“สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทายตอบตามมารยาท ก่อนจะก้มเล่นมือถือต่อ
“เอ้อ แตงเรายืมมือถือหน่อยสิ พอดีแบตหมด โทรหาเพื่อนไม่ติดเลยอะ”
แตงโมรีบหยิบมือถือตัวเองให้ ก่อนที่กายจะเดินออกไปคุยนอกร้าน
“เขามองแกเหมือนจะกลืนกิน” น้ำหวานหันขวับมาบอกฉัน ฉันเหลือบตามองหน้าน้ำหวานแว๊บนึง
“ฉันว่ากาย ชอบแกแน่ ๆ ฉันดูมันออก นี่! ถ้าแกกับคุณเซ็นไปไม่รอด
กายมันก็น่าสนใจนะแก ถึงจะไม่หล่อ ไม่รวยเท่า แต่มันมีรีสอร์ตที่เชียงใหม่ด้วยนะ เลี้ยงแกได้สบาย” แตงโมขยับมากระซิบบอกสรรพคุณเพื่อนตัวเอง
“หุบปากแตงโม ฉันไม่ยอมให้ณีเวียคบใครนอกจากคุณเซ็น ถ้าแกเชียร์เพื่อนแก แกมาตบกับฉันเลย” น้ำหวานโมโหตึงตัง อยู่ ๆ ท้าตบแตงโมกลางโต๊ะ
เอ่อ... พอก่อนไหมเพื่อน ๆ
“ฉันก็แค่บอกเฉย ๆ ก็เห็นกายมองไอ้ณีเวียตาไม่กระพริบ” แตงโมบ่นพึมพำ กับท่าทีของน้ำหวาน ที่จะกักกังฉันให้คุณเซ็นแค่คนเดียว
“พอได้แล้ว ฉันยังไม่คบกับใครสักหน่อย” ฉันเอ็ดสองคนนั้นไป ก่อนที่กายจะเดินเข้ามาหาแตงโมพร้อมยื่นมือถือคืนให้ ยื่นมือถือให้แตงโมแต่ตามองฉันนี่นะ!
“ขอบใจมากแก แล้วเจอกันนะณีเวีย” เขาหันมาบอกฉันก่อนจะยิ้มจนตาหยี๋ออกจากร้านไป
ฉันกับเพื่อน ๆ เดินเล่นในห้างไปเรื่อย ๆ ก่อนกลับฉันแวะซื้อขนมปัง
ผักสดไว้ เพราะพรุ่งนี้ฉันมีเรียน ตอนเช้า ได้ทำแซนวิชให้คุณเซ็นทานง่ายดี
ฉันมาถึงห้องคุณเซ็นก็สามทุ่มแล้ว ไม่รู้เจ้าตัวไปไหน แต่ไม่สนใจหรอก ฉันหยิบชุดนักศึกษามารีดใส่ตู้ไว้ ก่อนจะรีบอาบน้ำนอน
‘กริ๊ง กริ๊ง’ เสียงนาฬิกาปลุกดังข้างหูฉัน ก่อนที่ฉันจะงัวเงียหันไปมองหมอนข้าง ๆ เขาไม่อยู่? เมื่อคืนเขาไม่กลับมาเหรอเนี่ย ไปไหนของเขา ฉันนั่งสงสัยอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูไลน์เขาก็ไม่ทักมาไม่โทรมา อะไรกันแต่ช่างเถอะก็ดี แซนวิชจะได้ไม่ต้องทำ ขี้เกียจพอดี!
พอฉันมาถึงมหาลัย ฉันก็ได้แต่นั่งนึกคนเดียวที่โรงอาหาร ไลน์ไปถามเขาดีไหม หรือว่าไม่ดี มันจะดูยุ่งย่ามกับเขาไปหรือเปล่า หรือเขาจะเป็นอะไร
เมื่อเช้าพี่นพก็นิ่ง ๆ ไม่พูดอะไร ฉันเองก็ไม่อยากถาม ถึงจะอยากรู้
มากก็เถอะ
“แกมาเช้าจัง” น้ำหวานวางกระเป๋าข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะล้วงลิปสติก
ขึ้นมาทาปาก
“ตื่นเร็วไม่รู้จะทำอะไร” น้ำหวานยังแต่งหน้าอยู่ ฉันได้แต่จ้องหล่อน อยากจะฝากถามกับพี่ทีก็ไม่กล้า เดี๋ยวน้ำหวานแซวฉันไม่หยุด
พอน้ำหวานมานั่งได้ไม่นานก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นข้างหลังฉัน…
“เนี่ยคนนี้ล่ะ ฉันเห็นควงกับคุณเซ็น ทำเป็นคุณหนู แต่ก็ไปเกาะคนรวย”
“ก็บ้านจะล้มละลายแล้วนิ เลยไปอ่อยคุณเซ็น คุณเซ็นเปย์ซะ ดูกระเป๋านางสิ”
‘เคร้ง’ น้ำหวานปาลิปสติกที่อยู่ในมือ ลงจานข้าวพวกขี้เม้าท์ข้างหลังฉัน โดยที่ฉันก็นึกไม่ถึงว่าอะไรที่ลอยผ่านหัวไปเมื่อกี้จะเป็นลิปสติกจากมือน้ำหวาน
“หุบปาก ไม่รู้อะไรอย่าเสือกพูด” น้ำหวานลุกขึ้นชี้หน้าด่า ฉันหันไป
มองตาม อยู่ใกล้แค่นี้ยังนินทากันเผาขนเลยเหรอ สองคนนั้นดูตกใจนิด ๆ ที่ฉันมอง
หน้านิ่ง ๆ พอฉันไม่ตอบโต้ พวกหล่อนก็เริ่มอีก...
“ก็จริงมะ วิวเพื่อนฉันเคยคบกับคุณเซ็น แล้วเขาก็เปย์ หนักมาก แซ่บมากด้วย อิอิ”
ฉันรู้สึกร้อนไปทั้งตัว โมโหอยู่ลึก ๆ หัวใจเต้นตึก ๆ จนฉันควบคุมมันจะ
ไม่อยู่ ฉันจะไม่ร้อนรน ไม่สิ ฉันไม่ควรโกรธถ้ารู้ว่าเขาเคยคบใคร แล้วก็ห้ามรู้สึกอะไร ที่รู้ว่าเขาก็ทำกับคนอื่นเหมือนที่ทำกับฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไม่ได้เป็น! ฉันกำมือแน่น พยายามสงบสติตัวเอง เปิดเทอมวันแรก อดทนณีเวีย อดทน
“แกอย่าไปฟังมัน” น้ำหวานพยายามปรามฉัน
“แล้วยังไง ถึงเพื่อนเธอจะเคยคบ หรือตอนนี้คบกันอยู่ มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เรื่องบ้านฉันล้มละลาย ฉันเองก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย คนนอกอย่างพวกเธอรู้ได้ยังไง ต้องทำตัวแบบไหนถึงรู้เรื่องชาวบ้านไปทั่วเนี่ย
เก่งจัง” สองคนนั้นมองหน้าฉันเขม็ง อ้ำอึ้งเถียงไม่ออก
“ขอโทษที่ให้ความสำคัญกับฉัน จนหยิบมันขึ้นมาพูดนะ” ฉันถือกระเป๋า แล้วยิ้มให้สองคนนั้นเบา ๆ ก่อนจะเดินขึ้นชั้นเรียน โดยมีน้ำหวานโวยวายตลอดทางไม่หยุด
“แก ถึงคุณเซ็นจะเคยคั่วมาก่อนหลายคน แต่ตอนนี้เขาหยุดแล้วนะ
แกอย่าไปฟังปากพวกนั้น” น้ำหวานยังคงเป็นแฟนคลับคุณเซ็นเหมือนเคย ฉันไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งถอนหายใจรัว ๆ กว่าจะเรียนเสร็จก็สิบเอ็ดโมง เทอมสุดท้าย
น่าเบื่อก็ตรงนี้ มีเรียนไม่กี่วิชา แถมมีวิชาโปรเจค ปวดหัวชะมัด
วันนี้ฉันกลับเอง เพราะบอกพี่นพมารับสี่โมงเย็น อีกนานกว่าจะถึง
ฉันอยากกลับไปนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ห้อง ร้อนตับจะแตกแล้ว
ฉันทักทายพี่นพหน้าห้องก่อนตัดสินใจถามเขาตรง ๆ
“คุณเซ็นอยู่ไหมคะพี่นพ”
“ยังไม่กลับเลยครับ คงอีกซักพัก” เขาไม่กลับมาอาบน้ำอาบท่าบ้างรึไง หรือไปอาบที่อื่น?
“ตั้งแต่เมื่อคืนเหรอคะ?” พี่นพก้มหน้าไม่กล้าสบตาฉัน
“คะ ครับ” ฉันเปิดประตูมาในห้องก็ว่างเปล่า เขายังไม่กลับมาจริง ๆ
ฉันหยิบวิชาโปรเจคที่เรียนมาวันนี้ ขึ้นมาร่าง ถ้าฉันทำเสร็จ นำเสนอผ่าน ฉันก็เรียนจบเร็ว ที่เหลือแค่อยู่ว่าง ๆ รอรับปริญญา เฮ้อ อยากใส่ชุดครุยจะแย่แล้ว... ตั้งใจ ๆ
แล้วทำไมสายตาฉันมันถึงจดจ่ออยู่ที่ประตูนักนะ!
‘แอด...’ ระหว่างที่ฉันพยามสู้รบกับเรื่องในหัวตัวเอง ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก... เขากลับมาแล้ว ฉันทำเป็นไม่สนใจ พยายามนั่งทำงานนิ่ง ๆ
“กินข้าวรึยัง” เขามาหยุดยืนข้าง ๆ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งไปหมด... น้ำหอมกลิ่นนี้ มันน้ำหอมผู้หญิงนิ
อยู่ ๆ มือฉันก็กำปากกาแรงแน่น ณีเวีย อย่าคิดได้มั้ย อย่าคิดอะไรแบบนี้ อย่ารู้สึกอยากรู้อะไรเรื่องเขา หยุด!
“ยัง” ฉันตอบนิ่ง ๆ แต่อยู่ ๆ น้ำตาบ้า ๆ นี้ก็คลอขึ้นมา อย่าหยดนะ
อย่าหยด
“ไปกินข้าวข้างนอกไหม” เขาพยายามจับคางฉันเงยขึ้น
“ยังกินมาไม่อิ่มเหรอคะ นึกว่าอิ่มแล้ว” ฉันดันหน้าหนี ก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ พยายามไปกลบเกลื่อนน้ำตาที่มันกำลังจะไหล
พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาเขาก็ยืนรออยู่แล้ว...
“เป็นอะไร?” เขามองตาฉันนิ่ง
“เปล่าค่ะ ปวดหัวเรื่องเรียน” ฉันดันตัวเขาหลบ ก่อนจะก้าวขึ้นไปนอน
บนเตียง
อยู่ ๆ ที่นอนข้าง ๆ ฉันก็ยุบลง มือใหญ่โอบมาจากด้านหลัง ก่อนที่จะซุกไซ้ซอกคอฉัน... หายไปทั้งคืนยังไม่อิ่มรึไง!
“อย่าค่ะ ฉันไม่มีอารมณ์” เขาไม่หยุด น้ำหอมผู้หญิงในตัวเขายังส่งกลิ่นทำลายประสาทฉันอยู่ มือเขาเริ่มไม่อยู่นิ่ง ปลดกระดุมชุดนักศึกษาฉันออกทีละเม็ด ทีละเม็ด
“พอเถอะ!” ฉันขึ้นเสียง จับมือเขาออกไปจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน
มองหน้าเขา
“เป็นอะไร?” ฉันกำมือแน่น อยากจะโวยวายกับสิ่งที่ได้ยินมา อยากจะโวยวายกับกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ตัวเขา แต่ฉันไม่กล้าพอ ไม่กล้าเรียกร้อง ไม่กล้าโวยวายอะไรทั้งที่ยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้ ทำไม
“คุณหายไปไหนมา” เขาลุกจากเตียง เดินเข้ามาใกล้ฉัน
“ไปทำธุระ โรงงานมีปัญหา แบตหมดด้วย” เขาหยิบมือถือออกมากดให้ฉันดู มันไม่ติดจริง ๆ แล้วน้ำหอมผู้หญิงล่ะ
“ร้องไห้ทำไม...” ฉันรีบจับที่หน้าตัวเอง น้ำตาฉันมันไหลออกมาจริง ๆ ทำไมต้องไหลออกมาต่อหน้าเขา!
“ปะ เปล่า แสบตา ทะ... ทำไมมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง” หน้านิ่งเขาเผยยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาฉัน ยิ้มทำไม ตอบมาสิ ตอบ!
“พอกลับจากโรงงาน เลยแวะเข้าไปอาบน้ำที่บ้าน สงสัยจะเป็นน้ำหอมแม่ เพราะกอดแม่ก่อนออกมา” อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมฉันต้องคิดมากไป แค่น้ำหอมแม่เขา
“คุณรู้จักคนชื่อวิวมั้ย เรียน ม.เดียวกับฉัน” เออดี ปากฉันอยู่ ๆ ก็หลุดถามเขาออกมาซะงั้น
“ไม่รู้จัก” ฉันถอนหายใจทรุดนั่งบนเตียง นี่ฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่วะ
“เมนส์มาเหรอ” เขานั่งลงมาข้าง ๆ ฉัน คงสงสัยอารมณ์แปรปรวนที่ฉันกำลังเป็นอยู่
“เปล่าคุณ ฉันมาอยู่กับคุณนานแค่ไหนแล้ว”
“อีกสองวันก็สองอาทิตย์” แค่สองอาทิตย์ ทำไมความรู้สึกวันแรก กับวันนี้มันต่างกันนักนะ เพราะอะไร
เพราะเซ็กส์ หรือเพราะเขา...
“ข้าวก็หิว เธอก็หิว” อยู่ ๆ เขาก็กระซิบเบา ๆ ที่หูฉัน
“กินข้าวก่อนไหมคะ?” ร่างใหญ่ไม่ฟังคำถาม กดตัวฉันนอนราบลงบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลง ซุกไซ้ซอกคออุ่น ๆ ฉันอีกครั้ง...
“อยากกินเธอมากกว่า” มือใหญ่ปลดกระดุมนักศึกษาฉันออกเกือบหมด จนเผยให้เห็นอกขาว ๆ ตัดกับบราเซียสีดำที่ฉันใส่อยู่ เขามองมันแล้วยิ้มเบา ๆ
ก่อนดึงมันลงและดูดกินเม็ดทับทิมที่อยู่ข้างใน
“อื้อ~” มืออีกข้างไม่อยู่นิ่ง ถกกระโปรงนักศึกษาทรงเอฉันขึ้นเหนือเอว ก่อนจะดึงกางเกงในตัวจิ๋วที่ปิดร่องสวาทของฉันออก ไม่นาน มือหนานั้นก็สัมผัสถึงแก่นสาวของฉันแล้ว เขาคลึงมัน ช้า ๆ ช้า ๆ วนอยู่อย่างนั้น
“อ๊ะ~” พอฉันเริ่มส่งเสียง เขาก็ละจากเนินสาวขึ้นมาประกบจูบฉัน
ก่อนจะเลื่อนมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู...
“ร้องเบา ๆ นพอยู่หน้าห้อง...” ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที... เขาลุกขึ้นเหยียดตัวตรง ก่อนจะแยกขาสองข้างฉันออกจากกันกว้างกว่าเดิม มือใหญ่รูดซิบกางเกงตัวเองออก ก่อนจะหยิบ มังกรใหญ่ออกมารอที่ปากถ้ำ...
มังกรใหญ่ถูขึ้นลงที่ร่องสวาทฉัน จนน้ำลื่น ๆ อาบหัวมัน ฉันเสียว
เสียวจนอยากแอ่นเอวรอรับ แต่ไม่นานเขาก็ทำสมใจ ก็กดหัวเปียก ๆ มันเข้ามา
เอวหนาเริ่มเร่งจังวะใช้มือสองข้างจับเข่าฉันแน่น หวังยึดเหนี่ยวและกระแทกแก่นกายใส่เข้าในตัวฉันรัว
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” ฉันเผลอร้องออกมาเสียงหลง คนข้างล่างก็เหมือนกัน เราสองคนร้องสลับกันอยู่อย่างนั้น
จนเขาใช้มือข้างนึง ลงมาเขี่ยเม็ดสวาทของฉัน โดยที่เอวของเขายังไม่หยุดทำงาน... ฉันเอามือจับผมตัวเอง ขยี้รุงรังไปหมด มันอัดอั้นจนแทบจะกรี๊ด
อออกมา
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” ฉันไม่สนใจ ใครจะได้ยิน เพราะฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว
แล้วโว้ย ฉัน… สะ เสร็จแล้ว!
ตุบ ตุบ ฉันกระตุกตอดเขาสามที ก่อนจะนอนยีหัวตัวเอง พร้อมเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด... เขารู้ว่าฉันเสร็จแล้ว รีบใช้มือสองข้างจับเอวฉันไว้ ก่อนจะดึงมันเข้ามากระแทกเข้าแก่นกายเขา เอวหนากระแทกเด้งรับมันดัง
‘ปึก ปึก ปึก ปึก’
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” เสียงฉันกับเขาดังประสานกันอีกครั้ง เสียงดังระงมไปทั่วห้อง ไม่นานเขาก็กระตุก ฉีดน้ำอุ่น ๆ เข้ามาในรูสวาทฉัน ก่อนที่มันจะไหลมาข้างนอก ตามแก่นกายเขาออกมา...
ฉันนอนหอบสักพักก่อนจะใส่กระดุมเสื้อนักศึกษาไม่ลืมหยิบกางเกงในที่ถูกถอดทิ้งข้าง ๆ ใส่กลับเหมือนเดิม
“เฮ้อ… ไปกินข้าวกัน” เขาดึงตัวฉันลุกตาม แขน ขาฉันอ่อนปวกเปียกไปหมด หมดแรง แต่ก็ต้องไป
รถสปอร์ตหรูของเขา พาฉันมาร้านอาหารร้านนึง ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
ลมเย็นสบาย บรรยากาศดีสุด ๆ เพราะพระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี แสงสีส้มอ่อน ๆ นั้นทำให้ฉันผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก…
“กินเยอะ ๆ ผอมจะเห็นกระดูกแล้ว” เขาตักกุ้งผัดพริกเกลือใส่จานตัวเอง ก่อนจะแกะมันส่งให้ฉัน
“สงสัยทำแบบนี้กับสาว ๆ ทุกคน” ฉันพึมพำเบา ๆ ก่อนจะตักกุ้งเข้าปาก
“อยากให้ทำกับคนอื่นมั้ยล่ะ?” เขาก็พึมพำเบา ๆ เหมือนกัน
“ไม่รู้ แล้วแต่คุณ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณสักหน่อย ห้ามคุณได้ยังไง”
ฉันก้มหน้า เขี่ยข้าวไปมา ไม่มองหน้าเขา ไม่รู้ทำไม ไม่กล้าจะสบตาเขาตอนนี้
กลัวสายตานิ่ง ๆ ของเขา จะเค้นอะไรบางอย่าง ที่ฉันเริ่มรู้สึก..และฉันก็ยังไม่
มั่นใจตัวเอง
“อยากเป็นมั้ยล่ะ?”
“...” ฉันเงยหน้ามองเขา หน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึก
“ว่าไง?” ฉันกระพริบตาถี่ ๆ มองเขาอีกครั้ง ข้างหน้าฉันคือเขา เป็นเขาจริง ๆ ฉันไม่ได้ฝันไป
“จะแกล้งฉันล่ะสิ รู้ทันน่า” ฉันบ่นอุบอิบ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ
“เธอยังอยากเป็นคู่นอนฉันอยู่หรือเปล่า” ฉันตกใจกับคำถามเขา
ชั่วขณะ ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงถามมันขึ้นมา หรือเขาจะยกเลิกสัญญาเพราะเบื่อ
ฉันแล้ว ทำไมฉันไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกดีใจ หากเป็นแต่ก่อนฉันคงกระโดดดีใจ
แต่ทำไมตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว
“ฉันไม่รู้ค่ะ ไม่รู้ทำไม”
“แต่ฉันไม่อยากให้เธอเป็นคู่นอนของฉันอีกแล้ว ฉันคิดว่าเธอ... ไม่ใช่”
ฉันนั่งนิ่งอยู่ ๆ น้ำตามากมายก็ไหลออกมา มันจุก จุกจนพูดอะไรไม่ออก
“ฉันรู้ ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงเก่งเรื่องนั้น ฉันเข้าใจค่ะ”
“ฉันยินดีจ่ายให้เธอมากเท่าที่เธอต้องการ เพื่อยกเลิกสัญญานี้”
เขาพูดมันมาแล้ว ทำไมการยกเลิกสัญญาที่ฉันไม่เต็มใจนี่ ฉันถึงได้รู้สึกเจ็บ
ขนาดนี้ ฉันเจ็บทำไม ใครก็ได้บอกฉันที ฉันควรดีใจ ดีใจสิณีเวีย ยิ้มสิ ยิ้ม! เธอชนะเขาแล้วณีเวีย เขาเบื่อเธอแล้ว!
ฉันไม่สนใจเขาว่าน้ำตามากมายจะไหลลงมาแค่ไหน อ๋อ ฉันคงร้องไห้เพราะดีใจสินะ ดีใจที่เขาจะปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ต่อไปนี้ฉันจะได้ไม่ผูกมัดกับ
ใครแล้ว
“ตอนแรกฉันแค่จ้างเธอมาบริการ คิดว่าเธอคงจะเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่พอได้นอนกับเธอครั้งแรก ฉันว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ”
“...” ฉันนั่งนิ่ง รอฟังเขาพูดต่อ เขาไม่ยิ้ม ไม่แสดงอารมณ์ แต่ฉันรับรู้ว่าเขากำลังพูดจริงจัง
“เธอไม่เหมือนใคร ถึงจะเป็นคนแปลกหน้าที่ฉันเคยรู้จักมาก่อนก็เถอะ” คนแปลกหน้าที่เคยรู้จักงั้นเหรอ ก่อนหน้านี้เขารู้จักฉันด้วยงั้นเหรอ?
“คุณรู้จักฉันมาก่อนเหรอคะ?” หน้านิ่งพยักหน้าตอบ
“ใช่... ชื่อเธอเป็นชื่อที่ฉันรำคาญทุกครั้งที่พ่อแม่พูดถึง”
ใจฉันเต้น ‘ตึก ตึก’ มืออีกข้างรีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้ ชื่อของฉันทำไมพ่อแม่เขาต้องพูดถึง?
“หมายความว่าไงคะ? พ่อแม่คุณรู้จักฉันเหรอคะ”
“ใช่ แต่ก่อนพ่อแม่ฉันชมเธอให้ฟังทุกวัน ฉันรำคาญมาก จนสองอาทิตย์ก่อนเธอมาสมัครงาน พอฉันอ่านนามสกุล ก็เลยรู้ว่าเป็นเธอจริง ๆ คนแปลก
หน้าคนนั้น”
ฉันนั่งงงกับคำพูดของเขา ในหัวก็พยายามนึก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“...”
“ฉันว่าจะแกล้งเธอสักพัก อยากให้พ่อแม่ฉันรู้พฤติกรรมของเธอ
ว่ามาสมัครงานเป็นคู่นอนผู้ชาย”
เขาเล่าออกมานิ่ง ๆ น้ำตาฉันหยดลงมาอีกรอบ... ฉันคือผู้หญิงไม่ดีสินะ มันคงไม่ต่างจริง ๆ กับผู้หญิงขายตัว เขาคงมองฉันแบบนั้นไปแล้ว…
“...”
“เธอ ไม่ยอมอ่านใบสมัคร ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ”
“...”
“วันนี้ฉันกลับบ้าน ได้ยินแม่พูดถึงเธออีกครั้ง แปลก... ฉันกลับไม่รู้สึกเหมือนเดิม”
“...” ฉันนั่งนิ่ง ทุกคำที่เขาพูดมา เหมือนสะกดจิตให้ฉัน ให้ฝืนฟังมันทั้งน้ำตา ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขา ฉันกลัวเขาจะรู้ รู้ว่าฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจ… ไม่เลย ไม่เลยสักนิด...
“กินสิ แล้วจะดีขึ้น” เขาตักอะไรสักอย่างใส่ช้อนข้าวฉัน น้ำตามากมายเอ่อล้นมาอีกระรอก จะมาอยากให้ฉันดีขึ้นทำไม อย่ามาหวังดีกับฉัน...
“มะ มันดีอยู่แล้ว ฉันดีใจค่ะ ที่คุณยกเลิกสัญญา” ฉันพยายามฝืนยิ้มให้ ก่อนจะรีบมองไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าเขามากไปกว่านี้ น้ำตาฉันมันจะไหลลงมาอีกแล้ว
ฉันตัดสินใจหยิบช้อนนั้นขึ้นมากิน อย่างน้อยก็เป็นข้าวคำสุดท้ายที่
กินด้วยกัน
‘กึก’ อยู่ ๆ ฟันฉันก็กระทบอะไรสักอย่างเเข็ง ๆ
ฉันหยิบมันออกมาจากปาก แหวนเพชร! ฉันจ้องมองแหวนวงนั้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา กลางโต๊ะอาหาร
“ฮือ ๆ” อะไรกัน อะไรของเขา ให้แหวนฉันก่อนจากเหรอ ให้แหวนฉันทำไม อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนนึงเอาดอกไม้ช่อโตมาให้คุณเซ็น...
เขาหยิบมันขึ้นมาถือ ก่อนจะมาคุกเข่าลงข้าง ๆ เก้าอี้ฉัน... ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม! มือใหญ่หยิบแหวนไปจากมือฉัน
ก่อนจะจับมือซ้ายของฉันขึ้นมาจูบ… อะไรของเขา...
นิ้วเรียวบรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดโต ลงมาที่นิ้วนาง ของฉัน
คะ คือ? ฉันมองผู้ชายตรงหน้า ต้องการคำตอบ เขายกเลิกสัญญา และ อยู่ ๆ มาสวมแหวนให้ฉัน?
“ขอจองไว้ก่อนนะ” น้ำตาฉันไหลออกมาอีกรอบ มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เขาขอฉันหมั้นทั้งที่อยู่ด้วยกันแค่สองอาทิตย์แถมฉันยังไม่คิด
ปฏิเสธเขาอีก
“คะ ค่ะ มั่นใจแล้วเหรอคะ ฮือ ๆ” เขาไม่ตอบ แต่อยู่ ๆ ก็เดินไปข้างหลัง พาคนคนนึงมาหาฉัน
“พ่อ!” พ่อยิ้ม ก่อนจะเดินมากอดฉัน ฉันคิดถึงอ้อมกอดนี้จัง คิดถึง คิดถึงพ่อ นานแค่ไหนที่ฉันไม่ได้กอดพ่อตอนมีความสุขแบบนี้นะ
“วันนี้ เขาไปขอลูกสาวพ่อที่บ้าน… พอดีใจมาก ใช่มั้ยครับคุณเอม
คุณกิตติ”
พ่อหันไปถาม ชายหญิงคู่นึงที่ยืนข้าง ๆ คุณเซ็น คงจะเป็นพ่อกับแม่เขาสินะ ฉันจึงหันยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ก่อนที่แม่คุณเซ็นจะรับไหว้ แล้วเดินมา
ลูบผมฉัน
“หนูเหมือนนินมากลูก อนาคตเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน มาเป็นลูกสาวแม่นะ” นินคือแม่ของฉันเอง แม่คุณเซ็นรู้จักแม่ฉันได้ยังไง
“ขอบคุณที่เอ็นดูหนูนะคะ” ฉันยกมือไหว้แม่คุณเซ็นทั้งน้ำตา
เราทุกคนรวมมานั่งโต๊ะเดียวกัน ทุกคนดูอารมณ์ดี มีความสุขมาก ยกเว้นฉัน ที่แอบ งง กับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
“คุณเอม เป็นเพื่อนสนิทแม่ของลูก” จริงด้วย ฉันจำได้ แม่เคยบอกว่า
แม่มีเพื่อนสนิทมากคนหนึ่ง รักมาก มีอะไรก็ช่วยกัน ดูแลกันทุกอย่าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนสนิทแม่คนนั้นจะเป็นแม่คุณเซ็น... โลกกลมจัง
“เราสองครอบครัว สัญญากันไว้ตั้งแต่ลูกเกิด”
“ใช่จ่ะ แม่นินบอกกับแม่ก่อนเสียว่าเป็นห่วงหนูมาก... แม่นินไม่อยากให้หนูต้องเจ็บปวดเพราะความรัก เหมือนเขา อยากให้หนูเจอคนดี ๆ แม่จึงเอ่ยปากขอหมั้นหนูไว้ ให้แม่นินเขาหายห่วง”
แม่คุณเซ็นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา ก่อนที่จะพูดต่อ
“แม่ดีใจมาก แม่บอกเซ็นมาตลอด เรื่องคู่หมั้น เขาไม่สนใจ เฉยทุกครั้งที่แม่พูดถึงหนู คอยแต่พาสาวคนนั้นคนนี้ไปนู้นไปนี่ ไม่รู้จักหยุด ทั้งที่จะสามสิบ แล้ว” ฉันหันไปมองคุณเซ็นแว๊บหนึงก่อนที่เขาจะหันไปหาแม่ตัวเองทันที
“แม่ครับ อันหลังไม่ต้องพูดก็ได้”
“ความจริง แม่บอกให้หยุดก็ไม่หยุด อยู่ ๆ วันนี้มาบอกแม่ว่า จะยอมหมั้นกับหนูแล้ว แม่ดีใจมากที่ลูก ๆ เจอกัน แล้ว รักกัน… โดยที่พ่อกับแม่ไม่ได้บังคับ”
เราทุกคนหัวเราะยิ้มให้กัน ฉันไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรแบบนี้ ว่าที่สามีเหรอ แอบเขินแหะ