"หนูยี่โถ?"
"หนู?" จ้าวฮานที่กำลังรอฟังคำตอบถึงกับหัวเราะร่วนออกมาอย่างไม่รู้จะสมเพชตัวเองหรือผู้หญิงที่ชื่อยี่โถดี
"มันยิ่งทำให้ผมชัดเจนว่าลุงกำลังเลี้ยงต้อยยัยเด็กคนนั้นจริงๆ ร่านแต่เด็ก" ประโยคหลังจ้าวฮานเอ่ยเสียงเบาด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ยี่โถ
"แกหยุดหยาบคายสักห้านาทีเถอะฮาน ถือว่าฉันขอ" หากไม่เพราะศันสนีย์ ภรรยาของเขารักหลานชายอย่างจ้าวฮานจนสุดหัวใจแล้วนั้น อย่าได้หวังเลยว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างนี้จะมาปฏิบัติกิริยาสถุนต่อเขาได้อย่างที่กำลังเป็น
"อีกอย่างการที่ฉันพอใจจะให้เงินเดือนใครเท่าไหร่มันก็เรื่องของฉัน หวังว่าแกคงจะพอจำได้นะว่าถึงแม้แกมีสิทธิ์ในคลับนี้ถึงครึ่งหนึ่งก็จริง แต่เรื่องกำหนดอัตราค่าจ้างพนักงานมันยังเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของฉันอยู่ และสำคัญเหนืออื่นใด คือฉันใช้เงินฉันจ่าย ไม่ใช่เงินของแก หรือเงินของพ่อแม่แก"
"โถ่เว้ย!"
"แล้วถ้าแกคิดว่าจะขี่ม้าสามศอกไปฟ้องน้าซันนี่ของแกอย่างที่ผ่านๆ มา ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าแกกำลังคิดผิด!" นฤเบศน์ตะโกนดังลั่นไล่หลังหนุ่มรุ่นลูกที่นับวันก็ยิ่งทำตัวเกะกะระรานเหมือนคนบ้าขึ้นไปทุกที
บ้านนฤเบศน์
"น้ารู้แล้วจ๊ะ" ศันสนีย์รับคำฟ้องของหลานชายสุดที่รักพร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยน "เพราะน้าเป็นคนขอให้ซันเขารับหนูยี่โถเข้าทำงานด้วยตัวเอง"
"แต่...น้าซันนี่ครับ น้าซันนี่ไม่คิดว่ามันจะแปลกๆ ไปหน่อยเหรอครับ ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมแต่งตัวเหมือนสก๊อยคนนั้น ผมว่า...ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี"
"แน่นอนว่าหนูยี่โถมีหัวนอนปลายเท้าจ๊ะ" ศันสนีย์เริ่มเสียงแข็งเมื่อสัมผัสได้ว่าหลานชายกำลังกระทำตัวไม่น่ารักต่อเธอ
"และน้าก็มีเหตุผลมากพอที่จะให้ความช่วยเหลือหนูยี่โถ และเหตุผลในข้อนี้น้าต้องเสียใจที่จะต้องขอบอกว่าฮานไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้มัน"
"อย่างนั้นฮานคงต้องขอตัวกลับก่อนครับ" คนหมายจะมาฟ้องถึงกับยิ้มแห้งเมื่อรับรู้ได้ว่าเขานั้นได้เผลอกระทำให้น้าอย่างศันสนีย์ที่รักเขาเสมอมานั้นรู้สึกไม่พอใจเข้าเสียแล้ว
"แล้วอย่าได้คิดการแกล้งใดๆ หนูยี่โถในระหว่างที่เธอทำงานที่นั่นเป็นอันขาด ถ้าหากฮานไม่อยากจะรู้สึกผิดหวังกับตัวเองในภายหลัง น้าคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน"
"สวัสดีครับ ไว้ผมจะมาเยี่ยมใหม่"
"ผมจะไม่เสียใจถ้าผมต้องทำอะไรสักต่อนังเด็กคนนั้น" มุมปากหยักหนายิ้มเยาะให้กับคำตักเตือนที่ช่างฟังดูสะอิดสะเอียนสำหรับเขาเสียเหลือเกิน
เขานะหรือจะเสียใจกับการได้ทำให้คนอื่นได้รับความเจ็บปวด ก็ในเมื่อความเจ็บปวดของคนที่เขาเกลียดน้ำหน้านั้นนับเป็นความสุขอันดับหนึ่งของเขา
สนามกีฬาชนโคชยพัทย์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
"มึงสมควรทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี" จ้าวฮั่นเอ่ยขึ้น มาถึงตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเด็กหญิงที่ชื่อยี่โถนั้นจะต้องมีภูมิหลังอะไรบางอย่างที่พวกเขาทั้งสามคนยังไม่มีโอกาสได้รู้อย่างแน่นอน
"น้าซันไม่เคยหยาบกับมึงขนาดนี้นะไอ้ฮาน" จ้าวฮายเอ่ยขึ้นบ้าง "หรือบางทีอาจจะมีอะไรเกี่ยวกับเด็กนั่นที่เรายังไม่รู้อย่างที่มึงสันนิษฐานจริงๆ วะไอ้ฮั่น"
"มันก็เป็นแค่เด็กที่โตมาจากจากบ้านเด็กกำพร้าก่อนจะทะเยอทะยานจนมีเงินจ่ายค่ามัดจำแมนชั่นเก่าๆ ซุกหัวนอน มันก็แค่นี้แหละวะ!"
"ไอ้ฉิบหาย! ไม่สนใจเขาแต่เสือกรู้เรื่องที่เกี่ยวกับเขาไปซะหมดทุกอย่าง" จ้าวฮั่นว่าอย่างเริ่มเอือมระอาน้องชายฝาแฝดคนที่สามของตัวเองก่อนจะกระตุกแขนจ้าวฮายซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดคนที่สองให้เดินตามเขาออกไป
"เสือกเรื่องของกู" คนไม่อยากยอมรับความจริงกู่ตะโกนด่าตามหลังพี่ชายฝาแฝดทั้งสองไปด้วยความโมโห
"จนๆ อย่างยัยนั่น สวยแค่ไหนก็ไม่เอาเว้ย"
เพียงขวัญทะเลเผา
หลังจากผ่านค่ำคืนนั้นมาได้ยี่โถก็ยังคงเดินทางไปทำงานที่คลับของนฤเบศน์ตามปกติ หากแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่นฤเบศน์ได้กล่าวขอต่อเธอเอาไว้ ซึ่งก็คือห้ามให้ผู้ชายคนไหนแตะต้องตัวเธอเป็นอันขาดไม่ว่าใครคนนั้นจะให้ทิปแก่เธอมากมายแค่ไหนก็ตาม และถึงแม้เธอเองจะสงสัยแค่ไหนว่าทำไมหากแต่สุดท้ายเธอก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามออกไปและยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำตักเตือนของนฤเบศน์แต่โดยดี
"กลับพร้อมพี่เลยไหม" เพียงขวัญที่เห็นลูกน้องสาวกำลังเดินลัดเลาะไปตามริมถนนเอ่ยถามด้วยความปรารถนาดี
"ไม่ดีกว่าค่ะพอดียี่โถมีธุระต่อ" วันนี้เธอว่าจะเดินทางไปไถ่สร้อยข้อมือที่จำนำเอาไว้ที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่ง สร้อยคอมือเส้นนี้ที่คุณปู่อันเป็นที่รักผู้ล่วงลับของเธอได้มอบมันเอาไว้ให้ในวันที่เธออายุครบสิบสามปีบริบูรณ์และมันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เธอยังคงได้ถือมันเอาไว้ในครอบครอง ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ญาติพี่น้องฝั่งพ่อก็ได้ทำการฉ้อโกงของเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อเดินทางมาถึงโรงรับจำนำที่เธอเคยมาเยือนแล้วครั้งนึงเมื่อประมาณสองเดือนก่อน ยี่โถก็จัดแจงควักตั๋วจำนำและเงินสดจำนวนห้าพันบาทให้กับอาแปะเจ้าของร้านในทันที
"ยัยโถเอ๊ย! แกทำให้ของมีราคากลายเป็นสิ่งด้อยค่าไปได้ยังไง" ยี่โถว่าอย่างนึกขำตัวเองหลังจากนำสร้อยข้อมือใส่ลงไปในกระเป๋าแล้ว
สร้อยข้อมือทองคำนี้มีน้ำหนักมากถึงสิบบาทหากแต่เธอกลับเอามันไปแลกกับเงินเพียงห้าพันบาทเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้เธอกล่าวตำหนิตัวเองออกมา แต่การที่เธอไม่ยอมเอาเม็ดเงินในจำนวนมากกว่านั้นก็เป็นเพราะกลัวจะไม่มีเงินมาไถ่ถอนคืนนั่นเอง และหากเป็นเช่นนั้นเห็นที่เธอคงจะทำใจไม่ได้เพราะสิ่งนี้คือของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากปู่ผู้ซึ่งรักและหวังดีกับเธอมากกว่าใครๆ
หากไม่ต้องการเงินไปจ่ายค่ามัดจำที่ซุกหัวนอนแล้วนั้นอย่าได้คิดฝันว่าโรงรับจำนำแห่งนี้จะได้สร้อยข้อมือของเธอไปไว้ในครอบครองถึงเกือบสองเดือนเลย
ปี๊น!
"ว้าย! อะไรกันตกอกตกใจหมด" ยี่โถที่กำลังปั้นยิ้มแห่งความสุขอยู่บนทางเท้าถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ คนในรถคูมาเรียลคันหรูได้ทำการกดแตรไล่หลังเธอมาจนเกิดเสียงดังสนั่น
"วันนี้ขายแถวไหน" ยี่โถหันขวับไปทางต้นเสียงที่คุ้นเคยนั้นพร้อมส่งหางตาเขียวปั๊ดขึ้นมองร่างใหญ่อย่างเอาเรื่อง เธอไม่ใช่เด็กไม่ประสาที่จะไม่รู้ว่าประโยคก่อนหน้าที่ผู้ชายคนนี้กล่าวมาหมายความว่าอะไร...
"ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป หลีกไปค่ะกูจะเดิน" ยี่โถว่าอย่างเริ่มหยาบคายเพราะเธอรู้ดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมานั่งพูดจาดีๆกับผู้ชายนิสัยเสียคนนี้
"กูเลยเหรอวะ" คนที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนขึ้นมึงกูใส่ก็ถึงกับโมโหจนเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเลยทีเดียว...
"เออ! ทำไม มึงจะทำไมกู" จะบอกให้ก็ได้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้อ่อนหวานและไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่ใครๆ พากันคิดเอาไปเอง ฉากหน้าที่ทุกคนเห็นมันก็เป็นเพียงแค่อีกตัวตนที่เธอต้องสร้างมันขึ้นมาตามความต้องการของพ่อกับแม่ก็เท่านั้นแหละ
"หนอย! นังเด็กคนนี้!" แขนแกร่งกระชากเข้ากับแขนเล็กนั้นอย่างรู้สึกโมโหแค่ก็ไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะทำร้ายร่างกายผู้หญิง...
"ก็ไม่เด็กแล้วนะยี่สิบเอ็ดปีแล้วเนี่ย จบปริญญาตรีในสาขาภาษาต่างประเทศธุรกิจมาแล้วด้วย"
"อ้าไปกี่ครั้งเสียไปกี่น้ำล่ะถึงจะจบ" วาจาเหลือร้ายจากผู้ชายตรงหน้าทำเอายี่โถถึงกับโมโหจนเนื้อตัวสั่นเทา
"อ้าไปกี่ครั้งไม่รู้แต่หนึ่งในคนที่อ้าขาให้เอานั้นไม่ใช่ผู้ชายหน้าหมาอย่างมึงแน่นอน" ยี่โถตอกกลับอย่างเจ็บแสบโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงต่อเธอ แต่ถ้าจะให้ยืนนิ่งให้ใครดูถูกมันก็ไม่ใช่เธออีกเช่นเดียวกัน
"งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์เป็นผัวคนที่ร้อยให้เธอเอง" ร่างแกร่งย่างสามขุมเข้าหายี่โถก่อนจะช้อนร่างสูงโปร่งนั้นขึ้นมาพาดบ่าและจับตัวเธอยัดเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับ
"ไอ้บ้า! จอดเดี๋ยวนี้นะแกคิดจะทำอะไรของแก!"
"ไม่ต้องห่วงน้ำหน้าอย่างเธอฉันไปเอาหรอกนะจะบอกให้!"
จ้า ไม่เอาเนอะ ทุกคนโปรดเป็นพยานค่า