CHAPTER 6 “ระบายความในใจ”

2380 คำ
เซนขับรถออกจากร้านมาได้ซักพัก คนข้าง ๆ ก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าเซนเป็นคนขับรถออกมาให้ก็ทิ้งตัวลงที่เบาะ แล้วถอนหายใจออกมา “จะไปไหนเนี่ย” สมายเอ่ยถามเซนเบา ๆ “เอ้า ขับไปส่งที่คอนโดไง จะนอนที่ร้านรึไงครับ” สมายหันกลับไปมองแรง คอแทบเคล็ด “จอด” คำสั่งเข้มออกจากปากสมาย “จอดข้างหน้าเนี่ยแหละ เดี๋ยวขับเองไม่อยากกลับคอนโด” “อ่าว แล้วจะไปไหนก็บอก ไม่ให้ขับเองหรอก เมาขนาดนี้ เจอด่านจะทำไง” เซนไม่จอด แต่เลือกที่จะผ่อนคันเร่งลง เพื่อรอคำตอบจากอีกคนว่าจะไปไหน “อยากนั่งรับลมเล่นชิว ๆ มีที่ไหนแนะนำมั้ย” สมายมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ปากก็เอ่ยถามอีกคน เซนไม่ตอบ แต่เลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทาง พาอีกคนไปสถานที่ที่เค้าคิดออกตอนนี้ ใช้เวลาไม่นาน เซนก็พาสมายมาถึง ท่ามหาราช แม้จะมีสถานที่เที่ยวร้านอาหารยามค่ำคืน แต่เค้าไม่ได้ต้องการแวะ เพียงแค่อยากพาอีกคนมานั่งเล่นรับลมเท่านั้น เซนเดินนำสมายมาที่บริเวณจุดนั่งพักริมแม่น้ำ สมายทิ้งตัวลงนั่งมองแม่น้ำด้านหน้าเงียบ ๆ ตัวเค้าเองก็นั่งลงข้าง ๆ ไม่ได้พูดเอ่ยอะไรออกไปขัดบรรยากาศอีกคน “ถ้าเราปล่อยให้ชีวิตเราไหลไปเรื่อย ๆ เหมือนกระแสน้ำได้ มันคงจะดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจ ไม่ต้องถูกจับไปใส่แก้วใบนั้นที ใบนี้ที ทั้งที่เราเองก็ไม่อยากจะทำมัน” สมายเริ่มพูดออกมาลอย ๆ เซนไม่ได้ตอบอะไร เพราะมันไม่ใช่คำถาม เค้าเลือกที่จะเงียบให้อีกคนระบายออกมาเอง แต่ประโยคถัดไป กลับทำให้เค้านั่งไม่ติด “แม่จะให้เราแต่งงานกับคนที่แม่เลือก เราพยายามที่จะอธิบายเหตุผลแล้ว แต่แม่ก็ไม่ฟัง เราไม่รู้ว่าควรทำยังไง ผู้ชายคนนั้นมีแต่ข่าวแย่ ๆ เจ้าชู้ตัวพ่อ ม่อสาวไม่เลือก ตั้งแต่มหาลัยยันไปเรียนต่อที่อเมริกา แม่เอาอะไรมามองว่าคนแบบนี้จะกลับตัวได้กันนะ” สมายยังคงระบายต่อไป “แม่มองเราเป็นแค่เครื่องมือทางธุรกิจ ถ้าเราแต่งงานกับบ้านนั้น ก็จะยิ่งส่งผลดีกับธุรกิจของแม่ แล้วเราล่ะ ชีวิตที่เหลือของเรา เราต้องเอาไปผูกกับคนเลว ๆ แบบนั้นหรอ แกว่าเราควรจะทำยังไง ถ้าเป็นแก แกจะทำยังไง บอกเราได้มั้ย เราตันไปหมดแล้ว” สมายหันมามองเซนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ถ้าเป็นเซน เซนจะบอกแม่ว่าเซนมีคนที่รักอยู่แล้ว และเซนจะไม่แต่งงานกับคนที่เซนไม่ได้รัก ทำไมสมายไม่พาแฟนหรือคนรักไปหาแม่ล่ะ” เซนถามสมายกลับ แต่ก็แอบลุ้นกับคำตอบ “มันเป็นไปไม่ได้หรอก แกก็รู้ว่าเราไม่มีแฟน จะไปหาที่ไหนไวขนาดนั้น” สมายตอบ พลางทอดสายตาไปที่แม่น้ำด้านหน้า “เซนเป็นแฟนให้ได้นะ ช่วงนี้เซนเบื่อ ๆ ชีวิตโสด เผื่อไปเป็นคนโปรดในใจสมายแล้วอาจจะดี สนใจมั้ยจ๊ะ” เซนเสนอตัวช่วยให้สมาย สมายหันกลับมามองหน้าเซนทันที “ไม่กลัวสาว ๆ ในสต็อกจะหายหรอจ๊ะ พ่อหนุ่มหล่อ” สมายแซวเซนกลับ “ไม่มีเหอะ ไปเอาที่ไหนมามี มีอยู่คนเดียวเนี่ยทุกวันเนี้ย ไม่เห็นจะสนใจซักที” เซนปฏิเสธเสียงดัง แล้วพูดเบา ๆ กับตัวเองในสองประโยคหลัง “ว่าไงนะ ได้ยินไม่ชัด” สมายถามย้ำ เธอได้ยินทั้งหมดแต่แค่ไม่แน่ใจว่าฟังผิดรึเปล่า “ป่าว ช่างเหอะ ตกลงว่าไง สนใจมะ ถ้ามีแฟน แม่อาจจะยอมยกเลิกงานแต่งก็ได้นะ” เซนยังคงถามย้ำ “ไม่รู้ เดี๋ยวค่อยคิด สร่างแล้วเนี่ย อยากเมา ๆ จะได้ลืม คิดเยอะปวดสมอง” สมายเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าจะกินก็กลับไปกินที่ห้องเลย จะได้ไม่ต้องไปเลื้อยถูร้านคนอื่นเค้า ขับรถกลับไม่ได้อีกต่างหาก” เซนหันไปบ่นคนข้าง ๆ ที่เลือกไปเมาโดยไม่ระวังตัวเอง “ไม่เอา กลับไม่ได้ เดี๋ยวแม่มาตาม นี่ปิดเครื่องหนีอยู่ ยังไม่อยากเจอ อีพี่คินนั่นอีก” สมายส่ายหน้ารัว “เอ้า แล้วจะไปไหน ถ้าไม่เจอเซนนี่จะนั่งอยู่ร้านทั้งคืนเลยไง๊” เซนเริ่มดุ ถามอีกคนกลับเสียงดัง “ก็กะว่าจะไปเปิดห้องโรงแรมนอน เช้าค่อยว่าอีกที” สมายตอบกลับเสียงเบา ไม่เคยเห็นเซนขึ้นเสียงใส่ “เฮ้อ...เอาไง ให้เซนขับไปส่งที่โรงแรมมั้ย อยากกินก็ซื้อไปกินที่ห้อง นี่ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนี่ให้ไปนอนที่ห้องเซนแล้วเนี่ย” สมายหันกลับมามองอีกคน “งั้นไปห้องแกได้มะ ไปกินที่ห้องแกไง นะนะ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ ใช่มะ” สมายถามมองหน้าเซนอย่างมีความหวัง เซนหันมาทำหน้าตาตื่น “จะบ้าหรอ ไม่ได้เว้ย สมายเป็นผู้หญิงนะ จะไปนั่งเมาห้องเซนได้ไง” ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ เมาอยู่ในห้องกับคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด “ทำไมอ่ะ แกกลัวปล้ำชั้นหรอ แน่ะ ๆ หรือแอบมีใจ คิดอะไรกับเค้าป่ะเนี่ย” สมายแซวเซน ‘เออชอบ!’ เซนได้แต่ตอบคำถามในใจ พยายามหาทางปฏิเสธอีกคน เค้าไม่รู้ว่าถ้าเมาจะห้ามตัวเองได้มั้ย มันเสี่ยงเกินไปที่จะอยู่กับ ผู้หญิงที่ชอบตามลำพังในห้อง พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช่ ไม่ผิดหรอก เค้าแอบชอบสมายมานานแล้ว แต่ไม่กล้าจีบ ได้แต่คอยแซวอยู่แบบนี้เรื่อย ๆ เวลาเจอหน้ากัน เพราะฐานะทางสังคมของเค้ากับเธอมันต่างกันเกินไป เธอคงไม่มองคนแบบเค้าหรอก อีกอย่างในสายตาของสมาย เค้าคงเป็นแค่ไอ้คนกะล่อนคนนึงเท่านั้น “ถ้าไม่ให้ไป งั้นเราไปหาที่กินคนเดียวก็ได้ ขอกุญแจด้วย กลับเองได้นะ คงไม่ได้ไปส่ง” สมายลุกขึ้นยืน แบมือขอกุญแจคืนจากอีกคน เอ่ยตอบเสียงหงอย “เชี่ยเอ้ย! เออไปก็ไป ไปกินห้องเซนก็ได้ แต่ต้องแวะซื้อก่อนนะ ห้องเซนไม่มีอะไรให้กิน” สมายเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มร่าให้อีกคนทันที “ไป ๆ เนี่ยแวะซื้อข้างทางก่อนกลับถึงก็ได้ ไปเร็ว ดึกแล้ว” พูดจบก็ลากเซนออกจากตรงนั้นไปขึ้นรถอย่างไว เซนได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตาม เค้าจะไม่แตะเครื่องดื่มเลย ถ้าเธอจะเมาเค้าก็ต้องไม่เมา เซนขับรถออกจากท่ามหาราช ตรงกลับคอนโดตัวเอง แวะจอดเซเว่นข้างทางก่อนถึงคอนโด ให้สมายลงไปซื้อเครื่องดื่ม และเมื่ออีกคนกลับมาที่รถ เซนก็ต้องตกใจอีกรอบ สมายเหมาวอดก้ามาสามขวดใหญ่ “ซื้อมาขนาดนี้ กะกินให้น็อคเลยไง๊เนี่ย” เซนถามอีกคนที่นั่งยิ้มร่าเริง “ไม่รู้อะไร อันนี้กินได้ ไม่เมาชิว ๆ เลยเชื่อดิ นี่คอแข็งมากบอกเลย” สมายหันมายืนยัน เซนได้แต่ส่ายหน้ากลับไปให้ แล้วขับรถต่อ ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงคอนโดของเค้าที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียน เซนเดินนำสมายขึ้นมาบนห้อง สแกนคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูให้อีกคนเดินเข้าไปก่อน “ห้องรกหน่อยนะ เซนอยู่คนเดียว หรือสนใจจะมาเป็นแม่บ้านให้ก็ได้นะจ๊ะ” เซนเดินตามร่างบางเข้ามา พลางเอ่ยแซว เมื่อเห็นอีกคนเดินสำรวจมุมนั้นทีมุมนี้ที “จริงจังป่าว เราชอบคนจริง กล้าชวนก็กล้ามา ว่าแต่กล้าให้มาจริงป่ะจ๊ะ” สมายเดินไปจ้องหน้าเจ้าของห้อง และส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดไปให้ แล้วเธอก็ต้องนึกขำในใจเมื่อเห็นเจ้าของห้อง หน้าเริ่มแดง “ปะ...ไปนั่งรอที่โซฟาเลย เดี๋ยวเอาแก้วให้” เซนเดินหนีเข้าไปในครัว ทิ้งให้สมายยืนขำอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว เซนที่เดินเข้ามาถึงในห้องครัว ถึงกับต้องพิงผนังถอนหายใจออกมาแรง ๆ พลางคิดในใจ ‘เมารึป่าววะ ปกติไม่เคยตอบโต้แบบนี้’ คิดไปใจก็เริ่มสั่น เค้าคิดถูกหรือผิดกันแน่ ที่ยอมให้สมายมากินต่อที่นี่ เมื่อเซนเดินถือแก้วออกมาจากครัว ก็ต้องหยุดมองอีกคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเท้าแขนโซฟารับแขก ทอดสายตาออกไปด้านนอกระเบียงห้อง เซนเดินไปนั่งลงที่สตูลข้าง ๆ วางแก้วลงบนโต๊ะกลาง หยิบวอดก้าเทลงแก้ว แล้วส่งให้ร่างบาง สมายไม่ได้พูดอะไร เพียงหันมารับแก้วแล้วยิ้มให้แทนคำขอบคุณ “ฟังเพลงมั้ย หรืออยากอยู่เงียบ ๆ แบบนี้” เซนเอ่ยถามอีกคน “เปิดก็ได้คลอ ๆ ไปจะได้ไม่เงียบ” เมื่อได้คำตอบ เซนก็เดินไปเปิดเพลงคลอเบา ๆ แล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับที่สมายนั่งหันหลังให้อยู่ เพียงแต่คนละด้านกัน ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกัน เพียงแค่ปล่อยให้เสียงเพลงดังคลอไป สมายทำเพียงกระดกวอดก้าลงคอไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เซนกำลังใช้ความคิดกับเรื่องของอีกคน สมายกำลังจะต้องแต่งงาน เค้าควรจะทำยังไง ปล่อยไปแบบนี้ หรือยื่นมือเข้าไปดึงเธอลงมา “ทำไมแกถึงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักทีล่ะ หยอดคนนั้นคนนี้ทีไปเรื่อย ๆ แบบนี้มันดีหรอ” อยู่ ๆ สมายก็ถามออกมา แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองอีกคน “ใครบอกว่าเซนหยอดคนนั้นคนนี้ ไม่เคยหยอดใครเหอะ” เซนตอบกลับไป เหอะ! เอาที่ไหนมาพูดว่าเค้าหยอดคนอื่น มีใครที่ไหนกัน “อ่าว เห็นชอบหยอดเราเล่น ๆ ก็นึกว่าทำกับคนอื่นเหมือนกัน” สมายตอบตามความคิด “ก็หยอดอยู่คนเดียวมั้ย ไม่เห็นเคยสนใจ เคยเห็นเซนหยอดใครหรอ กับจีนก็แค่แกล้งไอ้ปราบเล่น กับโบว์ยิ่งไม่เคย” สมายหมุนตัวกลับมามอง ขาที่เคยไขว่ห้างอยู่ที่พื้น ก็ยกขึ้นมาวางบนเบาะโซฟา “เห้ย!! นั่งดีดีดิ๊ คิดว่าใส่กางเกงอยู่รึไงวะ” เซนหันไปดุสมาย แล้วพึมพำประโยคหลังเบา ๆ “อ่าว...แล้วทำไมต้องหยอดอ่ะ คิดอะไรกับเค้าหรอตัวเอง” สมายยิ้มแซวอีกคน พลางกระดกแก้วในมือจนหมดแก้ว หน้าเริ่มแดง แดงจนเซนคิดว่าอีกคนต้องเมามากแล้ว แต่ในขณะที่เจ้าตัวรู้ดีว่า หน้าที่แดงนั้นเพราะเขินในสิ่งที่กำลังทำต่างหาก “เมาป่ะเนี่ยสมาย กินเยอะไปแล้วนะ” เซนไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปแย่งแก้วในมือไปวางบนโต๊ะแทน “ตอบสิ! ทำไมต้องเปลี่ยนเรื่อง แกก็เป็นแบบเนี้ย ไม่เคยชัดเจนเลยซักที รออะไรอยู่วะ” สมายเริ่มโมโหอีกคนที่ไม่ยอมตอบ เอาแต่เปลี่ยนเรื่อง “เออคิด! คิดมานานแล้ว พอใจยังครับ” เซนหันไปตอบอีกคน แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออีกคนทิ้งตัวลงมาบนโซฟา ขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเค้า ชุดเดรสที่เธอใส่ แม้มันจะไม่ได้สั้นมาก แต่เมื่ออยู่ในท่านี้มันทำให้ชุดมันสั้นขึ้นไปอีก ขาขาวที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมา ทำให้ลมหายใจของเซนเริ่มติดขัด “สมาย ลงไปนั่งดีดี เมาแล้วก็ไปนอนไป” เซนพยายามเบี่ยงหน้าหนี มือก็จับแขนอีกคนให้ลงไปนั่งดีดี “ไม่ไป วันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” สมายพยายามยื้อตัวไว้ “เมาขนาดนี้ คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก” เซนบ่น “ตอบมาก่อน คิดแล้วทำไมไม่พูดให้มันชัดเจน ทำไมต้องปล่อยให้รอมาตั้งนาน รู้มั้ยว่าคนรอมันเหนื่อยนะ เหนื่อยใจอ่ะรู้มั้ย ต้องมานั่งคิดทุกครั้งว่าที่หยอดมันจริงจังหรือแค่เล่น ๆ วะ พอเริ่มคิดไปไกล ก็ต้องคอยดึงตัวเองกลับมา แล้วพอเจอหยอดอีกก็คิดอีก วนอยู่แบบนี้ มันเหนื่อยนะรู้มั้ย” สมายวางหัวไว้บนไหล่กว้าง แล้วพูดความในใจที่มีออกมาจนหมด ในเมื่อเวลาปกติพูดไม่ได้ ก็พูดมันตอนเมาเนี่ยแหละ “เซนขอโทษนะ แต่วันนี้สมายเมามากแล้ว เซนว่าไปนอนดีกว่า เดี๋ยวตื่นมาค่อยคุยกัน” เซนที่ได้ฟังอีกคนพูด ถึงกับอึ้งไป เค้าไม่เคยรู้ว่าทำให้อีกคนคิดมากแบบนี้ แต่วันนี้ยังไม่เหมาะที่จะคุยกันนัก อีกคนทั้งเสียใจกับเรื่องที่บ้าน แล้วยังกินไปเยอะมากอีกต่างหาก รอสร่างแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย เซนพยายามดันตัวสมายออกเพื่อจะให้ลุกไปนอน แต่อีกคนกลับยกมือมากอดเค้าไว้ ไม่ยอมปล่อย “สมาย ลุกไปนอนดีดี” สมายส่ายหน้าอยู่บนไหล่เค้า “งั้นเซนพาไป” ว่าจบก็ลุกยืนทั้ง ๆ ที่มีอีกคนเกาะอยู่แบบนั้น แล้วพาเดินเข้าห้องนอนไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม