“พุดอยากช่วยงานในไร่ค่ะ” พุดกรองตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เธอรักที่นี่ อยากใช้ความรู้ความสามารถที่สู้อุตส่าห์เรียนมาทำประโยชน์ให้ผู้มีพระคุณไม่มากก็น้อย ส่วนเรื่องอื่นแทบไม่เคยคิดถึงเพราะถือคติว่าเธอเกิดและเติบโตที่นี่ ที่นี่จึงไม่ต่างอะไรจากบ้านของเธอ
“ก็เห็นหล่อนแย่งงานคนอื่นทำอยู่ทุกวี่ทุกวัน ไม่เบื่อบ้างเลยรึ อยากออกไปทำงานข้างนอกฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ อุตส่าห์ร่ำเรียนมาทั้งที อยากทำอะไรก็ทำเถิด ชีวิตหล่อนเป็นของหล่อน ฉันขอแค่หล่อนไม่ออกนอกหลู่นอกทางเท่านั้น” แม้คุณหญิงพิศเพลาจะพูดเช่นนั้น แต่อีกคนก็ยังยืนกรานเสียงแข็งในคำตอบเดิมที่เคยให้ ท่านจึงหมดคำพูดก่อนจะใช้สายตาอ่อนโยนจ้องมองเด็กตัวเล็กๆ ที่บัดนี้เติบโตใหญ่เป็นสาวสวยที่ใครๆ ต่างหมายปอง คนที่บทจะว่านอนสอนง่ายก็แสนง่ายเหมือนปกกล้วยเข้าปาก พอบทจะดื้อก็ดื้อเอาเรื่อง ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง
“อีกสามวันตาชาญจะกลับมาจากอังกฤษแล้ว ขานั้นเห็นว่าเรียนจบแล้วเหมือนกัน ถ้ายังไงวานหล่อนช่วยจัดการเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้ต้อนรับหลานชายของฉันด้วยก็แล้วกันนะแม่พุด” คำสั่งที่ดังขึ้นพร้อมกับชื่อของใครบางคนที่ถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบสี่กระแทกใจคนฟังอยู่ไม่น้อย คนที่มีศักดิ์เป็นถึงหลานชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบ้าน ลูกชายของผู้มีพระคุณอีกคนของเธอ ผู้ชายใจร้ายคนนั้น
กำลังจะกลับมาแล้วสินะ
“ได้ค่ะคุณท่าน” หญิงสาวรับคำอย่างเงียบเชียบ ความกังวลฉายเด่นในดวงตา เพราะเธอยังจกจำได้ดีถึงวีรกรรมสุดแสบสันของคนๆ นั้น
คนที่คอยแต่จะหาเรื่องกันไม่ยอมหยุดด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือเขากลัวว่าเธอจะแย่งความรักของแม่และย่าไปหมด ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีใครรักใครมากไปกว่าเขาได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตั้งป้อมหาเรื่องแกล้งเธอสารพัด ไม่ว่าใครห้ามก็ไม่ยอมฟัง หนักสุดก็พาเธอไปขังไว้ที่กระท่อมร้างท้ายไร่ เป็นวันกว่าจะมีคนตามไปพบ ซึ่งบทเรียนราคาแพงครั้งนี้ทำให้เธอพยายามอยู่ห่างจากเขามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จอยู่ดี
ผู้ชายที่ชื่อชาญ ธนาสินธ์คนนั้น!
ข่าวการกลับมาหลานชายเจ้าของไร่แพร่สะบัดไปไกลราวกับไฟท่วมทิ้งภายในเวลาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงนับตั้งแต่พุดกรองตัดสินใจเล่าเรื่องให้สาวใช้คนอื่นๆ ฟังเพราะหวังจะให้ทุกคนมาช่วยกันคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของผู้ชายอารมณ์ร้ายคนนั้นอย่างไรดี แต่ก็เหมือนว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจอยู่นั้นจะกลับกลายเป็นเรื่องของเขาเสียมากกว่า เรื่องของเขากับว่าที่คนรักที่กำลังจะพากลับมาด้วย
“เห็นว่าเป็นผู้ดีอังกฤษเก่าด้วยล่ะแก ฉันล่ะชักอยากเห็นหน้าแล้วสิว่าคุณเธอจะสวยแค่ไหน แต่ระดับคุณชาญคงไม่คว้าเอาลิงข่าวบ่างชะนีมาทำเมียหรอกนะ รายนั้นน่ะต้องคนที่สมน้ำสมเนื้อกันเท่านั้นถึงจะคู่ควร!” หนึ่งในวงสนทนาเอ่ยขึ้น ซึ่งคนที่เหลือก็พากันพยักหน้าตามติดๆ
“คุณท่านคงได้หลานสมใจก็คราวนี้แหละ แต่จะว่าไปนะ คุณชาญกลับมาก็ดีเหมือนกัน คนบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนโปรดจะได้เลิกเหยียบหัวคนอื่นเขาเสียที!” คนถูกกล่าวหาซึ่งๆ หน้าไม่คิดตอบโต้อะไรกลับไป มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่พุดกรองใช้สู้ปากคนที่อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่สนใจเลยสักนิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำร้ายคนอื่นแค่ไหน
“อย่าไปสนใจเลยนังพุด อีแพรวมันพูดก็เพราะคงอิจฉาเอ็งนั่นแหละที่คุณท่านเมตตาเอ็งมากกว่ามัน คิดเสียว่าเสียงหมาเสียงแมวบ่นไปเถอะนะ” นางอ่อนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น สายตาจ้องคนต้นเรื่องเอาคาดโทษ
“ป้าอ่อนว่าใครเป็นหมา!” ซึ่งเหมือนแพรวพรรณจะได้ยิน ถึงได้ตวาดถามก่อนจะจ้องมองหญิงชราอย่างเอาเรื่อง โทษฐานที่กล้าว่าตนเอง
“แล้วมึงมีสี่ขา แถมยังชอบกินขี้รึเปล่าล่ะอีแพรว! ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเสือกร้อนตัว!!” ซึ่งนางอ่อนผู้ซึ่งผ่านโลกผ่านคนมามากตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน ก่อนจะคว้าต้นแขนพุดกรองให้เดินตามกันไปเพราะไม่อยากมีเรื่องกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับลูก
“อีแก่! คอยดูเถอะมึงสักวันกูจะเอาคืนให้ร้องไม่ออกเลยคอยดู!”
ตลอดสามวันที่ผ่านมาพุดกรองต้องทำหลายๆ สิ่งด้วยตัวเองคนเดียวเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากสาวใช้ที่ครึ่งหนึ่งล้วนแต่เป็นพรรคพวกของแพรวพรรณแทบทั้งสิ้น แต่กระนั้นหญิงสาวก็ไม่คิดปริปากบ่น ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปโดยมีนางอ่อน คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
“ไปอาบน้ำอาบท่าเสียไปนังพุด ประเดี๋ยวจะได้ออกไปรอรับคุณชาญพร้อมคนอื่นๆ เขา” นางอ่อนหันมามองคนที่ทั้งวันหมกอยู่แต่ในครัวจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเหมือนอย่างสาวใช้คนอื่นๆ ที่พากันละทิ้งหน้าที่แล้วแอบออกไปเสริมสวยตั้งแต่บ่าย จนป่านนี้ยังไม่ยอมโผล่หน้ากลับมา
“พุดขออยู่ในครัวดีกว่าจ๊ะป้าอ่อน คุณชาญเขาไม่ค่อยชอบหน้าพุดสักเท่าไหร่ ประเดี๋ยวเจอหน้าจะพาลหงุดหงิดอารมณ์ใส่กันอีก” พุดกรองตอบอย่างยิ้มๆ สำนึกดีว่าตนเองไม่ใช่คนที่ใครคนนั้นอยากพบหน้า ทางที่ดีเธอควรจะอยู่ให้ห่างสายตาของเขาให้ได้มากที่สุดจะดีกว่า เพราะหากออกไปให้เขาเห็น บางทีงานเลี้ยงในวันนี้อาจจะกลายเป็นศพเธอได้ง่ายๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเอ็งก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าขึ้นไปดูคุณท่านก่อน แล้วจะรีบกลับลงมาช่วยยกของออกไปเสริม” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แม้ลึกๆ ภายในใจจะอดตื่นเต้นไปกับคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจหาญแสดงมันออกมาเพราะกลัวจะมีใครจับผิด
ถึงความรู้สึกต้องห้ามที่เธอดันมีต่อหลานชายผู้มีพระคุณคนนั้น…