป์ขยับตัวไม่ถึงกับดิ้น “พี่จุ้นดิ” จามรีพูดแหย่ “บอกแล้วไงว่ามีแฟนแล้ว ยังจะดึงไปกอดอีก” สายศิลป์พูดดุ “กอดปลอบแบบพี่น้อง ไม่ได้คิดอะไร หรือเธอคิด” “ชีวิตวายวอดแน่ ถ้าคิดน่ะ จุ้นจ้าน ขี้งอน ขี้น้อยใจ ไปแล้วนะ” “ตัวหอมนะ เธอน่ะ” จามรีหัวเราะ ทำไมถึงชอบพูดแหย่ทั้งๆ ที่เห็นเจ้าตัวหน้างอมาตลอดทาง “ตักนุ่มนะ เราน่ะ” สายศิลป์แลบลิ้นล้อ “จริงดิ วันหลังมาหนุนตักอีกนะ” จามรีพูดยิ้มๆ โบกมือให้สายศิลป์ที่ลงไปยืนอยู่ข้างๆ รถ “ขอบคุณนะคะ ขับรถดีๆ ล่ะ อย่าไปจุ้นจ้านกับคันอื่นเขานะ” “ฝันดีนะ ยายแป้งหอม” จามรีโบกมือให้อีกครั้งก่อนที่จะขับรถไป “เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ปรับตัวไม่ทันแล้วเนี่ย” สายศิลป์ถอนใจยิ้มจางๆ มองดูรถของจามรีที่ขับออกไปจนลับตา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม