ตอนที่ 9
จดจำ
"พี่โย ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ที่มหาลัยมีอะไรเหรอ"
วานิมที่นั่งเล่นกับเด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อเห็นคนพี่กลับเข้าบ้านมาในสภาพโรยแรงกว่าทุกวัน คนพี่ไม่ได้ตอบอะไรออกมาเลยเสียทีเดียว แต่กลับทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาใกล้ๆ แล้วพยายามปั้นยิ้มส่งให้คนน้องไป เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
"มีเรื่องนิดหน่อยนะ แต่นิมไม่ต้องห่วงหรอกนะ พี่จัดการได้"
"แน่ใจเหรอคะ ทำไมนิมรู้สึกว่าพี่..."
"พี่ไม่เป็นไรจริงๆ นิม" วาโยตัดบทออกมาด้วยรอยยิ้มปั้นแต่งให้ดูสดใสอีกครัง ด้วยเกรงว่าคนน้องจะคิดมากขึ้นมาอีก แล้วทำเป็นเปลี่ยนเรื่องสนทนามาเป็นเจ้าก้อนกลมๆ บนพรมหรูนั่นแทน
"เมย่าคนเก่ง ไหนวันนี้ดื้อไหมคะ มาให้ม๊าอุ้มหน่อยซิ"
คนหน้าเด็กว่าพร้อมกับก้มลงไปอุ้มเจ้าก้อนกลมขึ้นมาหอมแก้มอวบซ้ายทีขวาทีอย่างมันเขี้ยว เขามักเรียกตัวเองแบบนั้นกับเด็กหญิงตัวน้อยเสมอ ด้วยอยากให้เธอรับรู้ได้ว่ามีเขาที่รักและพร้อมตะดูแลเธออีกคน ไม่ต่างจากแม่แท้ๆ ของเธอเลย
"ดูยัยหนูจะชอบพี่มากเลยนะ ดูสิ ยิ้มใหญ่เลย" วานิมเอ่ยพร้อมกับฉายรอยยิ้มเอ็นดูออกมา เมื่อมองไปยังภาพลูกสาวของตนกำลังหัวเราะร่ายามหยอกล้อกับพี่ของตัวเอง
"แน่นอนสิ ต้องรักอยู่แล้วใช่ไหมคะ ใช่ไหมๆ หืม"
ไม่พูดเปล่าเจ้าของเรือนผมยาวสลวยยังจรดจมูกลงใส่พวงแก้มอิ่มอีกหลายครั้งอย่างแสนรัก ความน่ารักสดใสของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้เธอลืมความกังวลภายในใจไปได้อยู่ชั่วขณะ
"เออพี่ เมื่อตอนสายคุณเดวิดเขาแวะมาหาพี่ด้วยแหละ"
"เหรอ แล้วเขาว่ายังไงบ้าง"
"เขาก็บอกว่าแวะมาหาพี่ มาไหว้พ่อแม่แล้วก็ไป แต่ก็บอกนะว่าจะมาหาใหม่"
"จะมาหาอีกทำไม เรื่องมันจบไปตั้งนานแล้ว" ใบหน้าหวานดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินว่า 'แฟนเก่า' ของเธอแวะมาหาถึงบ้าน ก็คงจะเป็นเพราะเธอโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่ามาถึงไทยแล้วละมั้ง หมอนั่นรู้ข่าวก็เลยรีบวิ่งแจ้นมาหา
"เขายังมาเทียวไล้เทียวขื่อกับพี่แบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากมาขอคืนดีหรือคะ"
"ไม่รู้สิ ช่วงนี้ห่างๆ กันด้วย ไปอาบน้ำดีกว่าเหนียวตัวจะแย่" ว่าแค่นั้นก็รีบผละออกจากตรงนั้นแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปทันที โดยมีสายตาของคนน้องมองตามพร้อมความสงสัย
...
ภายในห้องนอนของนักเรียนนอกหน้าเด็ก เห็นเป็นภาพเจ้าตัวโถมกายลงบนเตียงนุ่มอย่างอดรู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องที่เจอไม่ได้ ลำพังแค่สวมรอยแทนน้องสาวก็เกร็งมากพอดูแล้ว แต่นี่อะไรดันมีคนมารู้ความลับเข้าไปอีกนี่สิ ยิ่งเหนื่อยหน่ายมากกว่าเก่า
นึกถึงเรื่องนี้ความคิดหนึ่งก็ขับให้วาโยเด้งขึ้นจากเตียงอีกครั้ง แล้วพาตัวเองไปนั่งแหมะตรงมุมหนึ่งของห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายเรียงรายกันเป็นระเบียบ ปลายนิ้วมือไล่เรียงตามสันปกอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะไปหยุดลงตรงหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่ได้หนามากมายอะไรนัก แต่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำของช่วงที่เขาเรียนโทที่เมืองนอก
หน้ากระดาษถูกพลิกอย่างเร็วจนกระทั่งไปหยุดอยู่หน้าหนึ่งที่เป็นภาพถ่ายรวมรุ่น สายตาคู่หวานชวนมองไล่หาบุคคลในความคิดบนนั้น จนกระทั่งมาหยุดยังผู้ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นหนาเตอะ ทำตัวมืดมนอยู่ด้านหลังของเพื่อนๆ
และใช่ องศานั่นเอง ปลายนิ้วมือของวาโยไล้ไปตามรูปถ่ายของคนที่อยู่บนนั้นแผ่วเบา แล้วพึมพำกับตัวเองออกมา
"เปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ ถ้านายทำตัวดุเหมือนตอนนี้คงไม่ถูกแกล้งแบบนั้นหรอก นายควรจะขอบคุณฉันสิ ที่เคยช่วยนายไว้ตั้งหลายครั้ง แล้วไหงมาข่มขู่กันแบบนี้ล่ะ"
คนงามอดรำพึงกับตัวเองออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงคำขู่ของอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกันภาพขององศาที่ทำหน้าเหงาหงอยราวหมาน้อยถูกทิ้งก็หวนเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดกึ่งตัดพ้อ จากเจ้าตัว 'นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอจำฉันไม่ได้จริงๆ'
"ตาบ้าเอ๊ย! ก็เปลี่ยนไปขนาดนี้ใครเขาจะจำได้ล่ะ"
วาโยย่นจมูกใส่รูปคนช่างขู่อย่างนึกหมั่นไส้ ก็มันจริงอย่างเขาว่านี่หน่า เมื่อก่อนองศาทำตัวมืดมนใส่แว่นหนาเตอะดูเชยสะบัด ต่างจากตอนนี้ที่เปลี่ยนการแต่งตัวและท่าทีไปใหม่หมด อย่างกับเป็นคนละคนก็ไม่ปาน
'กลิ่นเดิมเลย'
จู่ๆ ใบหน้าสวยของวาโยก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อนึกถึงประโยคนั้นของอาจารย์หนุ่มรุ่นเดียวกับเธอ ที่ราวกับจะบอกว่าจดจำตัวสาวเจ้าได้เพราะกลิ่นน้ำหอมประจำตัว
"คนอื่นเขามีแต่จำหน้า หมอนั่นดันเลือกจำกลิ่นน้ำหอมซะอย่างนั้น พิลึกคน"
คนหน้าเด็กพยายามสลัดความคิดเกี่ยวกับตัวองศาออกไปจากหัว เพื่อหยุดความรู้สึกขัดเขินอย่างไม่ควรจะเป็นของตนทิ้ง พอดีกันกับที่เสียงเรียกเขาของมือถือดังขึ้นมาเรียกร้องความสนใจแทน หัวคิ้วของวาโยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า แต่ก็ยอมกดรับสายแบบไม่ได้คิดอะไร
"ว่าไงเรอา"
'เอ่อ พี่นอนรึยังครับ ผมโทรมารบกวนรึเปล่า'
"เปล่า พี่ยังไม่ได้นอนหรอก ว่าแต่เราเถอะ มีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่า ถึงได้โทรมาดึกขนาดนี้"
ปลายสายอึกอักออกมาอยู่ครู่หนึ่ง จนวาโยนึกแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยซักไซ้ออกไป รออีกฝ่ายเปิดปากออกมาเองดีกว่า
'คือผมจะโทรมาถามเรื่องอาจารย์ใหม่คนนั้นน่ะครับ เอ่อ ที่เขาเรียกไปส่วนตัวแบบนั้น มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ'
"อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร ไม่มีไรหรอก ก็แค่เรียกไปถามเรื่องการเรียนนิดหน่อยน่ะ"
วาโยที่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มรุ่นน้องเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ เลยบอกปัดออกไปด้วยว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา เพราะดูแล้วเขาก็ดูห่วงเรื่องวานิมไม่น้อยเหมือนกัน
'เหรอครับ ดีแล้วล่ะ ผมก็กังวลอยู่ เห็นตอนอยู่ในห้องเรียนเขามองพี่ตลอดเลย นึกกว่าความลับจะแตกซะแล้วสิ'
แตกสิ แตกดังโป๊ะเลยด้วย...วาโยร่ำร้องในใจด้วยความปวดหัว แต่ก็ไม่กล้าพอบอกคนปลายออกไป
"เอ่อ ว่าแต่เราเถอะ ทำไมไม่รีบนอนล่ะ นี่ก็ดึกแล้วนะ ไม่ง่วงรึไง หรือว่าแอบหนีเที่ยว" ปลายสายหัวเราะกลับมาราวสุขใจอะไรมากมายเหลือเกินกับคำถามของรุ่นพี่ นั่นทำเอาวาโยนึกแปลกใจขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
'ผมไม่ได้หนีเที่ยวสักหน่อย ผมน่ะเป็นเด็กดีจะตาย' วาโยหัวเราะร่วนออกมากับคำตอบโต้ของปลายสาย บทสนทนาดังแผ่วออกมาอีกหลายนาที จนกระทั่งเจ้าตัวเริ่มง่วงนอนขึ้นมา
'พี่ง่วงแล้วเหรอครับ'
"อืม เอาเป็นว่าวันนี้แค่นี้ก่อนดีกว่า พี่จะไปนอนแล้ว เราเองก็เหมือนกัน อย่านอนดึกนักล่ะ เดี๋ยวไม่โต"
'ฮ่า ฮ่า ครับๆ ฝันดีนะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน'
"เจอกันอะไรก่อน พรุ่งนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือไง"
'จริงด้วย ผมไม่กวนแล้วละครับ ฝันดีอีกรอบ' ปลายสายตอบรับกลับมาด้วยทำนองเดียวกัน ก่อนจะตัดสายไป
และแม้คนอายุมากกว่าจะตัดสายไปนานแล้ว หากแต่เรอาก็ไม่สามารถหุบรอยยิ้มลงได้อยู่ดี อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะโทรไปหาคนพี่กว่าเรื่องอาจารย์คนนั้นเสียทีเดียวหรอก เรียกว่าเขาอยากหาเรื่องคุยกับคนฝ่ายนั้นมากกว่า
"คนอะไรน่ารักชะมัด น่ารักยันเสียงเลย"
เด็กหนุ่มรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขราวอยู่ในห้วงอารมณ์หวานก็ไม่ปาน ดูเหมือนว่าเขาจะหลงเสน่ห์คนพี่กว่าเข้าให้เสียแล้วสิ
***