หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างภูวินและริสาเริ่มคลุมเครือมากขึ้น ภูวินเริ่มรู้สึกว่าความรู้สึกของริสาเปลี่ยนไป แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเพราะอะไร ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ความสนิทสนมที่เคยมีลดลงจนรู้สึกได้ ภูวินพยายามหลายครั้งที่จะถามเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขาถาม ริสากลับปิดบังและหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม สุดท้าย ภูวินรู้สึกว่าเขาต้องหาทางผ่อนคลายจากความคิดที่วุ่นวาย ภูวินจึงตัดสินใจออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ที่ผับ เพื่อนสนิทของเขา นิว โซจู และธันวา นั่งอยู่ที่โต๊ะ พวกเขาคุยกันเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญนัก แต่ในใจของภูวินกลับเต็มไปด้วยความคิดเรื่องความสัมพันธ์กับริสา เขาพยายามจะทำตัวให้เป็นปกติ แต่มันกลับยากเกินไป
“พวกมึง ริสาเป็นอะไรของเขาวะ ช่วงนี้ทำตัวแปลก ๆ เหมือนมีอะไรในใจ” ภูวินเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด นิวหันมามองด้วยสายตาเห็นใจและเข้าใจสถานการณ์
“มึงไปทำอะไรให้เขารึเปล่าวะ ภูวิน?” นิวถามเสียงเรียบ ภูวินถอนหายใจเบา ๆ
“กูไม่แน่ใจ...ตอนนั้นคุยโทรศัพท์เรื่องงานกับมึง กูอาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ริสาไม่พอใจ แต่กูไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน”
“แล้วมึงคิดว่าเธอรู้เรื่องอะไรไหม?” โซจูถามต่อ ภูวินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“กูก็ไม่แน่ใจ แต่มันแปลกมาก สีหน้าของริสาช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่เชื่อใจกู ตอนแรกกูก็คิดว่าเป็นเรื่องพ่อของเธอ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น” ภูวินตอบด้วยน้ำเสียงหนักใจ ธันวาฟังแล้วหัวเราะน้อย ๆ
“มึงคิดมากไปรึเปล่าวะ อาจจะเป็นเรื่องเครียดของริสาเกี่ยวกับพ่อเขาก็ได้” ธันวาพยายามปลอบใจเพื่อน แต่ก่อนที่ภูวินจะได้ตอบอะไร จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งจากด้านหลังที่ทำให้ทุกคนในโต๊ะหยุดชะงักทันที
.
กึด!
“สวัสดี ภูวิน” เสียงที่ทำให้ภูวินรู้สึกคุ้นเคยแต่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้งในชีวิต เขาหันไปมองและเห็นหลิว แฟนเก่าที่เคยทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นภูวินเจ็บปวดมากที่เธอจากไปอย่างไม่บอกกล่าว แต่ในตอนนี้ หลิวกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ภูวินรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทันที ความรู้สึกที่เขาพยายามลืมเลือนค่อย ๆ หวนกลับมา
“หลิว...” ภูวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ต่างหันมามองหน้ากัน ทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ภูวินกลับรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุนเมื่อได้เห็นหลิวอีกครั้ง
“เธอมาทำไม?” ภูวินถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขายังไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไรจากเขาในตอนนี้
“พอดีเรามีธุระต้องทำในเมืองนี้ เลยคิดว่าอยากเจอเธอ...คิดถึงช่วงเวลาที่เราเคยอยู่ด้วยกัน” หลิวยิ้มอ่อน ๆ แต่ในใจภูวินกลับรู้สึกหวั่นไหว ความรักเก่าที่เขาพยายามฝังไว้ลึก ๆ ตอนนี้มันกลับมาตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง นิว โซจู และธันวานั่งมองด้วยความแปลกใจ ทั้งสามคนนิ่งไปชั่วครู่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พวกเขารู้ดีว่าหลิวเคยเป็นคนสำคัญของภูวิน และรู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ภูวินต้องเผชิญกับความรู้สึกมากมายที่เขาอาจไม่พร้อมรับมือ หลิวเดินเข้ามาใกล้โต๊ะและยืนอยู่ตรงหน้าภูวิน บรรยากาศเริ่มอึดอัดมากขึ้น แต่หลิวกลับยังคงมีสีหน้ายิ้มอ่อน และดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในใจของภูวิน
“เธอสบายดีไหม?” หลิวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ภูวินพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่สามารถตอบออกมาได้ทันที เขารู้สึกว่าความเจ็บปวดและความโหยหาในอดีตกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกนั้น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี
“เราไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่อีก...” ภูวินพูดออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวถึงกลับมาหาเขา ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนที่เลือกจากไปเอง
“เราก็ไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่อีกเหมือนกัน แต่เมื่อได้กลับมา ความทรงจำทุกอย่างก็กลับมาเหมือนว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน” หลิวพูดพร้อมกับแววตาที่ดูเศร้าเล็กน้อย แม้จะมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า ความทรงจำเก่า ๆ ที่ภูวินพยายามเก็บลึก ๆ เริ่มเผยตัวขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหัวเราะของหลิวในวันที่พวกเขามีความสุขยังคงดังอยู่ในใจของภูวิน แต่ในขณะเดียวกัน ความเจ็บปวดในวันที่เธอจากไปยังคงคมชัดไม่จางหาย
“เอาไงดีวะ มึงคิดว่าภูวินจะโอเคไหม?” นิวเริ่มกระซิบถามโซจูอย่างกังวล โซจูส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมตอบว่า
“ไม่รู้ดิวะ แต่ดูแล้วภูวินคงต้องคุยกับหลิวเอง” โซจูพูดพร้อมกับลุกขึ้นยิ้มให้หลิว
“พวกเราคงต้องให้ภูวินคุยกับเธอตามลำพังนะ” โซจูหันไปพูดกับหลิว ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับนิวและธันวา พวกเขาทั้งสามคนลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะ ปล่อยให้ภูวินอยู่กับหลิวเพียงลำพัง ภูวินพยายามจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ทั้งสามคนก็เดินออกจากผับไปเสียแล้ว ทิ้งให้ภูวินต้องเผชิญหน้ากับหลิวและความรู้สึกในอดีตที่ยังคงตามหลอกหลอนเขา
“เราขอโทษนะภูวิน ที่วันนั้นเราไม่ได้อธิบายอะไรเลย” หลิวพูดเสียงเบา ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“มันเป็นช่วงที่เรากำลังสับสนในชีวิตมาก ๆ เราเลยเลือกที่จะหนีไปแทนที่จะเผชิญหน้ากับความจริง” ภูวินมองตาหลิว ความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาพยายามเก็บไว้กลับพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธเธอหรือควรจะให้อภัย แต่เขารู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดในอดีตยังคงอยู่ลึก ๆ ภายในใจ
“ถ้ามันเป็นเรื่องนั้น ก็ช่างมันเถอะหลิว มันผ่านมาแล้ว” ภูวินตอบเสียงเรียบ แม้ว่าในใจเขาจะยังคงรู้สึกสับสน หลิวพยักหน้าเบา ๆ
“เราแค่อยากให้เธอรู้ว่าเรารู้สึกผิดจริง ๆ” หลิวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจ ภูวินพยายามเก็บความรู้สึกไม่ให้ย้อนกลับไปในอดีต แต่ในใจเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยความรู้สึกเก่า ๆ