จอมพ่อของหวานโมโหอย่างมากจึงสั่งให้ลูกน้องได้จับหวานไว้ และสั่งลูกน้องที่เหลือให้ตามเมฆไป เพราะจอมก็ไม่ได้คิดจะยิงเมฆแต่อย่างใด ที่ทำเช่นนั้นเพราะขู่ให้กลัวเฉยๆ
“ไอ้เมฆมันมีดีอะไรวะ ทำไมลูกถึงชอบมันนักหนา”จอมจ้องหน้าลูกสาวด้วยอารมณ์โกรธ
“ความรักมันห้ามกันได้เหรอพ่อ ทำอย่างกับพ่อไม่เคยมีความรักอย่างนั้นนั่นแหละ”
“พ่อไม่ได้ห้ามลูกไม่ให้มีความรัก แต่พ่ออยากให้ลูกหาคนที่สมฐานะหรือรวยกว่าเรา ที่พ่อทำเช่นนี้ก็เพื่อลูกนั่นแหละ ต่อไปลูกจะได้สบายลองคิดดูสิ ถ้าอยู่กับไอ้เมฆลูกจะลำบากขนาดไหน แค่ลำพังตัวมันเองและครอบครัวยังเอาตัวไม่รอดเลย”
“พ่อไม่เข้าใจหวาน เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ หวานชอบใครมันก็เรื่องของหวาน พ่อไม่มีสิทธิ์มายุ่งด้วย”
“นี่พ่อนะ ทำไมพูดจากับพ่อแบบนี้”
“ก็พ่อไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เอาความคิดตัวเป็นใหญ่”
“พ่อพูดกับลูกดีๆไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นพ่อต้องใช้ความเด็ดขาดบังคับลูกแล้ว”
“พ่อจะทำอะไรหวาน”หวานรู้สึกหวั่นใจพอสมควร
“ตั้งแต่นี้ไปพ่อขอยื่นคำขาดห้ามลูกคบกับไอ้เมฆอีก”
“พ่อ”หวานเสียงสูงทันที
“มันชีวิตของหวานพ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับหวานทำโน้นทำนี้ยิ่งเรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน สุดท้ายพ่อก็ไม่ได้อยู่กับหวานไปตลอดซะที่ไหน หวานก็ต้องเลือกคนที่รักหวานและหวานก็ต้องรักด้วย”
“ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกแล้ว พ่อไม่สนอะไรทั้งนั้นพ่อรู้แต่ว่าไอ้เมฆมันจน มันไม่สามรถที่จะเลี้ยงดูลูกของพ่อได้หรอก”
“หวานยอมลำบากกับคนที่รัก ดีกว่าไปอยู่กับคนที่หวานไม่ได้รัก”
“เดี๋ยวนี้ลูกเถียงพ่อฉอดๆเลยนะ ได้สิ ถ้างั้นต่อแต่นี้ไปลูกไม่ต้องออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านอยากปากดีนัก”เมื่อจอมพูดจับก็ดึงมือหวานให้เดินตามกลับบ้าน ซึ่งพ่อของหวานเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านเขาเลยอยากได้ลูเขยที่สมฐานะ และต่อยอดให้ตัวเองได้ด้วย
“พ่อไม่ต้องมาจูงหวานกลับหรอก หวานเป็นคนไม่ใช่สัตว์ที่จะมาบังคับทำโน้นทำนี่”หวานแกะมือจอมออกและรีบเดินนำหน้าผู้เป็นพ่อไปในทันที
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเมฆได้วิ่งหนีบรรดาลูกน้องของจอมเข้าไปภายในป่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับลูกน้องของจอมซึ่งเป็นพ่อของหวานและผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเมฆก็หลบอยู่ในป่าเป็นเวลานานจนเขาแน่ใจว่าลูกน้องของผู้ใหญ่จอมได้กลับไปหมดแล้วเขาจึงเดินออกมา เพื่อกลับไปยังบ้านของตัวเอง
เมื่อเมฆเดินมาถึงบ้านเขาก็นั่งลงบนแคร่ทันที เพราะเขารู้สึกเหนื่อยจากการตามล่าของลูกน้องผู้ใหญ่จอม จึงทำให้คนรอบข้างนั้นเกิดความสงสัย เพราะตอนไปเมฆพาหวานไปด้วย ทำไมขากลับถึงมาคนเดียวในสภาพที่ดูอิดโรย โดยเฉพาดำกับมะขามเพื่อนสนิทของเขาได้เกิดความสงสัยขึ้นมา
“มึงทำอย่างกับหนีใครมาอย่างนั้น”ดำเพื่อนสนิทของเขาพูดขึ้นทันที และได้มารอเมฆอยู่นานพอสมควรกับมะขามเพื่อนสาวอีกคน
“กูหนีลูกน้องผู้ใหญ่จอมมาน่ะซิ”เมฆพูดตะกุดตะกัดเพราะยังไม่หายเหนื่อย
“มึงไปทำอีท่าไหน ทำให้ผู้ใหญ่เห็นมึงได้”
“กูก็ไม่รู้ กูกำลังคุยกับหวานอยู่ แกมาจากไหนไม่รู้ถือปืนจะมายิงกู”
“แต่กูคิดว่ามึงทำมากกว่าคุยนะ ไม่งั้นผู้ใหญ่จอมไม่ไล่ยิงมึงหรอก”ดำอมยิ้ม
“เดี๋ยวโดนถีบนะมึง ทำเป็นรู้ดี”เมฆหน้าบึ้งทันที
“เลิกพูดเรื่องนังหวานได้แล้ว ที่กูสองคนมาหามึง ก็เพราะอยากรู้ว่ามึงรอดมาได้อย่างไง คลื่นลมแรงขนาดนั้น กูไม่ได้อยากรู้เรื่องนังหวานเลยนะ”มะขามสาวห้าวประจำหมู่บ้านเอ่ยขึ้น
“กูก็ไม่รู้หรอก อาจจะเป็นอย่างที่ฟ้าพูดก็ได้ เพราะฟ้าบนบานให้กูรอดปลอดภัย”เมฆสุดปัญญาที่จะคิดและหาคำตอบได้ดีกว่านี้
“อาจะเป็นแรงอธิฐานของฟ้าก็ได้ ที่ทำให้นางเงือกมาส่งพี่เมฆถึงชายหาด”ฟ้าเอ่ยขึ้นมา เพราะเธอก็คิดไม่ออกจริงๆนอกจากนางเงือกพาเมฆมาส่ง
“พูดอะไรไปเรื่อยเหมือนหวานอีกแล้ว”เมฆชำเลืองไปที่น้องสาวของเขา
“นั่นไงขนาดพี่หวานยังคิดเลย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มึงก็เสน่หแรงไม่เบาเลยนะ แม้แต่นางเงือกยังหลงใหลมีงเลย”ดำพูดขึ้นพลางหัวเราะ
“ไม่ใช่หรอก คลื่นคงซัดเข้าฝั่งนั่นแหละ”เมฆพยายามปัดความคิดเรื่องเงือกทิ้งไป
“ทำไมจะไม่ใช่พี่ของฟ้าหล่อออกขนาดนี้สาวในเกาะยังชอบตั้งหลายคน ทำไมนางเงือกจะชอบพี่บ้างไม่ได้ล่ะ”ฟ้าอมยิ้มแล้วมองหน้าพี่ชายตัวเอง
ในระหว่างที่ทั้งกำลังสนธนาเรื่องนางเงือกกันอยู่นั้น ยายมาผู้เป็นแม่ของเมฆจึงเรียกทั้งสี่ให้มากินข้าว ทั้งสี่หนุ่มจึงต้องหยุดคุยกันชั่วคราวและเข้าไปกินข้าวภายในกระท่อมหลังเล็กๆ
หวานเดินกระฟัดกระเฟียดด้วยความโมโหและไม่พอใจผู้เป็นพ่ออย่างมาก เมื่อมาถึงบ้านเธอไม่มองใครไม่พูดจากับอะไรทั้งสิ้น หวานจึงเดินขึ้นบันไดไปบนบ้านทันที พร้อมกระแทกเท้าดังลั่นบ้าน
“ลงมาก่อนหวาน ไอ้สอนมันมาหาลูก”ยายมีผู้เป็นมาของหวานรีบเดินขึ้นตามไปบนบ้าน
“แม่ก็คุยเองสิ ตอนนี้หนูอารมณ์ไม่ดีไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น”
“นังหวานมึงลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”ผู้ใหญ่จอมพูดเสียงดังและใช้คำพูดที่เปลื่ยนไป
คำพูดที่ดูดุดันและจริงจังจึงทำให้หวานต้องหยุดความคิดที่ไม่อยากพบเจอสอนในทันที หวานจึงจำใจต้องเดินลงบันไดพร้อมกับยายมีผู้เป็นแม่เพื่อมาหาสอน เพียงหวานเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายสอนก็รีบปรี่เดินเข้ามาหาหวานอย่างทันท่วงที
“หวานไปไหนมาจ๊ะ ปล่อยให้พี่รอตั้งนาน”สอนผู้ซี่งมีอายุมากกว่าหวานสองถึงสามปี ส่งสายตาอันเป็นประกาย แต่หวานหาสนใจไม่ มีเพียงแต่หน้าที่บึ่งตึง
“ไปหาเมฆมา”หวานพูดขึ้นลอยๆ/
สอนหน้างอทันทีเมื่อได้ยินชื่อคู่แข่ง ที่เขาแสนเกลียดอย่างมาก แต่ด้วยอยู่ต่อหน้าหวานสอนจึงแสดงอาการไม่พอใจออกมาไม่ได้ เขาจึงทำเป็นเฉยๆเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“พี่ซื้อเสื้อมาฝากหวานด้วยนะ”สอนยื่นถุงกระดาษที่ใส่เสื้อให้หวาน
หวานยังยืนนิ่งอยู่เพราะเธอไม่อยากรับ จนยายมีผู้เป็นแม่สะกิดที่แขนเพื่อให้หวานรับถุงเสื้อไว้ ซึ่งทำให้หวานไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอจึงรับมาแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“น้องหวานเปิดดูซิจ๊ะ”สอนยิ้มอย่างเบิกกว้าง
หวานหยิบเสื้อออกจากถุงกระดาษและคลี่ออกดู เมื่อหวานเห็นลายสีเสื้อแล้วเธอเกือบเก็บเสียงหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ยังที่ยายมีผู้เป็นแม่ของเธอหยิกที่แขนไว้ จนทำให้หวานหยุดชะงักทันท่วงที
“สวยไหมจ๊ะ วันหลังพี่จะซื้อมาให้อีกหลายๆตัวเลย”
“ไม่ต้องซื้อหรอก อะไรที่ไม่ชอบถึงจะสวยขนาดไหน มันก็ไม่มีทางชอบไปได้หรอก”
“ทำไมน้องหวานพูดกับพี่สอนอย่างนี้ รู้ไหมพี่สอนเสียใจมาก”สอนหน้านิ่งไปในทันที เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
“อย่าโกรธน้องเลยนะสอน ตอนนี้น้องอารมณ์ไม่คอยจะดี เอาอย่างนี้ไหมวันหลังมาใหม่ เดี๋ยวป้าจะเกลึ่ยกล่อมให้หวานไปเที่ยวกับสอนนะ”ยายมีจับแขนและพยักหน้าให้สอน
“นังหวาน”ผู้ใหญ่จอมจ้องหน้าหวาน
ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าของผู้ใหญ่จอมจึงทำให้หวานนั้นเกิดความเกรงกลัว เธอจึงหยุดพูดในทันที
“ไอ้สอนมึงกลับบ้านไปก่อน”ผู้ใหญ่จอมเอ่ยขึ้น
“ครับผู้ใหญ่”สอนยกมือไหว้ผู้ใหญ่จอมและยายมี
“พี่กลับก่อนนะเดี๋ยววันหลังพี่มาใหม่”สอนมองหน้าของหวานและยิ้มให้ แต่ไร้การตอบกลับแต่อย่างใด สอนจึงหน้าแห้งแกล้งมองไปทางอื่นและหันหลังกลับไปด้วยใจที่เคืองแค้นและอามาตมาดร้ายต่อเมฆ
“ทำไมลูกไปพูดกับไอ้สอนเขาอย่างนั้น”ยายมีเอ่ยขึ้น
“ก็หนูไม่ชอบนิ”
“ไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบทำไมไม่พูดดีๆกับไอ้สอนซักหน่อย”
“ถ้าพูดดีด้วยเกิดเข้าใจผิดคิดว่าหวานชอบพูดไม่ได้หรอก”
“นังหวานมึงขึ้นไปบนบ้านเลย ถ้ายังไม่สำนึกอย่าลงมาจากบ้านเด็ดขาด”
ผู้ใหญ่จอมพูดจบถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองหน้ายายมีชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปยังหลังบ้านเพื่อสงบสติอารมณ์ให้คลายความโมโหลูกสาวคนเดียวที่ไม่รักดีในความคิดของเขา