ภายในห้องนอน
ร่างอรชรหลับใหลอย่างเป็นสุขภายในห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้อย่างดี เตียงนอนไม้ที่แกะสลักลวดลายเอาไว้งดงามอย่างยิ่งยวด ช่างมีขนาดใหญ่กว้างขวางและหนานุ่มยิ่งนัก เตียงนอนของอิ๋งชวนโหวดังกล่าว ยังไม่เคยมีสตรีนางใดได้มีโอกาสนอนร่วมเตียงเดียวกันมาก่อนเลย
และหวางเย่หลิงคือสตรีคนแรกที่ได้นอนร่วมเตียงเดียวกับท่านโหวหนุ่มรูปงาม อากาศที่เย็นยะเยือกของฤดูหนาวที่เข้ามาเยือนทำให้ร่างอรชรเริ่มขดตัวงอเข้าหากันเพราะความหนาวเหน็บ ก่อนจะซุกร่างของนางพร้อมดึงสิ่งที่อยู่ข้างตัวมากอดก่ายด้วยความเคยชินซึ่งเป็นคนชอบนอนกอดก่ายเป็นที่สุด
นางเอื้อมคว้ามากอดพร้อมยกขาเรียวเกี่ยวกระหวัดพลางซุกไซ้ใบหน้าสวยลงไปทันที แต่แล้วสิ่งผิดปกติบางอย่างทำให้เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังกอดก่ายอยู่ในเวลานั้นช่างแข็งกระด้างเสียนี่กระไร
“ทำไมวันนี้หมอนของข้าถึงได้แข็งแบบนี้นะ”นางพึมพำด้วยความงัวเงีย
“ก็แล้วผู้ใดบอกว่าข้าคือหมอนกันเล่า”เสียงที่ตอบกลับไปแนบชิดริมหูของนาง ทำให้ดวงตาคู่งามที่กำลังพร่าเลือนเพราะกำลังงัวเงียขี้ตาตัวเองเบิกโพลงขึ้นมาทันที
ดวงตากลมโตเห็นแผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยแผงกล้ามเนื้อและไรขนอ่อนๆ เรียงตัวยาวจนหายเข้าไปในขอบกางเกงนอน ขาเรียวยาวของนางกำลังเกี่ยวกระหวัดรัดร่างบุรุษที่เต็มไปด้วยพลังทางเพศอย่างร้อนแรง ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นเบื้องบน เห็นแนวเคราเขียวครึ้มที่ผ่านการโกนมาอย่างดี ปลายคางบุ๋มรับกับโครงหน้าหล่อเหลาก่อนจะสบสายตากับดวงตาสีสนิมเหล็กที่กำลังนอนมองเธอด้วยแรงเสน่หาอยู่ในขณะนี้
“ตื่นแล้วเหรอ”คำกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
กรี๊ดดดดดด เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นมาโดยพลัน พร้อมกับร่างงามผละออกจากการกกกอดด้วยเข้าใจว่าเป็นหมอนหนุนนั้นทันที
“จะ!...เจ้าคนบ้าตัณหา!!!”ประโยคแรกที่นางกล่าวตอบกลับมาด้วยความตกใจ
อิ๋งชวนโหวหุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข้าชื่อว่าจางหยุนฟ่าน หรืออิ๋งชวนโหวไม่ได้มีชื่อที่เจ้ากำลังเรียกข้าออกมาเมื่อครู่เช่นนั้น”ท่านโหวหนุ่มบอกนางเสียงเข้มพร้อมมองตรงไปที่ร่างอันยั่วยวนของสาวเจ้าที่มีเพียงผ้าผืนใหญ่พันไว้รอบกายเท่านั้น สายตาที่เต็มไปด้วยแรงแห่งพิศวาสบ่งบอกความต้องการที่มีต่อนางอย่างเห็นได้ชัด
ครั้นหวางเย่หลิงเห็นบุรุษตรงหน้ามองกลับมาเช่นนั้น นางรีบก้มลงสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็ว
“นะ....นี่....”หวางเย่หลิงกล่าวได้เพียงแค่นั้นก็เงียบเสียง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในเวลานี้ พร้อมเสียงของอิ๋งชวนโหวดังแทรกขึ้น
ครั้นโหวหนุ่มเห็นนางก้มลงมองตัวเองเช่นนั้น จึงแสร้งทำทียักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นลงพร้อมกันอย่างไม่ยี่หระ
“ข้าเป็นคนเปลี่ยนให้เอง สวมอาภรณ์ถึงแปดชั้นเช่นนั้นเพราะกลัวหนาวหรือป้องกันข้ากันแน่ แต่ขอบอกเลยว่าต่อให้สวมหนาถึงยี่สิบชั้นข้าก็สามารถเปลื้องผ้าของเจ้าออกได้จนหมดสิ้น หรือว่าอยากจะนอนเปลือยกายท้าทายลมหนาวก็ได้ แต่ไม่ได้สิเกิดเจ้าล้มเจ็บเป็นไข้ลมหนาวขึ้นมา เจ้าก็ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้หญิงของข้าได้แต่จะใส่ใจไปใย ในเมื่อข้าก็ลงมือจัดการกับเจ้าดั่งที่เห็น”โหวหนุ่มบอกกลับไป
และนั่นทำให้หวางเย่หลิงเข้าใจว่าอิ๋งชวนโหว ฉวยโอกาสที่กำลังหมดสติผลาญพร่าพรหมจรรย์ของนางไป
“เจ้าคนเลว!!”กล่าวพร้อมมือเรียวเงื้อขึ้นสูงก่อนจะกระหน่ำลงบนใบหน้าของโหวหนุ่มทันที
ฉาด!!! เสียงตบดังสนั่นด้วยฝ่ามือพิฆาตจนอีกฝ่ายหน้าชาไปเป็นแถบ
อิ๋งชวนโหวหน้าหันไปอีกทาง มือหนายกขึ้นสัมผัสใบหน้าของตัวเองที่กำลังชาเพราะแรงตบอันหนักหน่วงของอีกฝ่ายก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดอย่างพึงพอใจ
“มือหนักใช้ได้..ช่างหาญกล้ายิ่งนักที่ลงมือกับข้าเช่นนี้ ชีวิตช่างมีสีสันเสียนี่กระไร”โหวหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
ใบหน้าหันกลับมามองสาวน้อยที่กลายร่างเป็นแม่เสือโคตรดุ และอิ๋งชวนโหวพอจะเดาออกแล้วว่านางกำลังเข้าใจผิด เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นสภาพตัวเองเป็นเช่นนี้
ร่างใหญ่กำยำกระโจนตะครุบร่างเกือบเปลือยที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
“ว้ายยยย! ปล่อยนะ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ บอกให้ปล่อย!”นางร้องลั่นตะโกนโวยวาย
พรืดดดด มือดึงร่างงามที่กึ่งเปลือยจนตัวลอยละลิ่ว ก่อนจะมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาทั้งตัว จนสัมผัสได้ว่าแม่เด็กปากดีตัวสั่นเทาเป็นลูกนกตกน้ำเลยทีเดียว แบบนี้เองที่เรียกว่าเก่งแต่ปาก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกสงสารด้วยเพราะไม่ชอบบังคับจิตใจของผู้ใดโดยเฉพาะสตรี ทว่าอิ๋งชวนโหวก็อยากจะแกล้งเพื่อเป็นการเอาคืนนาง แม่สาวน้อยในอ้อมกอดเป็นสตรีที่ช่างแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านมาทั้งหมด
“เจ้าตบข้าเป็นครั้งที่สามแล้วนะเย่หลิง เจ้าไม่ล่วงรู้อย่างนั้นเหรอว่าโทษฐานทำร้ายขุนนางระดับสูงจะเป็นเช่นไรเพิ่งจะล่วงรู้ว่าชอบความรุนแรงเหมือนข้าด้วยเช่นกัน ในเมื่อมีสติเช่นนี้แล้วก็ดีมาจัดการกันต่อจะได้รู้เรื่องกันไปเลย”โหวหนุ่มแกล้งพูดจายียวนสองแง่สองง่าม ทำเอาคนตัวเล็กกว่าถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“ได้โปรดอย่าทำอะไรข้าอีกเลย ท่านโหวได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าหวงแหนไปจนหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรที่ท่านต้องการอีกต่อไป เหตุใดยังจะมาเรียกร้องอีก”นางพยายามอ้อนวอน
“เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องปล่อยเจ้าไป ยังใช้งานไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลยนะ”โหวหนุ่มตอบกลับไปเมื่อได้ฟังนางคิดเองเออเองเช่นนั้น
อิ๋งชวนโหวหรี่ตามองดวงหน้างาม ยิ่งมอง ยิ่งปั่นป่วนรัญจวนจิต เรื่องอะไรจะปล่อยไปให้โง่ พยศแบบนี้ช่างถูกใจเสียนี่กระไรขอบอก
“ที่เจ้าเพิ่งจะสูญเสียไปเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเจ้าจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้หญิงของข้า ให้คุ้มค่ากับเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่ข้าได้ช่วยเหลือทุกชีวิตในตระกูลหวางให้รอดพ้นจากโทษประหารและรวมไปถึงชีวิตของบิดาเจ้าก็ด้วยเช่นกัน”อิ๋งชวนโหวกล่าวย้ำเตือน
และนั้นทำให้หวางเย่หลิงมองใบหน้าหล่อเหลาปานเทพสวรรค์นิ่งค้างไปเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น
อิ๋งชวนโหวเริ่มวุ่นวายกับร่างงามตรงหน้าทันทีที่กล่าวจบ มือพยายามดึงผ้าที่พันเอาไว้รอบกายของนางออกด้วยความรำคาญ ในขณะที่เจ้าตัวก็พยายามยกผ้าห่มที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาเป็นเกราะป้องกัน
“นะ..นี่ท่านจะ...จะทำอะไร”นางถามกลับไปเสียงสั่น
“ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ...ถามได้ข้าก็ต้องการอุ่นเตียงกับเจ้านะสิ”กล่าวพร้อมแกล้งซุกใบหน้าหล่อเหลาลงบนเนินอกอวบอิ่มที่ล้นทะลักขอบชายผ้าออกมามากมาย ช่างล่อตาล่อใจอย่างยิ่งยวด
“ว้ายยยย....อย่านะ” หวางเย่หลิงดันใบหน้าหล่อเหลาให้ออกห่างด้วยความกลัว นางพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากเงื้อมมือจอมอำมหิตผู้เลื่องลือ แม้จะทำอะไรได้ไม่มากนักแต่ดีกว่าที่จะตกเป็นของเล่นให้เชยชมอย่างง่ายดายไปเสียทุกครั้งยามเมื่อต้องการ
“เจ้าตกเป็นของข้าแล้วและเป็นผู้หญิงของอิ๋งชวนโหว เจ้าเองก็ล่วงรู้ดีและเต็มใจที่จะมาอยู่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่หายไปและเพื่ออีกหลายร้อยชีวิตของตระกูลหวางให้อยู่รอดต่อไป ข้าเสียเงินก้อนใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องช่วยเลยเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับแทนคุณข้าเช่นนี้นะเหรอ”อิ๋งชวนโหวกล่าวย้ำ