บทที่ 3 วุ่นวาย...ไม่เลิก(2)

1215 คำ
“อ๋อ...ค่ะ คุณฟราน” เสียงใสตอบรับด้วยรอยยิ้มเมื่อเข้าใจว่าเขากำลังแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ใครจะไปรู้ล่ะ อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาลอย ๆ นึกว่าเรียกหาใครซะอีก “สวัสดีค่ะ เรียกอิงก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อบรรยากาศเริ่มคลายความตึงเครียดลงแล้ว เด็กสาวเอ่ยพูดคุยด้วยรอยยิ้มสดใสมากขึ้น “อืม” รับคำสั้น ๆ ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ กับรอยยิ้มอวดฟันขาวสะอาด จนเขาอยากสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันจะสะอาดจริงเหมือนที่เห็นไหม แล้วไหนจะแก้มใส ๆ สีแดงระเรื่อเพราะแสงแดด จนเขาอยากลองสัมผัสลูบไล้ดูเหลือเกินว่ามันจะให้ความรู้สึกนุ่มละมุนมือแค่ไหน พลันก็สะดุ้งตกใจกับความคิดของตัวเองที่มีกับเด็กสาวตัวเล็กตรงหน้า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสักครั้งจะมีความรู้สึกอ่อนหวาน อุ่นซ่านแปลก ๆ ยามเห็นดวงตากลมโตและรอยยิ้มเปิดเผยจริงใจแบบนี้ เพราะผู้หญิงสำหรับเขาแล้ว เป็นแค่เรื่องปลดปล่อยตามธรรมชาติเท่านั้น เหมือนกับกินข้าวสักมื้อ เมื่อหิวก็สั่งมากิน กินเสร็จก็จ่ายเงิน ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไม่เกี่ยวกัน และที่สำคัญเขาไม่ชอบกินอะไรซ้ำ ๆ ซะด้วย แต่กับเด็กสาวตรงหน้า แค่เห็นรอยยิ้มเปิดเผยจนตายิบหยี แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อนิด ๆ จากการตากแดด หาใช่เกิดจากการแต่งแต้มเติมสีสังเคราะห์ที่สาว ๆ สมัยใหม่มักใช้กัน ใจเขากับสั่นไหวราวโลกทั้งโลกมันหยุดนิ่ง ไม่รับรู้สรรพสิ่งรอบ ๆ ตัวเลย เป็นไปได้อย่างไรกัน! “คุณฟรานร้อนเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นผิวบริเวณโหนกแก้ม เหนือไรเคราเข้มครึ้มของอีกฝ่ายเริ่มมีสีระเรื่อชัดขึ้น เรื่อย ๆ ซึ่งอาจเพราะเป็นคนต่างชาติ ไม่คุ้นชินกับอากาศร้อนของเมืองไทย ทำให้เวลาโดนแดด ผิวเลยแดงจนสังเกตได้ชัดขนาดนี้ “เอ่อ...อืม...ร้อนเหมือนกัน เข้าข้างในกันดีไหม ฉันไม่ค่อยชินกับอากาศร้อน ๆ ของเมืองไทยเท่าไหร่” กระแอมกระไอกลบเกลื่อนความช่างสังเกตของยัยตัวเล็กตรงหน้า รู้สึกเสียหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าคนตัวเล็กนี่รู้ว่าเขาหน้าแดงเพราะคิดอะไรแปลก ๆ กับเธออยู่ “ขออนุญาตครับท่าน” เสียงคนสนิทเอ่ยขัดด้วยความเกรงใจ ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นนาย ก้มลงพูดคุยบางอย่างด้วยภาษาที่อิงฟ้าฟังไม่เข้าใจด้วยสีหน้าเป็นกังวล และก้าวถอยออกไปเพื่อรอฟังคำสั่ง “อืม จัดการตามนั้น” เอ่ยสั่งคนสนิทเรียบร้อยก็หันมาจ้องหน้าเด็กที่เขาบังเอิญต้องเก็บตกมาจากบนฝั่งด้วยความไม่ตั้งใจ เธอกำลังนั่งทำหน้าสงสัย อยากรู้อยากเห็นอย่างไม่ปิดบัง เด็กหนอเด็ก คิดอะไรก็แสดงออกชัดเจนจนเขาอดยิ้มไม่ได้ “เราต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย” เสียงทุ้มกล่าว พร้อมหยุดดูสีหน้าของคนช่างสงสัย ที่ยังคงมองตาแป๋วอย่างตั้งใจฟัง เมื่อยังไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาก็เริ่มพูดต่อ “เราเจอพายุ คงต้องตรงไปเกาะฉันเลย เพราะถ้าแวะส่งเธอก่อน มันจะเสียเวลา เพราะทางฝั่งแจ้งมาว่าตอนนี้พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรามากแล้ว อิงว่ายังไง” อธิบายสั้น ๆ ด้วยเสียงเรียบเหมือนเคย พร้อมขอความเห็นจากเด็กสาว ที่ตอนนี้มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเอ่ยคำว่าพายุ “เอ่อ...พ..พายุ...มันแรงมากเหรอคะ อิงไม่เคยเจอพายุ...อิงไม่เคยเที่ยวเกาะ” สีหน้าตกใจ หันมองซ้ายขวาด้วยความหวาดกลัว เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมจนชื้นแฉะ คนมองอดสงสารขึ้นมาไม่ได้ จริง ๆ แล้วพายุแค่นี้มันไม่เป็นอันตรายมากนักสำหรับพวกเขาแต่ก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะเหตุการณ์เลวร้ายมักเกิดขึ้นได้เสมอ “นี่เป็นครั้งแรกที่อิงนั่งเรือข้ามเกาะ...อิงบอกแล้วว่าไม่อยากมา แต่สองคนนั่นก็บอกว่ามันปลอดภัย แล้วทำไมเจอพายุแบบนี้ล่ะ” ถ้อยคำมากมายพรั่งงพรูออกจากปากบางสั่นระริก แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าร่างเล็กตรงหน้า กำลังตกใจกลัวจริง ๆ “อิง...ใจเย็น ๆ” สองมือแกร่งของฟรานเชสโกกระชับแน่นบนไหล่บอบบางบังคับให้หันหน้าเข้ามาสบตาคมที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ก้มลงปลอบประโลมน้ำเสียงอ่อนโยน ฝ่ามือหนายกขึ้นโอบประคองสองข้างแก้ม สบตาหวาดกลัวไหวระริก ถ่ายทอดกำลังใจส่งผ่านสัมผัสอ่อนโยนของฝ่ามือหนาที่ลูบไล้อยู่ทั้งสองข้างแก้มนวล อิงฟ้ารู้สึกตัวและพยายามตั้งสติ สูดหายใจเข้าออกให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอ น่าอายจริง ๆ ที่มาแสดงความอ่อนแอให้คนแปลกหน้าเห็น ทั้ง ๆ ที่ก่อนขึ้นเรือมา เธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่าตระหนกมาแท้ ๆ แถมยังมีสติแก้ไขสถานการณ์จนผ่านไปได้ “มานี่มา” บอกพร้อมยืดตัวขึ้นดึงร่างเล็กติดมือมาเหมือนสิ่งของไร้น้ำหนัก พานให้นึกแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่รู้สึกห่วงใยเด็กสาวตัวเล็กคนนี้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน เขารู้เพียงว่าอยากปกป้อง ดูแล ไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องได้รับความเจ็บปวดหรือทุกข์ใจใด ๆ “กินยาแก้เมาเรือนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้ คุณฟรานจะดูแลอิงเองนะ” ฟรานเชสโกวางร่างเล็กลงบนตักแกร่ง เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวใหญ่กลางห้องโถงกว้าง ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังลูบไหล่บอบบางเพื่อเป็นการปลอบโยนอยู่ตลอดเวลา มืออีกข้างก็หันไปหยิบยาที่คนสนิทเตรียมไว้ให้อย่างรู้งาน ป้อนให้เด็กสาว ไม่สนใจสีหน้าตกใจของบรรดาลูกน้องที่มองมา บอกใครคงไม่เชื่อว่าเจ้านายมาดดุของพวกเค้า จะมีมุมแบบนี้ให้ได้เห็น ยอมให้คนนอกเดินทางมาด้วย! พูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างเป็นกันเอง! แล้วยังกิริยาป้อนยาป้อนน้ำให้ถึงปากนั่นอีก นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่! เบนสันซึ่งเป็นคนสนิทและเลขาฯ ส่วนตัวคิดอย่างแปลกใจกับการกระทำของเจ้านาย รู้สึกคันไม้คันมืออยากล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพความทรงจำน่าทึ่งของเจ้านาย เอาไว้ให้คุณแมทธิวและคุณราฟที่ตอนนี้นั่งดื่มไวน์อยู่ในห้องนั่งเล่นอีกฝั่งหนึ่งได้เห็นเป็นบุญตานัก “อ้าว!...เด็กนั่นเป็นอะไรเบน” แมทธิวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นด้านใน เอ่ยถามคนสนิทของเพื่อนรัก หลังจากเห็นอีกฝ่ายอุ้มเด็กสาวเดินเข้าไปในห้องพักผ่อนฝั่งตรงข้ามของเรือ “ทางฝั่งแจ้งว่าจะมีพายุครับ คุณอิงฟ้าดูจะตกใจมาก เห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่ขึ้นเรือข้ามเกาะ เจ้านายเลยให้ทานยาแก้เมาเรือ” “อ่อ แล้วอีกนานไหมเนี่ย ฉันกับไอ้ราฟมีธุระด่วนต้องรีบกลับด่วน” บ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะมีเรื่องเข้ามาขัดจังหวะการพักผ่อนยาว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม