สิ่งมหัศจรรย์
ชายหนุ่มร่างบึกบึนนอนแน่นิ่งที่ชายหาดอันขาวสะอาดดูงามตา คลื่นได้ซัดกระทบร่างครั้งแล้วครั้งเล่า แสงตะวันได้สาดส่องทั่วชายหาดและเรือนร่างของชายหนุ่มผิวสีแทน คลื่นซัดลูกแล้วลูกเล่าแต่ยังไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะรู้สึกตัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มนั้นได้รู้สึกตัวขึ้นมา นั่นคือแสงแดดอันร้อนแรงที่แยงตาของเขา จนทำให้ชายหนุ่มเริ่มลืมตาขึ้นและขยับตัวอย่างช้าๆ
เมฆหนุ่มหล่อลูกน้ำเค็มลุกขึ้นนั่งและครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะเขายังมึนงงอยู่ว่ามานอนตรงชายหาดได้อย่างไร เมฆพยายามทบทวนความจำที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไรก็จำได้ในทันที ในวันเกิดเหตุนั้นเขาออกเรือหาปลาอยู่กลางทะเล จูจู่ก็เกิดพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ฝนฟ้าคะนองคลื่นซัดกระหน่ำเรือหาปลาของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ จนร่างของเมฆจมลงสู่ก้นทะเล เขาพยามตะเกียดตะกายขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
เมฆเดินโซซัดโซเซลัดเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ เขาได้เจอชาวบ้านหลายคนที่มองดูเขาอย่างกับสัตว์ประหลาด และถามเขาเป็นเสียงเดียวกัน
“มึงรอดมาได้อย่างไร”
“กูไม่รู้ พอกูตื่นขึ้นมาก็อยู่บนชายหาดนี่แล้ว”เมฆตอบอย่างมึนงงและสับสนตัวเอง และในส่วนลึกเมฆก็คิดอย่างเดียวกับชาวบ้าน เขารอดมาได้อย่างไรเพราะเรือของเขาล่มอยู่กลางทะเล
“มึงโชคดีว่ะ มีพระ ดีอะไรหรือเปล่า”ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มี”เมฆส่ายหัว
เมฆพยายามที่จะไม่พูดและโต้ตอบกับชาวบ้านมากนัก เพราะเขายังจำเรื่องราวหลังจากเรือล่มไม่ได้ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากคำว่าไม่รู้เหมือนกัน เมฆจีงรีบเดินกลับบ้านอย่างโดยเร็ว เพราะเมฆเป็นห่วงพ่อแม่และน้องสาวสุดที่รักของเขา
เมฆใช้เวลาเดินมาที่บ้านไม่นานนัก เขาก็มาถึงบ้านที่เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ เมฆยืนนิ่งมองเข้าไปภายในกระท่อมหลังเล็กของครอบครัวเขา เมื่อเมฆเห็นพ่อแม่และน้องสาวของเขา เมฆรีบเดินเข้าไปในทันทีพร้อมตะโกนเรียกจนเสียงดังกังวาน
“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว”
ตาบุญกับยายมาซึ่งเป็นพ่อแม่ของเมฆ และอีกคนหนึ่งคือฟ้าน้องสาวของเขาต่างหันหน้ามาพร้อมกัน ทุกคนต่างตกตะลึงและดีใจแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“ลูกแม่มึงรอดมาได้อย่างไง”ยายมาถามขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ผมก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ตรงชายหาดแล้ว”
“แล้วมึงอยู่บนชายหาดได้อย่างไรว่ะ มีแต่คนบอกว่ามึงไม่น่าจะรอด แต่เมื่อมึงกลับมาได้พ่อก็ดีใจว่ะ”ตาบุญพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไห้ไหลออกมา
“ผมไม่รู้จริงๆ”เมฆส่ายหน้าและนั่งลงข้างๆน้องสาวของเขา
เมฆพยายามย้อนนึกเหตุการณ์อีกครั้งหลังจากเรือแตก เขาก็พอจำได้ลางๆว่า เห็นหญิงสาวผมยาวแวกว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆเขา พอหลังจากนั้นเมฆก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“พี่เมฆรู้ไหมว่าฟ้าภาวนาบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พี่รอดปลอดภัยด้วยแหละ”
“ขอบใจฟ้ามากนะ อาจเป็นแรงอธิฐานของน้องก็ได้”เมฆยิ้มให้ฟ้าน้องสาวของเขาอย่างเบิกกว้าง
“เอาเถอะ ไหนๆมึงก็ปลอดภัยแล้ว อย่าไปพูดอะไรให้มากความ”ยายมาเอ่ยขึ้นและจับมือเมฆไว้แน่น
“พี่เมฆรู้ไหมว่าพี่หวานเป็นห่วงพี่มากไม่เป็นอันกินอันนอนเลย”ฟ้ามองตาพี่ชาย เพราะเธอก็อยากรู้ว่าเมฆจะรู้สึกได้อย่างไร เมื่อพูดถึงคนรักของเขา
เมฆอมยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเขารู้สึกดีใจอย่างมากที่หวานคนรักของเขา ได้เป็นห่วงเป็นใยเขาอย่างมากตามคำบอกของฟ้า
“เมฆ เมฆ เมฆ”หวานตะโกนพร้อมวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนเกือบล้ม เมื่อเธอมาถึงตรงร่างของเมฆ แต่หวานก็ไม่กล้าเข้าไปกอดเพราะตาบุญยายมานั่งมองอยู่ เธอจึงรู้สึกเกรงใจและยังมีความอายที่จะกระทำเช่นนั้น
“หวานดีใจมากเลยที่เมฆกลับมาอย่างปลอดภัย”หวานนั่งลงข้างๆใกล้ๆเมฆ
“หวานรู้ได้อย่างไงว่าเมฆกลับมาแล้ว”เมฆถามด้วยความสงสัย
“ข่าวของเมฆดังไปทั่วหมด มีแต่คนพูดถึงหวานจึงมาหาเมฆเพื่อความแน่ใจไง”
“ข่าวไวจังเลยนะ ต่อไปพี่เมฆต้องเตรียมตอบคำถามชาวบ้านแล้วแหละว่ารอดมาได้อย่างไง”ฟ้าพูดขึ้น
“หวานก็มัวแต่ดีใจ จนลืมถามเมฆไปเลยว่ารอดมาได้อย่างไร”
“เมฆก็ไม่รู้พอตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนชายหาดแล้วนั่นแหละ”
“แปลกนะ สงสัยคลื่นคงซัดเมฆเข้าฝั่งมาอย่างแน่นอน”หวานมองหน้าเมฆและยิ้มอย่างสุขใจ
“อย่าไปพูดถึงมันเลย เพราะเมฆคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก”เมฆถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่วายคิดถึงหญิงผมยาวที่แวกว่ายอยู่กลางทะเล เขายังสงสัยไม่หายว่าคนหรือผี หรือสิ่งใดที่อาศัยอยู่ในท้องเทะเลอันแสนกว้าง
“ถ้างั้นเอ็งคุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวแม่จะไปทำกับข้าวให้กิน”ยายมาพูดจบก็ลุกขึ้นออกไปนอกบ้านเพื่อก่อไฟทำกับข้าวให้ลูกชายได้กิน
“พี่สองคนคุยกันไปก่อนนะ ฟ้าจะไปบอกข่าวดีกับพี่มะขาม”เมื่อฟ้าพูดจบเธอก็รีบวิ่งออกจากบ้านทันที เพื่อไปหามะขามและบอกกล่าวเรื่องราวของเมฆที่รอดชีวิตมาจากท้องทะเล
เมื่อฟ้าวิ่งออกจากบ้านไปจนสุดลูกตา เมฆจึงชวนหวานเดินไปยังริมทะเลในมุมที่เขาทั้งสองพบหาพูดคุยกันเป็นประจำ สาเหตุที่ทั้งสองต้องคอยหลบอยู่ในมุมเมื่อพบเจอกัน เพราะพ่อของหวานกับพ่อของเมฆไม่ถูกกันเป็นคู่อริตั้งแต่หนุ่มๆ
ทั้งคู่เดินได้ลัดเลาะริมชายหาดและเดินไปจนห่างไกลสายตาผู้คน เมื่อถึงในที่แห่งรักในมุมสงบ สองร่างได้นั่งเคียงคู่กันตรงซอกหินอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดกระทบหินดังเป็นระยะๆ ดั่งเสียงเพลงอันโรแมนติกท่ามกลางธรรชาติ
เมฆหันหน้ามามองหวานด้วยสายตาอันหยาดเยิ้มเป็นประกาย ด้วยความคิดถึงและรักใคร่ในตัวหวานอย่างเหลือล้น เขาจึงเอื่อมมือไปกุมมือของหวานไว้อย่างหลวมๆ พร้อมกับยกขึ้นมาบริเวณใกล้ริมฝีปาก จนทำให้หวานรู้สึกเขินอายแต่ก็ยินดีและเต็มใจ
“ไม่เอาน่าเมฆเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะทำไง”หวานเหล่สายตามองเมฆแล้วค่อยๆดึงมากลับ
“เมฆรักหวานมากเลยนะ”เมฆดึงมือหวานกลับมาใหม่แล้วกระทำตามความคิดเดิม เขาค่อยๆโน้มริมฝีปากลงมาจุมพุตที่หลังมือของหวาน
“อย่าอายผีสางบ้าง”หวานพยายามผลักร่างของเมฆให้ออกห่าง ในขณะเดียวกันเมฆก็ไม่ยอมแพ้เขาโอบกอดหวานไว้ในวงแขนอย่างรวดเร็ว หวานพยายามออกแรงดิ้นนิดหน่อยเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเมฆแต่ไม่เป็นผล หวานจึงจำยอมด้วยใจจริงให้เมฆโอบกอดอยู่อย่างนั้น ยิ่งเมฆกอดนานเท่าไรยิ่งทำให้หวานคล้อยตามอารมณ์ที่เมฆส่งมา ให้อย่างเหลือล้นไม่มีวันหมดสิ้น แต่แล้วความรู้สึกและความต้องการ ที่ทั้งสองมีให้กันต้องหยุดชะงักในทันใด เมื่อมีเสียงดังตูมพร้อมน้ำที่กระจายกระเด็นจนเปียกชุ่มร่างของสอง ทั้งคู่จึงรีบหันไปมองในทันทีและต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
“ปลาอะไรขนาดหางยังใหญ่ขนาดนี้”หวานตาโตด้วยความตะลึง
เมฆรีบลุกขึ้นยืนดูและมองอยู่นานสองนาน แต่ก็ไร้ร่องรอยปลาตัวที่หวานเห็น เมฆจึงครุ่นคิดและใคร่สงสัยว่าเป็นปลาหรือว่าตัวอะไรกันแน่
“เมฆคิดอะไรยืนนิ่งไปเลย”หวานเอ่ยขึ้น
“คิดถึงหวานนั่นแหละ”พอเมฆได้สติจึงเปลื่ยนเรื่องมาใช้คำหวานแทน
“ไม่เชื่อหรอก หรือว่าที่รอดมาได้เพราะมีนางเงือกมาช่วยแน่เลยตัวเมื่อกี้ใช่ไหม”หวานหัวเราะกับความคิดของตัวเอง เพราะหวานพูดไปเรื่อยแหย่เมฆเล่นเฉยๆ
เมฆสะดุ้งกับคำพูดและความคิดของหวานอย่างมาก จึงทำให้เขายืนนิ่งไปอีกครั้งหนึ่ง เมฆจึงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เรือแตก เขาพยายามนึกคิดแต่เขาก็คิดไม่ออกว่าหลังจากนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับเขา
“หรือว่านางเงือกมาช่วยเมฆไว้จริงๆบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”หวานแกล้งพูดหยอกล้ออีกครั้งหนึ่ง
“เมฆรักหวานคนเดียว ถึงมีสิบนางเงือกเมฆก็ไม่สนหรอก”เมื่อเมฆได้สติจึงรีบก้มลงพรหมจูบทั่วใบหน้าของหวานอย่างคนหื่นกระหาย ซึ่งในครั้งนี้หวานไม่ได้ปฏิเสธอย่างใด เธอตอบรับแรงปราถนาของเมฆและของตัวเองอย่างเต็มใจ
“ไอ้เมฆมึงทำอะไรลูกสาวกู”
เสียงชายแก่ๆดังขึ้นกระหี่มด้วยความดุดัน จึงทำให้ทั้งเมฆและหวานต่างถอยห่างร่างออกจากกัน แต่แล้วหวานต้องมายืนบังร่างของเมฆไว้เพราะจอมพ่อของเธอหันกระบอกปืนมายังเมฆ
“พ่ออย่าทำอะไรเมฆนะ ถ้าพ่อจะยิงเมฆก็ผ่านศพหวานไปก่อน”หวานจ้องมองสู้สายตาผู้เป็นพ่ออย่างองอาจ
“หวานถอยไป”จอมตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
“พ่อของหวานไม่กล้ายิงหรอก”หวานกระซิบข้างๆหู เมื่อเธอเห็นเมฆกำลังจะออกมายืนอยู่หน้าเธอ เพราะกลัวจอมจะยิงหวานจริงๆ
“นังหวานผู้ชายหมู่บ้านเรามีตั้งมากมายทำไมไม่เลือก ดันไปชอบพอกับไอ้เมฆบ้านมันมีอะไรบ้าง”จอมกัดฟันแน่นด้วยความโมโห
“เมฆหนีไปเร็ว ถ้าเมฆรักหวานก็ต้องเชื่อหวาน”หวานกระซิบที่ข้างหูของเมฆอีกครั้ง
“ได้”เมฆรับคำ
“ไปเลย”หวานค่อยกระซิบให้เมฆได้ยิน
เมื่อหวานส่งสัญญาณให้เมฆได้หลบหนี เมฆจึงรอจอมพ่อของหวานเผลอ หลังจากนั้นเขาจึงรีบวิ่งหลบหนีหายไปในทันที