“อ่อ แล้วอีกนานไหมเนี่ย ฉันกับไอ้ราฟมีธุระด่วนต้องรีบกลับด่วน” บ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะมีเรื่องเข้ามาขัดจังหวะการพักผ่อนยาว
แต่ภาพเพื่อนจอมถือตัวอุ้มเด็กสาวเดินเข้าห้องอีกฝั่งของเรือ ด้วยความทะนุถนอมเมื่อครู่ กลับสร้างความประหลาดใจให้กับเขาจนต้องเลิกคิ้วส่งคำถามไปยังเบนสัน แต่ก็ได้รับเพียงหน้านิ่งไร้คำตอบจนคร้านจะอยากรู้พฤติกรรมแปลกประหลาดของเพื่อน ร้อยวันพันปีมันเคยสนใครซะที่ไหน และไอ้อาการยิ้มแปลก ๆ บนฝั่งนั่นอีก มันคืออะไรกันแน่
“จะกลับกันเลยเหรอครับคุณแมท” เบนสันเดินเข้ามาสอบถาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนเจ้านาย
“อืม ฉันกับไอ้ราฟต้องกลับก่อน สั่งให้คนของฉันเอาเครื่องฯ มารอที่เกาะแล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก ขอบใจมาก” จริง ๆ แล้วเขากับราฟาเอล ตั้งใจมาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวของฟรานเชสโกเป็นเวลาสองอาทิตย์ หลังจากต้องทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งปี แต่ทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด เมื่อเลขาฯ โทร.มาแจ้งเรื่องด่วนให้ต้องรีบกลับไปจัดการ คิดแล้วยังเสียดายไม่หายเมื่อนึกถึงกิจกรรมสนุก ๆ ที่วางแผนไว้บนเกาะ
เปลือกตาบางกระพริบขึ้นลงสองสามครั้ง เพื่อปรับรับแสงสว่างจ้าด้านนอก สมองเริ่มประมวลผลเมื่อจำได้ว่าเธอกำลังอยู่บนเรือลำใหญ่ เพื่อข้ามไปเกาะซึ่งเป็นที่พักระหว่างเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อน ๆ
จำได้ว่าเธอกินยาแก้เมาเรือที่ฟรานเชสโกจัดให้ หลังทราบว่ากำลังจะเจอพายุ ใช่สิ! “พายุ”
“ค่อย ๆ ลุกสิ เดี๋ยวก็หน้ามืด” เสียงดุ ๆ ดังมาจากประตูเมื่อเห็นว่าร่างเล็กที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยา ผุดลุกขึ้นด้วยท่าทีลนลานเหมือนตกใจอะไร
“คุณฟราน...” ครางเรียกเสียงแผ่ว เมื่อเห็นคนตัวโตหน้าดุคุ้นตา ยืนอวดแผงอกแกร่งอยู่ตรงประตูซึ่งน่าจะเป็นห้องน้ำ เพราะร่างสูงใหญ่มีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างอยู่แค่ผืนเดียวเท่านั้น
“เป็นยังไงบ้าง มึนหัวรึเปล่า” ร่างสูงเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ยกมือเกลี่ยเส้นผมที่ร่วงลงมาปิดหน้าปิดตาเธอออกไปทัดไว้ข้าง ๆ ใบหูบาง
“เอ่อ...เราอยู่ที่ไหนกันคะ” แอบสะดุ้งเล็กน้อยกับสัมผัสแผ่วเบาจากมือหนาที่สร้างกระแสอุ่นวาบแปลก ๆ ไปทั่วร่างกาย เสหลบตาออกห่างจากภาพน่าหวาดเสียวชวนขนลุกที่อยู่ใกล้กันจนแทบได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนกายสูงใหญ่ มัดกล้ามแข็งแรงปกคลุมด้วยเส้นขนดกหนาบริเวณแผงอกนั่นทำให้อิงฟ้าเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เคยคิดอยากจะรู้มานานแล้วว่าถ้าได้สัมผัสกับขนหน้าอกของชายหนุ่มสักคนหนึ่ง มันจะให้ความรู้สึกยังไง จะสากมือหรือเรียบลื่นเหมือนที่เคยอ่านในน***********กที่นักเขียนบรรยายเอาไว้จนนึกอยากลองจับดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต
“เกาะของฉัน เรามาถึงเมื่อชั่วโมงที่แล้ว อยากล้างหน้าล้างตาก่อนไหม” น้ำเสียงห่วงใยส่งผ่านมาพร้อมกับร่างสูงลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกมาด้านหน้า จ้องมองคนร่างเล็กเป็นเชิงออกคำสั่งให้ทำตาม
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ ห้องน้ำอยู่นั่นใช่ไหมคะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่ม ส่วนเธอเป็นหญิงสาว คงไม่เหมาะหากจะอยู่ใกล้ชิดในที่รโหฐานแบบนี้ และยังแอบตำหนิตัวเองในใจที่เผลอคิดอะไรซุกซนไปเมื่อครู่
เขาเป็นฝรั่งต่างชาติ การจับมือถือแขนระหว่างหญิงชาย อาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเด็กสาวชาวไทยอย่างเธอ คงไม่สมควรนัก ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่อบรมสั่งสอนใกล้ชิด แต่ช่วงที่อาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า คำสั่งสอนของแม่ครูทุกคนเธอไม่เคยลืม
‘เป็นผู้หญิง จงทำตัวเองให้มีค่า นอกจากหาความรู้ใส่ตัวให้มากแล้ว การวางตัวเป็นกุลสตรีที่ดีก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ร่างกายที่สะอาด บริสุทธิ์ จะเป็นของขวัญล้ำค่าให้กับคนที่เรารัก เมื่อถึงเวลาเหมาะสม’
มันอาจดูไร้มารยาทสำหรับฟรานเชสโก แต่เขาคงเข้าใจ
“เอ่อ...ขออนุญาตใช้ผ้าขนหนูในห้องน้ำนะคะ” ชะโงกหน้าออกมาขออนุญาตเจ้าของบ้านด้วยความเกรงใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบของใช้ส่วนตัวของตัวเองออกมาจากกระเป๋า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหนในตอนนี้
“อืม” ตอบรับในลำคออย่างแปลกใจกับคำขอจากร่างเล็ก แค่ผ้าขนหนูในห้องน้ำเนี่ยนะ ต้องขออนุญาตกันเชียวเหรอ อีกทั้งท่าทีไว้ตัวเหมือนไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้นั่นอีก ถ้าเป็นคนอื่นโดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าได้มีโอกาสรู้จักหรือเข้าใกล้เขา แม้เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ คนพวกนั้นจะไม่ละทิ้งโอกาสนั้นแน่ เขาไม่เคยเจอคนนิสัยแปลกแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงทุกคนของเขามักทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เรียกใช้คนของเขาราวกับเป็นเจ้านายคนหนึ่งด้วยซ้ำ ไม่เคยมีใครเอ่ยขออนุญาตเขาสักนิด
แต่กับเด็กสาวคนนี้ แค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ทำสีหน้าเกรงใจนักหนา!
“หนูหลับไปนานไหมคะ ขอโทษจริง ๆ นะคะ คุณ...เอ่อ น่าจะปลุกหนู...แล้ว...เอ่อ...ใครอุ้มหนูมาที่นี่คะ อย่าบอกนะว่า...” สีหน้าสดชื่นขึ้นหลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เดินเข้ามาถามชายหนุ่มซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน หลังนึกขึ้นได้ว่าเธอคงไม่ลอยขึ้นมาอยู่บนเตียงนี่เองแน่ ๆ
“ฉันร่างกายแข็งแรงดี แขนไม่หักไม่เคล็ดเพราะแค่อุ้มเธอขึ้นมาบนนี้หรอก” ฟรานเชสโกเอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อเห็นอาการเหลือบมองมาที่แขนของตนด้วยสายตาสำนึกผิด ผิวแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
นี่เธอคงคิด ว่าตัวเองตัวหนักมากนักหรือยังไงนะ ตัวบางซะขนาดนั้น ให้อุ้มติดตัวตลอดเวลายังได้เลย นี่เขาคิดอะไรอีกเนี่ย บ้าไปแล้ว แค่คิดว่ามีร่างเล็ก ๆ นี่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกวูบวาบแปลก ๆ ตรงจุดกึ่งกลางร่างกายซะแล้ว พระเจ้า! นี่เด็กนะ อายุยังไม่ยี่สิบเลยนะนั่น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีความคิดแปลก ๆ กับเด็กสาวตัวเล็กตรงหน้า
“คุณฟรานคิดเหมือนอิงใช่ไหมคะ อิงไม่ได้อ้วนเลยใช่ไหมคะ แค่ชอบกินของอร่อย ๆ มากกว่าคนอื่นแค่นั้นเอง ผิงกับแพงชอบบอกว่าอิงอ้วนทุกที” เมื่อเห็นคนตัวใหญ่ยังยืนนิ่งมองด้วยสายตาแปลก ๆ อ่านไม่ออก ก็เอ่ยขอเสียงสนับสนุนอีกรอบ เพื่อความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ไอ้เรื่องความไม่เหมาะสมระหว่างหญิงชายที่เคยกังวลแต่แรกนั้น ตัดออกไปได้เลยเพราะสังเกตจากการกระทำหลาย ๆ อย่างของฟรานเชสโก ชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางไม่เหมาะสมใด ๆ ให้สังเกตได้เลย แต่ที่กังวลนั้นคงเป็นเรื่องน้ำหนักตัวของตัวเองซะมากกว่า เพราะเธอเป็นพวกมีความสุขกับการกิน เพื่อน ๆ ในกลุ่มจึงมักแซ็วเรื่องน้ำหนักอยู่เป็นประจำ
“อืม ไม่อ้วนหรอก ฉันว่าแบบนี้กำลังดีนะ” (เต็มไม้เต็มมือดี) ต่อประโยคให้
ในใจเมื่อนึกถึงความเต็มไม้เต็มมือที่ได้สัมผัสเมื่อตอนอุ้มคนคิดว่าตัวเองอ้วนขึ้นมาบนห้อง
ตัวเล็กแต่บางส่วนไม่เล็กเหมือนตัวเลยแม้ติดนิดเดียว อวบอิ่ม ดูมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนสาว ๆ ที่เขาเคยผ่านมาสักนิด ด้วยอาชีพนางแบบ นักแสดง ทำให้สาว ๆ เหล่านั้นต้องรักษารูปร่าง จนบางครั้งเหมือนนอนกับโครงกระดูกด้วยซ้ำ
“หิวมั้ย? เลยเวลาอาหารกลางวันมานานแล้ว เธอคงหิว ลงไปข้างล่างกันเถอะ” รีบเอ่ยชวนเปลี่ยนเรื่อง เมื่อรู้สึกว่าอยู่ใกล้คนตัวเล็กนี่ทีไร ความคิดเขามันวนเวียนอยู่แต่เรื่องแบบนี้ทุกที เขาไม่ชอบเลยกับความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้
และก็เป็นไปตามคาด เมื่อฟรานเฟสโกเอ่ยถึงเรื่องกิน คนเคยกลัวอ้วนก็ส่งยิ้มอวดฟันขาว พร้อมรีบเดินเข้ามาประชิดกับร่างสูงเพื่อลงไปข้างล่างตามคำชวน
มือบางยกขึ้นจับจูงมือหนาของคนตัวสูงที่เผลอสะดุ้งสุดตัวกับสัมผัสสนิทสนมอย่างลืมตัวของคนตัวเล็ก
สองเท้าขยับก้าวเดินตามไปด้วยอาการเลื่อนลอย สายตาจดจ้องแผ่นหลังบางนั้นพลางรับรู้ความอบอุ่นบางอย่าง และให้แปลกใจตนเองยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อตนเผลอบีบกระชับและเกาะกุมมือเล็กนั้นไปด้วยความเต็มใจอย่างไม่เคยเป็น...