ปีเสือก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างฉุนเฉียว เมื่อครู่เขาใส่ชุดเพื่อเข้าฉาก แต่เขาไม่ถูกโฉลกกับสีม่วงเข้ม จึงโวยวายขอให้ฝ่ายคอสตูมเปลี่ยนใหม่ เขารออยู่นานหากไม่มีใครจัดการเรื่องนี้ให้ เลยลงจากรถแต่งตัวคันใหญ่ที่จัดไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
ฟ้าครามชะเง้อมองปีเสือ มองแล้วรู้สึกหายใจติดๆ ขัดๆ อีกฝ่ายไม่ชอบหน้าเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สาเหตุเพราะเขาเคยพูดว่า ดารานำชายของเรื่องแสดงไม่สมบทบาทกับที่เขาเขียน และยังมีเรื่องหยุมหยิมอีกหลายหน เลยทำให้พระเอกหนุ่มเหม็นขี้หน้าตัวประกอบปลายแถวอย่างฟ้าครามไปโดยปริยาย
“เฮ้ย ไหนช่วยบอกผมทีว่าซีรีส์เรื่องนี้ใครเป็นพระเอก!”
คำถามของปีเสือเตือนสติทุกคน กลุ่มก้อนซึ่งรวมตัวกันเมื่อครู่ค่อยๆ แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน
ส่วนฟ้าครามก็นั่งนิ่งสำรวมเพื่อรอเวลาเข้าฉาก แต่ปีเสือที่หัวเสียไม่ยอมรามือง่ายๆ
“คนอย่างมึงทำยังไงก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ อย่าฝันให้มากกว่านี้ คนเราแข่งเรือแข่งพายมันก็พอแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาน่ะ ไม่มีทาง”
ฟ้าครามกระแอมกระไอหนึ่งหน แล้วตอบกลับ
“ผมว่ายน้ำไม่เป็นและพายเรือไม่ได้ครับ ส่วนเรื่องเข้าวัดทำบุญ คุณยายก็สอนอยู่บ้าง ว่าแต่คุณปีเสือเถอะ คิดอยากเอาชนะผมทำไมมิทราบ” ฟ้าครามถามพาซื่อพลางมองใบหน้าอีกฝ่าย และต้องหัวเราะขบขัน ด้วยในนิยายที่เขียนฟ้าครามเอานิสัยและบุคลิกปีเสือไปใส่ไว้ในตัวร้ายแสนกระจอกงอกง่อย แถมฉากสุดท้ายอีกฝ่ายยังต้องตายโดยน้ำมือคนที่ตัวเองหลงรัก
“มึงนี่ปากดี อย่าคิดว่าชาตินี้จะได้ขยับจากบทตัวประกอบกระจอกๆ เลย กูนี่แหละจะเหยียบมึงให้จมตีนสวยๆ คู่นี้” พระเอกคิวทองโวยวายอย่างโกรธจัด ก่อนถุยน้ำลายออกมา แต่มันไม่ได้รดใบหน้าฟ้าคราม น้ำลายเหนียวหนืดที่มีเสมหะถูกสายลมพัดย้อนกลับ ด้วยเวลานั้นช่างแต่งหน้าคนหนึ่งปรับพัดลมขนาดใหญ่ให้หันมาทางนี้พอดี น้ำลายเลยเปรอะลำคอและหน้าอกปีเสือเสียเอง
“เชี่ยแล้ว!” ปีเสือโวยวาย เขายกมือชี้หน้าคาดโทษฟ้าคราม ก่อนวิ่งหายเข้าห้องน้ำ
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ฉากที่เซตไว้ให้เป็นตลาดของเมืองท่าน้ำฟู่กุ้ยก็เสร็จเรียบร้อย
ฟ้าครามตื่นเต้นอยู่มาก เขายกมือไหว้ท่วมหัว คิดถึงแม่กับพ่อที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร สักพักชายหนุ่มก็ถูกเรียกให้ไปยืนประกบจริงใจ อีกฝ่ายไม่มีท่าทีถือเนื้อถือตัว ส่วนปีเสือเก๊กมาดหล่อ ทำหน้าปวดอึตามสไตล์เขา
“เธอๆ เราอ่านนิยายจบแล้วนะ มันสนุกมาก นี่เราไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอเป็นคนเขียน ถ้าคุณแต้มไม่เล่าให้ฟัง” หญิงสาวว่าน้ำเสียงสนุกสนาน เธอมองฟ้าครามด้วยแววตาปลาบปลื้ม จริงใจเป็นลูกพี่ลูกน้องของว่านอัน ดาราหนุ่มหล่อที่ฟ้าครามยืมบุคลิกมาเขียนเป็นตัวเอกในนิยาย
“ผมเขียนเพราะอยากเขียนนั่นแหละ ถ้าคุณจริงใจชอบ ผมก็ดีใจมาก”
“แล้วนี่ไม่ได้แค่ชอบนะ เราอยากให้พิมพ์เป็นเล่มด้วยซ้ำ เราไปคุยกับคุณลุงที่เป็นเจ้าของ สำนักพิมพ์ไว้ด้วย ถ้าไม่ติดขัดอะไร เราอยากช่วยทำให้มันเป็นหนังสือ”
จริงใจเสนอ แต่ฟ้าครามรู้ว่าเรื่องนี้คงยาก นิยายเขาถูกแต่งเติมขึ้นอีกหลายส่วน อีกทั้งตอนนี้ต้นฉบับตกไปอยู่ในมือของศกุน ฝ่ายนั้นเขี้ยวลากดิน แถมไม่ยอมรับฟังเหตุผลคนอื่น ศกุนถือว่าตัวเองถูกเสมอ ความหวังของเขาริบหรี่ิยิ่งนัก
“ขอบคุณครับ รอไว้ให้ทุกอย่างมันเป็นรูปเป็นร่างกว่านี้ ผมคิดว่านิยายคงได้พิมพ์ออกมาเป็นเล่มแน่นอน”
“ดีๆ แล้วแปะชื่อเราไว้บนปกด้วยนะ” จริงใจว่าและหัวเราะคิกคัก
“ชื่อคุณจริงใจ?” ฟ้าครามถามและทำสีหน้าสงสัย
“ก็หน้าปกหนังสือไง ต้องมีรูปอี้เหรินสวยๆ ใช่ไหม แต่เสียดาย...น่าจะเปลี่ยนพระเอกเป็น...” ดาราสาวดาวรุ่งกล่าวได้เท่านั้น ด้วยใครบางคนโผล่มาขัดจังหวะ
“ใช่ ปกหนังสือเล่มนี้พี่เสือว่าควรมีรูปคู่ของเรา ส่วนชื่อคนเขียนยังไงคงไม่ใช่ไอ้ตัวประกอบขี้แหยคนนี้ เพราะเฮียนกเรียบเรียงใหม่หมด ลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไหร่กว่างานชิ้นนี้จะสำเร็จ” ปีเสือเข้ามาแส่จนได้
“แหม อย่าพูดแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวฟ้าครามเสียใจแย่” จริงใจกล่าวอย่างเป็นกลาง
“มันคือความจริง พี่เห็นเฮียนกทำงานแทบไม่ได้หลับได้นอน”
ปีเสือเอ่ยจบก็ยักไหล่น้อยๆ แล้วหมุนตัวไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับนักแสดงหญิงอีกคนที่เข้าร่วมฉากนี้ด้วย
“อย่าไปสนใจเลย พี่เสือมีคนเอาใจมากไปหน่อยเลยบ้าอำนาจ ชอบวางฟอร์ม และชอบเบ่ง” จริงใจพยายามอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ
ฟ้าครามยิ้มบางๆ เขาไม่อยากใส่ใจปีเสือ กระนั้นก็อดน้อยใจโชคชะตาตนเองไม่ได้
เวลาผ่านไปราวๆ สิบนาที เขาก็ทราบข่าวว่านักแสดงสมทบที่เลือกไว้ และต้องมีบทพูดกับปีเสือเกิดท้องเสียกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถเข้าฉากได้ ฟ้าครามจึงถูกเลือกให้เล่นบทดังกล่าวแทน
“ก็ดีกว่าแค่ได้ส่งเสียงร้องตอนถูกม้าถีบและพลัดตกน้ำตายละวะ แล้วนี่เอ็งไปบนเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน ทำไมวันนี้ดวงขึ้นแท้” กมลว่าอย่างติดตลก
“คงเพราะผมหล่อมั้งพี่” ฟ้าครามยิ้มร่าเมื่อได้เล่นบทกุนซือที่มีบทพูด
“เอ็งเข้าใจใช่ไหมว่าต้องใส่ความสะดิ้งและร้องโวยวายเบอร์ใหญ่แค่ไหน” บอยผู้ช่วยผู้กำกับถามฟ้าคราม
“มันแน่อยู่แล้วพี่ ผมเขียนฉากนี้กับมือนี่นา” ฟ้าครามบอกอีกฝ่าย เขาจินตนาการในหัวถึงภาพกลุ่มกุนซือที่นั่งเรือมายังเมืองฟู่กุ้ย และจับจ่ายซื้อของที่ตลาดท่าน้ำ กระทั่งเกิดเรื่องขึ้นเพราะทหารของเผ่าเฟยเทียนออกตามหาคนที่หลบหนีไป
ซึ่งอี้เหรินได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนผู้นั้น เป็นเหตุให้ต้องพากันหลบหนีเอาตัวรอด กระทั่งได้พบอ๋องแปด ซึ่งสวมบทโดยปีเสือ เขาควบม้ามาถึงเมืองฟู่กุ้ยพอดี
“ยังไงเอ็งก็อย่าเสือกเก่งแต่พูด จำไว้นะ ถ้าเล่นห่วยแตกละก็ อนาคตแกจะไม่ได้กลับมาเหยียบกองถ่ายเรื่องนี้อีก” เมื่อบอยขู่ฟ้าครามจบ เขาก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้ทีมงานคนอื่นเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ
ฟ้าครามยืนรวมกลุ่มกับนักแสดงสมทบและตัวประกอบอีกหลายคน พอได้ยินคำสั่ง ‘แอคชั่น’ เขาก็รีบวิ่งหนีชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ที่เขียนหน้าเขียนตาพร้อมใส่หนวดเคราดกหนา
ร่างสูงประเปรียวก้าวเดินไปตามบทที่ซักซ้อมเอาไว้ เขาต้องวิ่งเป็นตัวล่อ เพื่อไม่ให้จริงใจถูกมือสังหารของกลุ่มเฟยเทียนจับตัวได้ ดารานำหญิงรอดพ้นอย่างหวุดหวิด และฉากที่พระเอกนางเอกพบกันคือ อี้เหรินดันเซ่อซ่าสะดุดขาตัวเองล้มลงตรงหน้าอ๋องแปดพอดี
ฟ้าครามสวมวิญญาณนักแสดงเต็มที่ เขาวิ่งลัดเลาะตามจุดซึ่งมาร์กไว้ แต่แทนที่จะหยุดตามที่ซ้อมไว้ เขากลับเตลิดไปอีกทาง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะจู่ๆ ชายหนุ่มเห็นบางสิ่งเผยขึ้นตรงหน้า รูปร่างมันออกจะประหลาดสักหน่อย
“เฮ้ย! ทำไมมีหินก้อนเบ้อเริ่มอยู่ตรงนี้” ฟ้าครามร้องเสียงหลง ก่อนจะสับขาวิ่งและเอี้ยวตัวหลบไปอีกทาง แวบนั้นหางตาเขาเห็นว่าหินก้อนดังกล่าวเคลื่อนไหวได้ และยังส่งเสียงประหลาดคล้ายเสียงขู่คำรามของสัตว์ตัวโต!
เมื่อวิ่งหลบมาอีกทาง ฟ้าครามต้องร้องลั่นอีกหน เขาจ๊ะเอ๋กับม้าสีขาวตัวโตที่ปีเสือขี่อยู่ ม้าตัวดังกล่าวตกใจและขยับตัวมาข้างหน้า ก่อนยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นสูง คนที่ขี่ม้าไม่ชำนาญอย่างปีเสือจึงเสียหลัก มือที่จับสายบังเ**ยนไว้อ่อนแรง พอม้ากลับมายืนบนพื้นตามปกติ มันก็วิ่งเตลิดแบบม้าพยศ สะบัดขาหลังแรงๆ แล้ววิ่งเป็นวงกลม จนเป็นเหตุให้ปีเสือที่นั่งอยู่บนหลังม้าอ้วกแตกพุ่งเป็นสาย แล้วเกิดภาพน่ากลัวเมื่อเขาพลัดตกหลังม้า แต่โชคดีที่ไม่ถูกม้าเหยียบซ้ำ เพราะฟ้าครามเข้าไปลากตัวดาราดังออกจากพื้นที่อันตรายได้ทันอย่างหวุดหวิด
แล้วภาพต่อมาทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง ก่อนจะทั้งขำและเวทนาดาราดังสุดหล่อเจ้าบทบาท เพราะนอกจากปีเสือจะฉี่แตกเปื้อนกางเกงขายาวกับเสื้อคลุมสีเขียวปักเลื่อมตัวงามที่เลือกอย่างถูกโฉลกแล้ว ดาราหนุ่มยังเกาะแขนฟ้าครามหนึบไม่ยอมปล่อย แถมยังหวีดร้องโหยหวนออกมา
“พาฉันออกไป! อ๊ายๆ พาฉันออกไปจากที่นี่ อีม้าเลว! อีม้านรก! กรี๊ด! เสือกลัว เสือกลัวแล้ว พ่อจ๋า แม่จ๋า”