ตอนที่ 8 แสงสว่าง Part.2

1342 คำ
ตอนที่ 7 แสงสว่าง Part.1 [Talk องศา] "ปลอดภัยแล้วออกมาเถอะ" คนตัวหอมย้ำให้ผมมั่นใจขึ้น เลยยอมจะออกมาจากที่ซ่อนตามคำบอกของเธอ นาทีนั้นผมเพิ่งได้รู้คำตอบว่าเจ้าของกลิ่นหอมคนนั้นเป็นใคร เธอคือวาโยนั่นเอง วาโยที่เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่เธอต่างจากผมมาก ตรงที่เจ้าตัวโดดเด่นเหลือเกินในกลุ่มเพื่อน ตรงข้ามกับผมที่แต่ความมืดมนและไร้ตัวตนในสายตาคนอื่น "อ่ะ น้ำ" เธอพูดออกมาสั้นๆ แล้วยื่นขวดน้ำดื่มมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกที นาทีนั้นหัวใจผมเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเพราะมีคนยอมคุยกับผมดีๆ หรือว่าเพราะความอาทรของอีกฝ่ายกันแน่ แต่ที่ผมรู้ก็คือ รอยยิ้มของวาโยบวกกับกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งจากตัวเธอมันทำให้ผมออกอาการใจสั่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยสักครั้ง ริมฝีปากสีกุหลาบที่ต้องกับแสงแดดอ่อนๆ แลชวนน่ามองจนยากจะละสายตาได้ ไหนจะเครื่องหน้าทุกส่วนที่ลงตัวกันราวกับว่าพระเจ้าปั้นแต่งมานั่นอีก แล้วจะให้ผมละสายตาจากเจ้าตัวได้ไง "นี่ จ้องอะไรของนาย" น้ำเสียงกลั้วขำจากวาโยทำเอาผมรู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันที ทีตัวเองเอาแต่จ้องมองเธอเหมือนคนเสียมารยาทแบบนั้น แต่สาวเจ้าก็เหมือนจะไม่ติดใจอะไรนะถึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจ สงสัยคงจะชินเสียแล้วที่มีคนมาจ้องมองแบบนี้ เพราะเท่าที่ผมรู้วาโยเองค่อนข้างฮอตมากพอดูเลย "ทำไมนายต้องยอมให้คนอื่นเขาแกล้งตลอดด้วย สู้คนไม่เป็นรึไง" จู่ๆ เธอก็ถามออกมาน้ำเสียงคล้ายไม่ได้อะไรดั่งใจ แต่รู้ไหม การที่เธอชวนผมคุยแบบนี้โคตรรู้สึกดีเลย "ก็...ไม่กล้า อีกอย่างพวกนั้นมันพวกเยอะด้วย ฉันมันตัวคนเดียวนี่" "ถ้านายไม่กล้า นายก็จะเป็นเหยื่อแบบนี้ไปตลอด อีกตั้งนานกว่าเรียนจบ สู้นายพยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วเข้ากับเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ" "อะ อืม จะพยายาม" ผมบอกเธอไปแบบนั้น ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมานอกจากส่งยิ้มน่ารักและตบมายังไหล่ของผมเบาๆ คล้ายกับจะให้กำลังใจ แล้วเดินผละออกไปเมื่อใครคนหนึ่งเอ่ยเรียก โดยมีสายตาของผมมองตามไม่ห่าง และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า เพราะตั้งแต่วันนั้นหากวาโยอยู่แถวนั้น เวลาที่เจ้าพวกฝรั่งมันมาหาเรื่องอะไร คนสวยก็มักจะเบี่ยงความสนใจไปที่ตัวเองแทบจะทุกที แม้ว่าเธอจะไม่ได้หันมามองหรือพูดคุยกับผมอีกก็ตาม จนกระทั่งเรื่องการกลั่นแกล้งผมมันค่อยๆ ซาลงไปในที่สุด ก็คงเพราะเบื่อกันแล้วนั่นแหละ ผมเลยได้ชีวิตปกติของตัวเองกลับมา ถึงจะยังไร้ตัวตนในสายตาคนอื่นเหมือนเคยก็ตาม แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้วล่ะ เพราะผมมีเป้าหมายที่สามารถเข้าเรียนได้ทุกวัน โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อหรือหงอยเหงาอีกแล้ว เพราะนับตั้งแต่ที่ได้เห็นรอยยิ้มของวาโยเป็นครั้งแรก ผมก็แอบมองอีกฝ่ายมาโดยตลอด เวลาเธอยิ้ม หัวเราะ หรือพูดคุยกับคนอื่น มันทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมา ร่วมถึงโลกสีเทาของผมที่เคยไร้ชีวิตด้วย อาการแบบนี้ หากจะบอกว่าผมหลงเสน่ห์คนตัวเล็กหน้าสวยตั้งแต่ตอนนั้น...ก็คงไม่ผิดจากจริงเลยสักนิด มันจะเป็นไปได้ไหมนะว่าสักวันผมจะสามารถไปยืนเคียงข้างเธอแบบนั้นได้บ้าง ไม่รู้สิ มันอาจจะดูเหมือนเพ้อเจ้อ แต่รู้ไหม แค่ผมได้คิดในใจมันก็รู้สึกดีจนผมสามารถยิ้มออกมาได้ง่ายๆ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ชวนหัวเราะด้วยซ้ำ แต่ใครจะไปคิดว่าโอกาสของผมมันจะดับวูบลงโดยที่ผมยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ... “ว้ายๆ ตัวติดกันขนาดนี้ กลัวคนไม่รู้หรือไงว่ายูสองคนเป็นแฟนกัน” เสียงของแหม่มผมทองนางหนึ่งดังขึ้นแทบจะลั่นคลาสเรียนในเช้าวันหนึ่ง ซึ่งนั่นมันก็ไม่ได้ผมรู้สึกสนใจเท่าไหร่นักหรอก ถ้าหากว่าเสียงตอบรับกลับมาจะเป็นหญิงสาวที่ผมสนใจ “เธอก็พูดเกินไป ก็แค่มาพร้อมกันเฉยๆ หรอก” เสียงของวาโยที่ตอบออกมาทำให้ผมรีบเงยหน้าจากกองหนังสือขึ้นมองทันที รอยยิ้มของผมกระจายตัวออกมาเหมือนทุกวันแค่ได้คิดว่าจะมองใบหน้าของวาโยที่ผมหลงรัก ทว่าวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแบบที่ผมตั้งตัวไม่ทันด้วยซ้ำ เมื่อภาพตรงหน้าของผมในตอนนี้คือวาโยที่ยืนแนบชิดกับฝรั่งลูกครึ่งตัวโตคนหนึ่ง รอยยิ้มของผมก็หายวับไปทันที ผมจำได้ว่าเขาชื่อเดวิด ลูกคนรวยเพราะหมอนี่เป็นหัวโจกที่ชอบพาคนมาหาเรื่องผมเหมือนกัน จู่ๆ ในใจผมมันก็ปวดหนึบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีโอบอิงแนบชิดของทั้งคู่ ไหนจะคำพูดของแหม่มคนนั้นอีกที่ว่า “กลัวคนไม่รู้เหรอว่าเป็นแฟนกัน” มันทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาในใจ ยิ่งมองเจ้าเดวิดมันโอบกอดแถมยังหอมแก้มใสของวาโยแล้วนั่นผมก็ยิ่งเจ็บจนไม่สามารถทนมองได้อีก ต้องหลบออกมาก่อนทั้งที่ผมไม่เคยโดดเรียนเลยสักครั้ง แต่วันนี้มันไม่ไหวจริงๆ ความรู้สึกข้างในของผมมันเจ็บไปหมดจนทนเก็บหยดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สายตาของนักศึกษาต่างแดนมองมายังผมหลายต่อหลายคู่ พวกเขาก็คงสงสัยนั่นแหละครับว่าทำไมคนมืดมนคนนี้ถึงได้มานั่งร้องไห้เป็นเด็กๆ อยู่คนเดียว แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะความรู้สึกของผมมันไปอยู่ที่ภาพเมื่อครู่หมดแล้ว คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของผมเต็มไปหมด ว่าทำไมวาโยถึงไปคบหากับคนที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างนั้น ทั้งเกเร ทั้งเจ้าชู้ มันมีอะไรดีนักหนาหรือแค่ว่าบ้านมันรวยเธอเลยชอบมัน หึ ถ้าเป็นแบบนั้นบ้านผมก็รวยเหมือนกันนั่นแหละทำไมเธอไม่มองผมบ้างล่ะ ผมรู้นะว่าตัวเองเหมือนคนพาล แต่ในตอนนั้นผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะไอ้เวรนั่นไม่คู่ควรกับวาโยเลยสักนิด แต่สุดท้ายถึงจะไม่พอใจยังไงผมก็ทำได้แค่บ่นบ้าคนเดียวเท่านั้น ในเมื่อวาโยดูเหมือนจะรักมันมากตัวติดกันตลอดจนแสงสว่างที่มีให้ผมค่อยๆ ถอยห่างออกไปทุกที กระทุ้งเราเรียนจบจนถึงตอนนี้ "ในเมื่อฉันเจอเธอแล้ว ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกแน่ วาโย ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เธอต้องมาเป็นของฉันเท่านั้น" ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ เมื่อดึงตัวเองออกมาจากเรื่องในอดีตได้ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมวาโยถึงจำผมไม่ได้ แต่ที่ผมรู้ก็คือคราวนี้คือ ผมจะไม่ยอมให้ยัยนั่นหลุดลอยไปไหนอีกแน่ เมื่อก่อนผมมัวเอาแต่กลัวจนทำเธอหลุดลอยไปหนหนึ่งแล้ว วันนี้พอมีโอกาสผมต้องรีบคว้าเอาไว้ทันทีไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม วาโยต้องมาเป็นดวงอาทิตย์แสนอบอุ่นของผม...คนเดียวเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม