สตรีสาวในวัยยี่สิบตอนปลายกำลังสอนหวางเย่หลิงในวัยสิบปีดีดพิณคงโหว บทเพลงครวญรักถูกถ่ายทอดให้เด็กสาวตัวน้อยเป็นตัวแทนในการเล่นบทเพลงนี้แทนตัวนางด้วยความคิดถึงคนที่นางรักอย่างสุดหัวใจ
“หลิงเอ๋อจงจำบทเพลงนี้เอาไว้นะ พยายามเล่นให้ได้อย่างชำนาญ พิณคงโหวนี้อาจารย์ขอมอบให้แก่เจ้าเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ติดตัวมาด้วย หากมีผู้ใดถามว่าเรียนบทเพลงนี้มาจากผู้ใดอย่าบอกว่าอาจารย์เป็นผู้สอน เพราะข้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับโลกภายนอกนี้อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่หวังว่าจะมีคนผู้หนึ่งมาได้ยินเสียงบรรเลงเพลงพิณนี้อีกครั้ง”นางสั่งกำชับ
“ขอท่านอาจารย์ได้โปรดวางใจ หลิงเอ๋อจะตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนและสิ่งที่ท่านกำชับทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้าเรียนบทเพลงนี้มาจากท่านอาจารย์เป็นอันขาด”
พรึบ!!! ความทรงจำแต่หนหลังเลือนหายไปโดยพลันพร้อมเสียงทุ้มใหญ่ของอิ๋งชวนโหวดังขึ้นอีกครั้ง
“ว่าอย่างไงไม่ได้ยินเหรอที่ข้าถาม หรือจู่ๆ ก็เกิดเป็นใบ้ หูตึงขึ้นมาอย่างกะทันหัน”โหวหนุ่มกล่าวประชด
เชอะ!!! หวางเย่หลิงส่งเสียงประชดประชัน
“ข้าก็แค่คิดว่าคนอย่างท่านจะล่วงรู้ไปเพื่ออะไร ว่าตัวข้าร่ำเรียนวิชาการดนตรีนี้มาจากผู้ใด ในเมื่อเป็นสิ่งที่สตรีทุกคนต้องเรียนรู้มานับตั้งแต่เกิดมาเป็นหญิงแล้ว แม้ว่าบทเพลงนี้จะไม่ได้เล่นคู่กับพิณคงโหวก็ตามแต่ข้าก็มาปรับใช้เล่นกับกู่เจิ่งได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ใดสอนข้าเล่นดนตรี นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะมาอยากรู้”หวางเย่หลิงกล่าวตอบเสียงห้วน
ถ้อยคำดังกล่าวเป็นเหตุให้ดวงตาสีนิลคมกล้าลุกโชนขึ้นมาโดนพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
ทันใดนั้นเอง
ในขณะที่หวางเย่หลิงกำลังเผลอ ร่างสูงของท่านโหวหนุ่มรูปหล่อก็ประชิดถึงตัวของสาวเจ้าอย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ระวัง ร่างงามถูกท่อนแขนอันแข็งแกร่งคว้าเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกเป็นผลสำเร็จ
กรี๊ดดดดด!!!! เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังก้องขึ้นมาโดยพลัน
“ตอบกลับมาแบบนี้แสดงว่าอยากลองดีกับข้าใช่ไหม เช่นนั้นมาจูบให้ชื่นใจหน่อย อยากรู้นักว่าจูบของเจ้าจะเร่าร้อนมากมายเพียงใด”โหวหนุ่มพูดพลางก้มใบหน้าหล่อเหลาหมายประกบริมฝีปากอวบอิ่มของคนงามที่จีบปากจีบคอต่อปากต่อคำนับตั้งแต่เข้าจวน ช่างล่อตาล่อใจเสียนี่กระไร
“อย่านะ! อย่า!...อู้วววว”หวางเย่หลิงเอ่ยออกมาได้เพียงไม่กี่คำก็ต้องเงียบเสียงลง คงเหลือเพียงเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ เมื่อถูกอิ๋งชวนโหวประกบจูบโดยมิทันได้ระวังตัวแต่อย่างใด
อู้ววว!!!! เสียงต่อว่าต่อขานขาดห้วง
เมื่อริมฝีปากหนาประทับลงบนกลีบปากอวบอิ่มพร้อมส่งปลายลิ้นพลิ้วไหวคว้านเข้าไปภายในโลมเลียรสชาติหอมหวานไปจนทั่ว หญิงสาวครางออกมาเบาๆ เนื้อตัวอ่อนระทวยไปหมดเมื่อถูกบุรุษตรงหน้ามอบจูบเเละสัมผัสอันร้อนเเรงให้กับนางต่อหน้าต่อตาบ่าวไพร่ในจวน
หวางเย่หลิง ถูกท่านโหวหนุ่มระดมจูบแทบลืมหายใจ แม่สาวน้อยยังอ่อนด้อยประสบการณ์มีหรือจะตั้งรับบุรุษที่ช่ำชองและเจนจัดเรื่องเช่นนั้นได้เล่า สาวเจ้าอ่อนระทวยหมดแรงก่อนจะหมดสติอยู่ภายในอ้อมกอดไปตั้งแต่เมื่อไรก็มิล่วงรู้ จนอีกฝ่ายเกือบรับไม่ทัน เมื่อร่างอรชรทิ้งน้ำหนักตัวเพราะนางสิ้นสติไปอย่างฉับพลัน
“อะ...อะไรกันนี่...ถึงขนาดเป็นลมเลยรึ!”โหวหนุ่มบ่นพึมพำอย่างขัดใจ ร่างสูงใหญ่รีบรับร่างแม่สาวน้อยเอาไว้ทันทีก่อนจะช้อนร่างรีบอุ้มนางมาไว้ในอ้อมกอด
ดวงตาสีสนิมเหล็กทอดสายตามองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงและยั่วยวนโดยที่เจ้าตัวไม่เคยล่วงรู้เลยว่านางนั้นแตกต่างจากสตรีอื่นมากมายเพียงใด อิ๋งชวนโหวมองใบหน้างามอย่างแสนเสียดายที่เป็นลมหมดสติไปเสียก่อนที่จะล่วงรู้ในสิ่งที่ต้องการคำตอบมานานนับสิบเจ็ดปี
และสาเหตุที่โหวหนุ่มรูปหล่อต้องการหวางเย่หลิงนำมาเป็นสตรีของเขา นั่นก็เพราะต้องการสืบข่าวของมารดาผู้ให้กำเนิดที่ตระกูลจางไม่ยอมรับนางเป็นสะใภ้เอกด้วยเพราะมีฐานะต่ำต้อย แต่กลับถูกจางเล่าฮูหยินพรากบุตรชายออกจากอ้อมอกแม่เพราะว่าเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจางที่หลงเหลืออยู่
ด้วยเพราะจางหมิงบิดาของจางหยุนฟ่าน มีบุตรยากแม้จะมีอนุภรรยาหลายคนแต่กลับไม่มีฮูหยินเอกตบแต่งอย่างเป็นทางการด้วยเพราะสิ้นชีพตั้งแต่อายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น แต่ได้มีอนุภรรยาที่จางเล่าฮูหยินเลือกเฟ้นแต่งเข้าจวนเพื่อให้กำเนิดทายาท
และก็มีเพียงสองนางเท่านั้นที่ให้กำเนิดทายาทตระกูลจางออกมา ซึ่งก็คืออนุภรรยาลำดับที่สามได้คลอดบุตรีมาเพียงหนึ่งเดียวและหลี่ลู่หลิน มารดาแท้ๆ ของจางหยุนฟ่านซึ่งเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองลั่วหยาง และเป็นสตรีที่จางหมิงต้องการแต่งนางเข้าจวนเพื่อเป็นฮูหยินเอก
หากแต่นางมีฐานะต่ำต้อยเป็นเพียงสตรีชาวบ้านธรรมดาซึ่งครอบครัวมีกิจการโรงเตี๊ยมเล็กๆ อยู่ที่เมืองลั่วหยางและได้พบรักกับจางหมิงเมื่อครั้งนำทัพปราบกลุ่มกบฏและได้ให้กำเนิดจางหยุนฟ่านขึ้นมา และเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลที่หลงเหลืออยู่เพียงผู้เดียว ภายหลังจากที่จางหมิงสิ้นชีพในสนามรบโดยที่ไม่ทันได้เห็นหน้าบุตรชายเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งในเวลานั้นหลี่ลู่หลินเฝ้ารอคอยการกลับมาของสามีอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยเพราะจางหมิงสัญญาว่าจะมารับนางเข้าจวนตระกูลจางและจัดพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่งนางเข้าจวนเป็นฮูหยินเอกของเขา ซึ่งจางเล่าฮูหยินในเวลานั้นคัดค้านเป็นอย่างยิ่งด้วยหมายตาสตรีจากตระกูลหลัวซึ่งบิดาเป็นถึงเสนาบดีพลเรือน แต่งเข้าจวนตระกูลจางเพื่อเป็นฮูหยิน เอกของจางหมิง สมฐานะและมีชาติตระกูลเท่าเทียมกัน
แต่แล้วทุกอย่างพลันมลายสิ้นเมื่อจางหมิงสิ้นชีพในการนำทัพปราบกลุ่มกบฏ ทำให้จางเล่าฮูหยินในเวลานั้นไม่ได้จัดพิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ให้กับบุตรชายแต่กลับต้องจัดงานศพแทนที่ ครั้นล่วงรู้ว่าหลี่ลู่หลินคลอดบุตรชายซึ่งเป็นสายเลือดของจางหมิงโดยตรงหลังจากที่บุตรชายสิ้นชีพไปนานแล้วกว่าแปดปี
ด้วยเหตุนี้จางหยุนฟ่านจึงถูกพรากออกจากอกมารดาเข้าสู่จวนตระกูลจางของบิดาเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไป ความทรงจำในวัยเยาว์ไม่ได้เลือนหายไปจากความทรงจำของจางหยุนฟ่านแม้แต่น้อย อิ๋งชวนโหวตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าเมื่อเติบใหญ่และแข็งแกร่ง มีอำนาจและมีอิทธิพลอยู่ในมือไม่สามารถมีผู้ใดมาออกคำสั่งได้อีก
เมื่อนั้นโหวหนุ่มจะออกติดตามหามารดาผู้ให้กำเนิดกลับมาให้ได้ เพื่อคอยดูแลปรนนิบัติมารดาในวัยชราและเลี้ยงดูให้เป็นอย่างดี และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อิ๋งชวนโหวมีนิสัยเย็นชา กระด้างไร้สิ้นความอ่อนโยนและอำมหิตเลือดเย็นยิ่งนัก จนได้รับสมญานามว่า จอมอำมหิตแห่งกู้กง
ครั้นได้ยินบทเพลงครวญรักที่มารดาเคยเล่นพิณคงโหวให้ฟังในวัยเยาว์อยู่เป็นประจำในวันที่ได้พบกับหวางเย่หลิง ณ.สำนักการสังคีตหวางเถียน จึงทำให้จอมอำมหิตลงมือจัดการกีดกันจวิ้นอ๋องไม่ให้เข้าใกล้นาง และส่งสายข่าวสืบประวัติจนล่วงรู้ทุกอย่างจนหมดสิ้น
และโอกาสของอิ๋งชวนโหวก็มาถึง ครั้ฃเมื่อเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในสำนักคุ้มกันหวางซื่อ ซึ่งมีผู้พบเห็นหวางเย่หลิงในคืนเกิดเหตุ แต่ในขณะเดียวกันยังมีหวางเย่หลิงกลับปรากฏตัวอยู่ที่จวนตระกูลหวางกำลังปรนนิบัติบิดาของนางอยู่ในเวลานั้นเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอิ๋งชวนโหวล่วงรู้ได้ทันทีว่าเงินห้าหมื่นตำลึงทองนี้มีกลุ่มคนต้องการเงินจำนวนนี้
และนั่นจึงทำให้อิ๋งชวนโหวสบโอกาสนำหวางเย่หลิงเก็บไว้ใกล้ตัว เพื่อสืบเสาะหาข่าวมารดาและเพื่อพิสูจน์ตัวตนของหวางเย่หลิงว่าแท้จริงแล้วมีฝาแฝดหรือเป็นเพียงแค่คนหน้าเหมือน หรือเป็นจอมโจรพันหน้าที่กำลังออกอาละวาดอยู่ในเวลานี้ และสิ่งสุดท้ายนั้นก็คือทำตามความต้องการที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจตัวเอง
“จะมาเป็นลมอะไรตอนนี้นะ...เฮ้ย! เจรจาตีฝีปากกล้า มือก็ไวตบเอา ตบเอา แต่พอโดนจูบเท่านั้นแหละกลับเป็นลมลงไปเสียนี่”อิ๋งชวนโหวบ่นพึมพำพลางหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคออย่างพึงพอใจเมื่อเห็นหวางเย่หลิงมีอาการเช่นนั้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า นางช่างไร้เดียงสายิ่งนัก
“เปิดเรือนนอน!”โหวหนุ่มตะโกนสั่งบรรดาบ่าวรับใช้ พลางอุ้มร่างงามเดินไปที่เรือนนอนทางทิศบูรพา
“เรือนปีกขวาจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับใต้เท้า”บ่าวรับใช้รีบรายงาน
“ข้าบอกอย่างนั้นเหรอว่าให้เปิดเรือนรับรอง! ไปเปิดเรือนนอนของข้าต่างหากเล่า รีบไป!!!”อิ๋งชวนโหวตะโกนสั่งเสียงดังก้อง เล่นเอาบรรดาบ่าวรับใช้ต่างรีบวิ่งทำตามคำสั่งของเจ้านายแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว