ชายหนุ่มปวดหัวตุบๆ ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างหมดสิ้น เขาคืออี้เหริน ตัวละครในเรื่อง ‘กุนซือน้อยประดับใจ’ แต่แทนที่จะเป็นเด็กสาวแสนน่ารักซึ่งปลอมตัวเป็นชาย กลับกลายเป็นว่าเขาคือผู้ชายทั้งแท่ง ต้องรับบทนางเอกมีชีวิตแสนโลดโผน ถึงขั้นไต่บันไดมีด ถูกจับขังคุก ที่หนักสุดคือต้องเกลือกกลั้วกับอ๋องแปด บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าดาบใหญ่ และนิยมทำเตียงหักเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน!
เพ่ย! สวรรค์ให้โอกาสมาโผล่ในโลกนิยายทั้งที แต่ทำไมถึงได้เล่นตลกกับเขานัก
นับแต่นี้เขาคงต้องรักษาพรหมจรรย์ของตนเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แต่จะรักษาได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตนี้หากไม่ตั้งท้องกับเติ้งไห่หลง เขาก็จะต้องตายด้วยน้ำมือศัตรู
ดังนั้นเด็กน้อยอี้เหรินจำต้องตกเป็นภรรยาอ๋องแปด และมิแคล้วตั้งท้องลูกแฝดตามที่เขียนเอาไว้
‘โอ้สวรรค์ ผู้น้อยไม่อยากเป็นอี้เหรินแล้ว!’
เติ้งไห่หลงมองคนหน้าสวยที่นิ่งเงียบด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าคิดการใดอยู่ เหตุใดสีหน้าถึงได้เป็นกังวล”
“ผม...เอ่อ ผู้น้อยกำลังสับสน” อี้เหรินพยายามตั้งสติ
เติ้งไห่หลงมองคนงามอยู่ประเดี๋ยว ก่อนเย้าแหย่ด้วยการฝังจมูกที่ต้นคอนวลเนียนอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้อี้เหรินตั้งตัว
“ทะ ท่าน ทำสิ่งนี้ได้เยี่ยงไร ผู้น้อยเป็นบุรุษมิต่างจากท่าน!” เด็กน้อยแหวเสียงเขียวใส่อ๋องแปด
เติ้งไห่หลงขมวดคิ้วมุ่น แต่ยังฝืนใจถามด้วยความเอ็นดู
“ข้าเพียงเย้า อย่าฉุนเฉียวให้มาก อีกอย่างบุรุษเลอโฉมเยี่ยงเจ้ายังอยากช่วยข้าอุ่นเตียงอยู่หรือไม่”
คนที่กำลังเครียดจัดเผลอคำรามออกมาหนหนึ่ง ก่อนแผดเสียงแหลมเล็กใส่หูอ๋องแปด
“มารดาเจ้าเถอะเติ้งไห่หลง! แหกตาดูไหม ผู้น้อยก็เป็นชาย ชายที่มีดุ้นอุ่นๆ แล้วเหตุใดยังจะเกี้ยวและทำชีกอไม่เลิก หากยังหน้ามืดตามัว ท่านจะรักษาบ้านเมืองและหัวตนเองเอาไว้ได้รึ ให้ดีคงเป็นได้แค่คนมักมาก เป็นบุรุษเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง”
ในตอนนั้นที่ใบหน้าคมคายของเติ้งไห่หลงค่อยๆ เป็นสีแดงก่ำ ดวงตาคมคล้ายมีลูกไฟปะทุพุ่งออกมา เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนตวาดเสียงดังอย่างทรงพลัง
“เด็กๆ จับตัวมันผู้นี้ไปคุมขัง ทรมานจนกว่ามันจะยอมรับว่าผู้ใดบงการให้มาลอบสังหารข้า!”
ฟ้าครามซึ่งตอนนี้สวมบทอี้เหรินเต็มตัวถูกโยนเข้าไปในห้องขัง หากคาดเดาจากฉากที่เขียนไว้ ห้องขังดังกล่าวคงอยู่ภายในอาณาเขตตำหนักบุปผามิรู้โรย
เขาไม่ได้ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือหรือโซ่เหล็กที่ข้อเท้า กระนั้นการอยู่ในสถานที่อับชื้น มีกองฟางสุมกันเช่นนี้ ก็ทำให้ขาดอิสรภาพและชวนให้หดหู่ใจ นอกจากนั้นชุดที่สวมใส่ก็เป็นชุดนักโทษเนื้อผ้าหยาบ ซึ่งคนใจโฉดโหดเหี้ยมข่มเหงจิตใจเขาให้ต้องสวมใส่ทั้งน้ำตา
“เสื้อผ้างามพริ้งนี่คงไม่เหมาะกับเจ้ากระมัง...เด็กน้อยอี้เหริน”
“ท่านหมายความเยี่ยงไร” เขามองค้อนอีกฝ่ายที่ยังตามมาตอแย
“เมื่อเป็นนักโทษควรแต่งตัวให้สมเกียรติ เอาละ...จะเปลี่ยนชุดดีๆ หรือต้องให้ข้าลงไม้ลงมือ”
“อย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องเนื้อตัวผู้น้อย!” อี้เหรินกลัวอยู่มาก แต่แข็งใจตวาดใส่คนตัวโตที่ยามนี้ไม่เหลือเค้าของพระเอก ผิด...ทุกอย่างผิดที่ผิดทางไปหมด เติ้งไห่หลงไม่ควรร้ายกาจกับคนบอบบางแสนเลอโฉมเช่นเขา
“หากท่านกระทำการไม่สมควรต่ออี้เหริน ผู้น้อยจะ...จะกัดลิ้นตายเสียตรงนี้” เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงเรื่อและจวนจะปล่อยโฮเต็มที หากยังอดกลั้น ชายผู้นี้เหตุใดถึงโหดร้ายป่าเถื่อน คิดย่ำยีจิตใจเขา
“ไฉนเจ้าถึงจงเกลียดจงชังข้า นี่ข้าอุตส่าห์ลดตัวลงมาดูแลเจ้าถึงในคุกอับๆ ที่มีทั้งแมลงสาบ ไส้เดือน และตะขาบ บางครั้งอาจมีงูนอนขดอยู่ในฟางพวกนั้นด้วย” อ๋องแปดตั้งใจข่มขวัญอี้เหรินให้หวาดกลัวหนักเข้าไปอีก
“ชั่วช้า! ทะ ท่านมันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแม้แต่น้อย ทั้งข่มเหงจิตใจและยังคิดล่วงเกินอี้เหรินด้วย!”
เติ้งไห่หลงจ้องมองเขา ก่อนหัวเราะเสียงห้าวใหญ่
“คำก็ข่มเหง สองคำก็ล่วงเกิน เดี๋ยวก็ทำจริงเสียหรอก เจ้าเนี่ยชอบกล่าวหาข้าเหลือเกิน เมื่อครู่ก็ทำให้ข้าโกรธจนแทบอยากฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ตอนนี้ยังยั่วโมโหอีก คงชอบความรุนแรงใช่หรือไม่”
“อี้เหรินกล่าวความจริงทั้งสิ้น หาได้โป้ปด ถ้าความจริงที่เอ่ยแทงใจดำท่าน ผู้น้อยก็พร้อมรับโทษ!”
เติ้งไห่หลงมองเขาอยู่นาน สายตาคมกริบคู่นั้นยากคาดเดาว่าคิดอ่านอันใด
“เด็กน้อย จงถอดเสื้อผ้าออก!” อ๋องแปดสั่งน้ำเสียงเด็ดขาดดังลั่น
“ท่านไม่มีสิทธิ์สั่งผู้น้อย” อี้เหรินกลัวจนตัวสั่น แต่พยายามขัดขืนสุดกำลัง
“เยี่ยงนั้นข้าไม่ขอสั่ง แต่จะ...จัดการเปลื้องผ้าเจ้าด้วยมือสองมือนี้”
กล่าวจบคนตัวโตก็ก้าวอาดๆ เข้ามาประชิดตัว เขาจับร่างบอบบางด้วยสองมือ ก่อนปลดเปลื้องเสื้อผ้าสีขาวเนื้อผ้าบางพลิ้วออกจากเรือนกายอี้เหริน
อากาศยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นจัด พออาภรณ์หลุดหายจากร่าง อี้เหรินถึงกับสั่นสะท้าน รีบกอดตัวเองแน่น ยามนี้เขาทั้งอับอายและรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“ท่านช่างเลวทราม ลบหลู่เกียรติผู้น้อย กระทำเช่นนี้คิดว่าอี้เหรินจะยอมให้คนโฉดย่ำยีง่ายๆ หรือไร”
“เด็กน้อย...ถึงเจ้าจะงดงามและยั่วยวนหัวใจข้าเพียงใด แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากร่วมอภิรมย์กับคนไร้แซ่ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า และยังกล้าประกาศตนว่าตกมาจากสรวงสวรรค์ ให้ตายเถอะ โลกนี้จะมีใครไร้ยางอายเช่นเจ้าอีก!”
“กะ ก็ ผู้น้อยจดจำได้เพียงเท่านั้น และท่านก็เห็นกับตาว่าผู้น้อยตกทะลุเกี้ยวท่าน นี่คือความจริงทั้งหมด”
“เฮ้อ เอาละ...ในเมื่อยืนยันเช่นนั้น เห็นทีคุกมืดในตำหนักข้าคงเหมาะสมกับเจ้าอย่างที่สุด จงอยู่ให้สำราญใจ”
“ไม่...ท่านกักขังผู้น้อยเช่นนี้ย่อมไม่สมควร”
“หากไม่สมควรตามที่เจ้าอ้าง ก็จงยอมสารภาพว่าใครคือผู้บงการเจ้าให้มาสังหารข้า หากเปิดปากยอมกล่าวความจริง ข้าจะพาไปนอนบนเตียงนุ่มๆ และให้โอกาสเจ้าปรนนิบัติข้า ดีหรือไม่”
อี้เหรินส่ายหน้าเร็วแรง เป็นตอนนั้นที่น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม บุรุษสกุลเติ้งผู้นี้ย่อมมิใช่พระเอกในเรื่องที่เขาเขียนถึงแน่ๆ !
“ผู้น้อยจะไม่มีวันบอกความลับใดๆ แก่ท่านเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจะมีข้อแลกเปลี่ยน” คนที่มาจากโลกแห่งความจริงยื่นเงื่อนไขด้วยน้ำตานองหน้า
“หือ? กล้าดีอย่างไรถึงเอ่ยถ้อยคำต่อรอง” เติ้งไห่หลงใช้มือใหญ่สัมผัสเรือนกายขาวอมชมพู เขาลูบไล้อย่างย่ามใจ ยิ่งเห็นอี้เหรินตื่นตระหนกก็ยิ่ง...อยากกลั่นแกล้ง
“อย่างที่แจ้งท่าน ในอนาคตผู้น้อยจะเป็นยอดกุนซือโฉมงามคอยช่วยเหลือท่าน ยิ่งกว่านั้น...” อี้เหรินมีสิ่งที่อยากกล่าวต่อ แต่พอคิดอย่างถี่ถ้วน อ๋องแปดที่เขาพบช่างห่างไกลจากภาพที่เขาสร้างเอาไว้ในนิยาย จึงไม่กล้าฟันธงว่าอีกฝ่ายจะมีทายาทไว้อุ้มชู และพวกเขาจะเป็นบุตรซึ่งในภายภาคหน้าจะสร้างความดีความชอบต่อแผ่นดิน
“ฮ่าๆ ๆ ได้ฟังคำป้อยอของเจ้าแล้วข้าพึงใจยิ่งนัก เช่นนั้นสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้ากระทำ”
อี้เหรินมองดวงหน้าคมคายของอ๋องแปด มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งดงามสีดำสนิท
“เมื่อท่านส่งตัวผู้น้อยไปยังสำนักมี่จืออย่างปลอดภัย ผู้น้อยจะเขียนข้อความผูกขานกพิราบแจ้งทุกสิ่งที่ท่านควรรู้”
“พูดได้ดี แต่ก่อนที่เจ้าจะได้ไปตำหนักเซียน ข้าคิดว่าควรเอาตัวรอดจากคืนนี้ให้ได้เสียก่อน”
เอ่ยจบเติ้งไห่หลงก็ผลักร่างบอบบางออกห่างตัว และสั่งบ่าวรับใช้ให้โยนชุดนักโทษให้อี้เหริน เด็กน้อยจำต้องสวมใส่ทั้งน้ำตา!