นายหัวเถื่อน 25+
บทที่ 9.
"เสร็จเเล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเอ็งแล้วนังกระต่าย"
หลังจากที่นางหมายเช็ดตัวและหาเสื้อผ้าให้หทัยชนกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วนางก็หันมาพูดกับกระต่ายที่เอาแต่จ้องมองร่างบางอย่างชื่นชมอยู่เงียบๆ
"หน้าที่ของกระต่าย...?"
กระต่ายทำหน้างงแล้วหันไปมองนางหมายอย่างสงสัยทันที
"เอ็งลืมเรอะ นายหัวสั่งให้ไปเก็บกวาดเรือนริมน้ำ"
"นายหัวสั่งป้าต่างหากไม่ใช่กระต่าย"
กระต่ายพูดยอกย้อนจนนางหมายต้องมองค้อน ก่อนจะยื่นมือไปเขกศรีษะของกระต่ายแรงๆ
โป๊ก!
"โอ๊ย! ป้า...กระต่ายเจ็บนะ นี่มือคนหรือไม่พายกันแน่ ทำไมมันถึงได้หนักขนาดนี้เนี่ย!?"
กระต่ายร้องโอดครวญ มือบางยกขึ้นกุมศรีษะตรงที่ถูกเขกป้อยๆ และเมื่อมืออวบอ้วนของนางหมายทำท่าจะเขกซ้ำลงมาอีก ร่างเล็กๆก็ผุดลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกประตูทันที ก่อนจะค่อยๆโผล่หน้ามาส่งยิ้มทะเล้นให้นางหมายอย่างล้อเลียน
"เอ็งนี่ไวเป็นลิงเป็นข้างจริงๆเชียว นายหัวสั่งให้ข้าหาคนไปทำโว้ย! และข้าก็มองไม่เห็นใครเลยนอกจากเอ็งตอนนี้ นังกระต่ายป่า!"
นางหมายพูดเสียงเขียว มองค้อนเด็กสาวตาปะหลับปะเหลือก อดไม่ได้ที่จะพูดประชดออกมาอีก
"ตกลงเอ็งจะไปทำไหม หรือต้องให้คนแก่อย่างข้าไปก้มเงยๆถูเรือนแทนสาวๆอย่างเอ็ง"
"โถ่...ป้าหมายจ๋า กระต่ายก็แค่ล้อเล่นจี๊ดดด...เดียวเอง ยังไงกระต่ายก็ต้องไปทำให้อยู่แล้วล่ะน่า"
กระต่ายพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วเดินเข้ามาโอบกอดเอวหนาๆที่เต็มไปด้วยไขมันของนางหมายอย่างประจบประแจง พร้อมกับฉีกยิ้มออดอ้อนจนแทบจะเห็นไรฟันครบทั้งสามสิบสองซี่
"งั้นเอ็งก็รีบไปทำ เสร็จแล้วก็กลับมาที่เรือนใหญ่นี่ เผื่อนังหนูคนนี้ตื่นขึ้นมา แล้วเอ็งก็รีบไปตามข้า เข้าใจไหม?"
"แล้วป้าจะไปไหนล่ะจ๊ะ?"
กระต่ายพยักหน้ารับ แต่อดที่จะถามนางหมายไม่ได้ ทำไมเธอต้องกลับมานั่งเฝ้าคนหลับด้วย
"ถามได้ ข้าก็จะไปหาข้าวหาปลาให้นายหัวกินน่ะสิ กลับมาเหนื่อยๆคงยังไม่ได้กินอะไร นี่ก็คงจะไปที่ผาแก้ว ได้ข่าวมาแว่วๆว่าเมื่อคืนมีคนนอกเข้ามาป้วนเปี้ยน"
"พ่อของกระต่ายก็อยู่ที่นั่น เมื่อไหร่คนนอกเกาะจะเลิกเข้ามาวุ่ยวายกับพวกเราซะทีนะจ๊ะป้า"
กระต่ายพูดขึ้นมาด้วยความเซ็ง
เมื่อก่อนชาวเกาะมืดอยู่กันอย่างสงบสุขมาโดยตลอด แต่พอนายมิ่งหัวหน้าคนงานพาคนนอกเกาะเข้ามาเพื่อขอเจรจาเปิดโรงงานกับนายหัวรามเมื่อสามปีที่แล้ว แต่ถูกนายหัวรามปฏิเสธกลับไป หลังจากนั้นที่เกาะก็มีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น
"เฮ้อ!...วันที่ความวุ่นวายจบสิ้น ก็คือวันที่คนโลภหยุดหายใจนั่นแหล่ะนังกระต่ายเอ๊ย..."
.....................
คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมือง
ร่างสูงของศิลาในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มก้าวลงจากรถด้วยท่าทางทรนง ในมือหนาถือกล่องของขวัญกล่องเล็กๆไว้ ก่อนก้าวเข้าไปภายในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของอดีตนักการเมืองคนหนึ่ง
ดวงตาคมเข้มมองผู้คนที่มาร่วมงานมากหน้าหลายตา ทั้งนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศไทยรวมทั้งนักการเมืองชื่อดังด้วยแววตาเฉยเมย
และคนสุดท้ายที่ศิลาหยุดมองก็คือเจ้าภาพของงานที่กำลังยืนคุยอยู่กับชาวต่างชาติคนหนึ่ง และเมื่อชายสูงวัยหันมาเห็นศิลาเดินเข้ามาภายในงาน ร่างหนาก็ผละจากนักธุรกิจชาวต่างชาติเดินเข้ามาหาศิลาทันที
"สุขสันต์วันเกิดคุณอิทธิ"
คำพูดไร้หางเสียงของเด็กคราวลูกทำให้นายอิทธิอดีตนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลหน้าตึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเมื่อนึกไปถึงส่วนได้ส่วนเสียที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า
"ขอบคุณมากศิลาที่ให้เกียรติมา"
"คนคุ้นเคย ไม่มาคงไม่ได้"ศิลาพูดเป็นนัยๆ
นายอิทธิยิ้มเยือนอย่างถูกใจ ก่อนจะผายมือเชิญร่างสูงเข้าไปในงานเพื่อแนะนำให้ใครหลายคนรู้จักชายหนุ่มที่ตนเองก็เพิ่งจะรู้จักเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ตอนแรกศิลาไม่อยู่ในสายตาของนายอิทธิเลยด้วยซ้ำ แต่คำว่าเกาะมืดที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งคนนี้ทำให้นายอิทธิเปลี่ยนใจและเป็นฝ่ายเข้าหาชายหนุ่มเองทันที
เพราะความโลภที่อยู่ในสันดาน ทำให้นายอิทธิไม่คิดที่จะสืบหาประวัติความเป็นมาของศิลาเลยสักนิด แต่ถึงจะสืบก็ไม่เป็นปัญหาต่อศิลาเลย เมื่อประวัติปลอมของศิลาถูกเจ้าตัวสร้างขึ้นมาและกระจายออกไปเรียบร้อยร้อยแล้ว
ในตอนนี้ใครๆก็รู้จักเขา ในนาม 'ศิลา ธนไพศาล' นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเท่านั้น
''ไม่น่าเชื่อว่าคุณอิทธิจะดึงคุณศิลาที่คุมบังเ**ยนอยู่บนหลังเสือให้ออกมาเผยโฉมหน้าวันนี้ได้ ได้ยินชื่อมาตั้งนาน ได้เจอตัวจริงสักที"
นักธุรกิจคนหนึ่งเอ่ยชมศิลาและเผื่อแผ่คำชมมาถึงนายอิทธิด้วย ในขณะที่นายอิทธิยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
"จริงๆก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ข้อเสนอของคุณอิทธิก็น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกันเลยต้องขอศึกษารายละเอียดอีกหน่อย แต่คิดว่าคงไม่เปลี่ยนใจ"
คำพูดของศิลาทำให้นายอิทธิลอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ทันที แต่ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของศิลาไปได้
ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมา เมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายของตัวเอง เพราะคำว่าไม่เปลี่ยนใจของเขา มันอาจจะคนละความหมายกับความเข้าใจของนายอิทธิ
เป็นเวลานานที่ศิลาต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กับแขกที่นายอิทธิแนะนำให้เขารู้จักภายในงานทั้งที่ใจสุดแสนจะเบื่อหน่าย แต่ชายหนุ่มก็ฝืนทนเพื่อภารกิจของเขาในคืนนี้
"คุยกันไปก่อนนะ ผมขอตัวไปต้อนรับแขกก่อน"
นายอิทธิบอกยิ้มๆ ทำให้ศิลาและคนอื่นๆพากันหันไปมองรถเบนซ์คันหรูที่วิ่งผ่านประตูเข้ามาจอดตรงหน้าคฤหาสน์ทันที และเมื่อเห็นคนที่ก้าวฃงมาจากรถรอยยิ้มเหยียดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมแทบจะทันที
'โลกมันแคบ หรือคนโลภมันล้นเมืองกันแน่'
ศิลาคิดในใจอย่างหยันๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยลาเจ้าภาพของงานวันนี้
"ผมคงต้องขอตัวก่อน"
"อ้าว!..ทำไมถึงรีบกลับล่ะคุณศิลา เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดกันเลย"
นายอิทธิถามอย่างร้อนใจและเสียดาย เขาเองก็อยากจะพูดคุยกับชายหนุ่มถึงเรื่องราวในเกาะมืดให้รู้เรื่อง แต่แขกที่เพิ่งจะมาถึงก็สำคัญไม่แพ้กัน
"ผมไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะ อีกอย่างคืนนี้ผมต้องบินไปสิงคโปร์ เงื่อนไขระหว่างเราเอาไว้ค่อยคุยตอนผมกลับมาก็แล้วกัน"
พูดจบร่างสูงก็ก้าวเดินออกมาทันที โดยไม่สนใจฟังคำทัดทานของใครทั้งสิ้น
ร่างสูงของศิลาเดินสวนกับแขกคนใหม่ของนายอิทธิตรงประตูทางเข้าคฤหาสน์ ริมฝีปากหนายิ้มเยือนให้อีกฝ่ายเล็กน้อย พร้อมกับล้วงแว่นตาดำในกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาสวม แล้วพาตัวเองออกจากคฤหาสน์ไป
ในขณะที่นายประวิทย์ต้องหันกลับไปมองร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านตนไปเมื่อครู่อย่างสงสัย เพราะรู้สึกคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน