ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง
เสียงกริ่งหน้าห้องดังในเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ เพื่อนของฉันกลับไปหมดแล้ว หรือว่าพวกมันจะลืมของหรือเปล่า แต่ตอนกลับลิลลี่ก็เมาหนัก มันจะกลับมาทำไมอีก ฉันเดินเซมาเปิดประตูห้อง ก่อนหน้านี้ดื่มหนักไปหน่อยยิ่งคิดถึงความเลวที่เคยถูกกระทำยิ่งโมโห ถึงเรื่องราวจะผ่านมาสักพักใหญ่ แต่ความเจ็บปวดไม่เคยลืมเลือนจากใจ
“มีอะไร” ฉันถามเสียงห้วน ไอ้ตัวการของเรื่องทั้งหมดมาอยู่ตรงหน้า พักหลังชอบเสนอหน้ามาหาฉันบ่อย ๆ เมื่อก่อนชอบอ้างว่ามาเพราะอาอี้ ทว่าเดี๋ยวนี้อาอี้ย้ายกลับไปอยู่กับเฮียหินแล้ว แต่เขาก็ยังมาอยู่ได้
“เมาอีกแล้ว”
“ยุ่งอะไรด้วย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไสหัวไปไกล ๆ ไม่อยากจะยุ่งด้วย”
“เป็นห่วงไงถึงได้มา”
“ไปห่วงเมียกับลูกเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ค่า”
“ดูแลตัวเองอะไรเมาเป็นหมาแบบนี้”
“จะเมาเป็นหมาหรือจะเอากับใครมันก็เรื่องของพริก เป็นใครถึงเข้ามายุ่ง”
“เป็นผัวไง”
“หึ น่าขำ ผัวคนอื่นน่ะสิ เราเป็นพี่น้องกัน กลับไปได้ละ ไม่ต้องมายุ่ง”
“ไม่กลับ วันนี้เฮียจะคุยกับพริกให้รู้เรื่อง”
“เราไม่มีอะไรจะต้องคุยกัน จบก็คือจบไม่ใช่เหรอ จำคำพูดวันที่มาบอกเลิกเพื่อจะแต่งงานกับมันไม่ได้หรือไง ไหนว่ารักมันมาก รักมันมากนักก็อยู่กับมันให้ได้สิ ไป ไปอยู่กับมันนู่น” พูดจบฉันปิดประตูห้องหนี
วันต่อมา
“พริก พริก อีพริกหวาน”
“โอ๊ย! เสียงดังทำไมยลลี่” ฉันหันไปโวยวายเพราะเพื่อนชายใจหญิงแหกปากเสียงดังด้วยน้ำเสียงชายหนุ่ม มันตั้งใจใช้เสียงนี้ตะโกนใส่ฉัน
“คือตอนแรกเพื่อนก็ไม่ได้เสียงดังนะ แต่มึงเป็นอะไรคะ เหม่ออะไรนัก คิดถึงไอ้เฮียคนเลวอีกแล้วหรือไง” ไอ้เฮียคนเลวคือฉายาของเฮียกานต์
“ลิลลี่บอก?”
“ก็ไม่ได้บอกให้เก็บเป็นความลับนี่” ลิลลี่ตะโกนออกมาจากในครัว เมื่อคืนหลังจากปิดประตู ด้วยความเมาฉันไลน์ไปเพ้อกับเพื่อนว่าเฮียกานต์มันมายืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าว พูดแบบนี้พวกมึงมีความลับกับกูหลายเรื่องงั้นเหรอ”
“เยอะค่ะ เยอะมากเลย นับนิ้วไม่พออะ” ฉันประชด จะมีความลับอะไรได้ ชีวิตของฉันมีแค่เพื่อนสองคนที่เชื่อใจได้ที่สุดและเปิดอกได้มากที่สุด
“อีพริก! มึงไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย สรุปยังไง ไอ้ผัวเก่าเลว ๆ ของมึงจะไม่มาเรียกร้องความเป็นพ่อของฮาจิลูกกูใช่ไหม กูเห็นด้วยนะที่จะเอาฮาจิมาอยู่ใกล้ ๆ แต่กูไม่เห็นด้วยถ้าคนเลวของมึงมันมายุ่งวุ่นวายกับลูกของพวกเรา”
“กูก็ไม่อยากให้มันมายุ่ง ถึงตอนนี้มันจะแยกกันอยู่กับเมียมัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู”
“ถ้าตัดขาดกันได้เลยคงจะดีมาก กูจะไม่หวั่นเรื่องเอาฮาจิมาเลี้ยงเลย ว่าไปแล้วเราน่าจะหนีไปอยู่ที่ไกล ๆ” ลิลลี่พูดพลางเดินถือถาดหมูสามชั้นมานั่งเสียบไม้แหลม
“ไม่ได้ปะมึง เราต้องอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ดีแล้ว เวลาชีวิตคู่มันล้มเหลว เวลาที่มันรู้ความจริงเราจะได้สมน้ำหน้ามันไง” ยลลี่ทำหน้าสะใจ
“มึงคิดง่าย ๆ เอาความสะใจไงยลลี่ ลองคิดยาว ๆ ดิ คิดให้ไกลกว่าไม้เสียบหม่าล่าในมือมึงหน่อย”
“อีลิลลี่ นี่มึงว่าสมองกูสั้นกว่าไม้เสียบหม่าล่าเหรอ”
“กูพูดแบบนั้นเหรอ มึงใส่ร้ายอะไรกูเนี่ย”
“มึงไม่ได้พูด แต่คำพูดของมึงมันสื่อความหมายว่าแบบนั้น” ถาดพริกหยวกที่ถูกผ่าเอาไส้ออกแล้วยัดด้วยหมูเด้งแทบคว่ำเพราะยลลี่ฟาดมือลงโต๊ะค่อนข้างรุนแรง
“อียลลี่ มึงอะคิดมาก ละฟังนะ ที่กูบอกให้คิดระยะยาวก็เพราะฮาจิของเราโตขึ้นทุกวัน สักวันลูกต้องรู้ว่าใครเป็นพ่อ พอถึงตอนนั้นลูกจะเสียใจมากแค่ไหนคิดบ้างสิ ซึ่งมึงคิดนะคะอียลลี่ว่าปัญหาอะไรจะตามมา ถ้ามีสมองก็คิดหน่อยค่ะ”
“อีนี่ด่ากูไม่มีสมองจริงด้วย อีพริกพูดมามึงอยู่ข้างใคร”