เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้คลีฟต้องชะงักตัวเองแทบจะในทันทีทันใด นัยน์ตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์เบิกกว้างเมื่อนิตาผละห่างจากตัวเขา ร่างเล็กหลังเบียดชิดติดผนังห้อง ใบหน้าสวยหวานฉายความตื่นตระหนก ทว่าคนที่ต้องตระหนกยิ่งกว่า นิตาคือเขาเมื่อเห็นที่มุมปากของหญิงสาวมีรอยช้ำจนเลือดซึม
“นีน่า...”
ชายหนุ่มยกมือตัวเองขึ้นลูบที่ริมฝีปากของตัวเอง ใบหน้าของเขาสำแดงความเจ็บปวดออกมาเมื่อเห็นรอยเลือดบนปลายนิ้วในขณะที่นิตายืนตัวสั่นเหมือนลูกนก เขาทำอะไรลงไป...ทั้งที่เตือนตัวเองมาตลอดว่าต้องไม่เข้าใกล้นิตา แต่ความปรารถนากำลังมีอำนาจอยู่เหนือความยั้งคิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ต่างอะไรกับที่เขาพยายามจะทำร้ายเธอแม้แต่น้อย ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ถอยหลังกลับไป เขาต้องบีบบังคับสัมปชัญญะเพื่อควบคุมสติของตัวเองอย่างยิ่งยวด ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหลังและกำลังจะก้าวออกจากห้องนั้นหากไม่ได้ยินเสียงเรียกของนิตาดังขึ้นเสียก่อน
“คลีฟ...”
เสียงอ่อนระโหยของหญิงสาวทำให้เขาหยุดนิ่งราวกับโลกทั้งโลกของเขาก็พลอยหยุดนิ่งตามไปด้วย เขานิ่งงันกระทั่งได้ยินเสียงของหญิงสาวอีกครั้งว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ...คุณเกลียดฉันมากอย่างนั้นหรือคะ...บอกได้มั้ยคะคลีฟ...ว่าทำไม”
“ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ นีน่า!”
เสียงคำรามที่ลั่นขึ้นโดยเจ้าตัวไม่ยอมหันกลับมาทำให้นิตาแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น หญิงสาวปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาขณะจ้องมองแผ่นหลังของผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของอ้อมแขนอันอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับเธอ บัดนี้เขาเหมือนมัจจุราชที่กำลังสูบเอาวิญญาณและความรักของเธอลงสู่หุบลึกและมืดอย่างที่สุด
“คลีฟ...”
“อยู่ให้ห่างจากผม!...รู้ไว้ด้วยว่าผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงของคุณ อย่าคิดว่าที่ผมทำดีกับคุณเป็นเพราะผมยังรักคุณ...ไม่เลย...ผมไม่เคยคิดถึงมันด้วยซ้ำ”
“คุณ...ลืมทุกอย่าง...ที่เกี่ยวกับไปเราแล้ว...อย่างนั้นหรือคะ?”
นิตาถามด้วยน้ำเสียงบอกความรันทดท้ออย่างที่สุด คลีฟนิ่งงัน เขายังยืนหันหลังให้หญิงสาวอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะยืดหลังตรงและเลื่อนมือเย็นเฉียบไปจับเนคไทแน่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงบาดลึกว่า
“ใช่...ผมลืมมันไปแล้ว...ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...ระหว่างเราสองคน”
ร่างเล็กบอบบางแทบทรุดหากทว่าก็ยังทรงตัวด้วยการเอาหลังชิดฝาผนังเมื่อคลีฟก้าวพ้นออกไปจากห้องนั้น หญิงสาวอยากจะปลดปล่อยความอัดอั้นที่มันกำลังบั่นทอนลมหายใจของเธอด้วยการร้องไห้โดยเอามือปิดปากเอาไว้เพื่อไม้ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไปให้ใครได้ยินแต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผู้จัดการร้านดังอยู่ข้างนอกนั่น คริสตัลกลับมาแล้ว
นิตารีบทรงตัวยืนหลังตรงและกลืนก้อนสะอื้นกลับเข้าไปในอกก่อนจะรีบเช็ดรอยน้ำตาที่แก้มและบนดวงตา หญิงสาวรีบจัดแต่งทรงผมของตัวเอง พยายามเข้มแข็งและก้มลงเก็บกล่องรองเท้าที่หล่นลงมาจากชั้นวางกระจัดกระจายบนพื้นห้องกลับเข้าที่ให้เรียบร้อยดังเดิม
เธอแทบจะไร้เรี่ยวสิ้นแรงที่จะก้าวเดินอยู่แล้วแต่เพราะหน้าที่และไม่อยากให้เป็นที่สังเกตของคริสตัล นิตาจึงต้องพาร่างที่ภายในนั้นหัวใจของเธอบอบช้ำอย่างหนักออกจากห้องเก็บสินค้าด้วยความคิดที่ว่าเธอต้องออกไปเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่รออยู่เบื้องนอก
หากทว่าหญิงสาวต้องหยุดชะงักเมื่อก้าวออกไปยังห้องรับรองลูกค้า คลีฟยังไม่ออกไปจากร้าน เขายืนอยู่ในห้องนั้นซึ่งมีคริสตัลและผู้หญิงชาวอเมริกันอีกคนในชุดกระโปรงผ้าไหมสีฟ้าน้ำทะเล เธอคนนั้นยืนอยู่ชิดประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ไม่ได้แค่ยืนชิดแต่มือยังเกาะเกี่ยวอยู่ที่แขนของบุรุษผู้ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลมากที่สุดในห้างนี้
“โอ...นิต้า เธอหายไปไหนมาจ๊ะ...ฉันพึ่งกลับจากธุระข้างนอก เข้ามาก็เห็นท่านประธานอยู่ในร้านของเราแล้ว”
คริสตัลหันมากล่าวกับนิตาที่ยืนทำสีหน้าแทบไม่ถูก
“เอ้อ...ฉันเข้าไปจัดของในห้องเก็บสินค้าน่ะค่ะคริสตัล”
“ต้องขอโทษท่านประธานด้วยนะคะที่พนักงานของร้านยังไม่ทันได้ออกมาต้อนรับ” คริสตัลรีบบอกกับคลีฟก่อนจะหันกลับมายังนิตาอีกครั้ง “นิต้า...และนี่คือคุณไดแอนดรา เธอต้องทำความรู้จักเธอไว้นะจ๊ะ”
นิตาหันไปทางหญิงสาวชาวอเมริกันเจ้าของร่างระหงที่ยังยืนเกาะเกี่ยวแขนของคลีฟไว้แน่น ไดแอนดราปรายยิ้มกับหญิงสาวซึ่งรู้สึกว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะต่ำต้อยอย่างเหลือเกิน ดูจากการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วช่างแตกต่างกับเธออย่างลิบลับ สาวชาวอเมริกันผู้นั้นสวมชุดกระโปรงที่ตัดอย่างประณีตและหรูหรา สวมสร้อยและแหวนเพชรดูเลอค่าในขณะที่เธอเป็นแค่พนักงานขายของในร้านค้าของห้างเวสเนอร์เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ...คุณไดแอนดรา”
“คุณไดแอนดราเป็นน้องสาวของคุณลอว์สัน เพื่อนสนิทของท่านประธานยังไงล่ะจ๊ะ”
คริสตัลแนะนำต่อและมันทำให้นิตานึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีส่วนละม้ายคล้ายกับเพื่อนใหม่ของเธออย่างมาก ไดแอนดราเป็นหญิงสาวชาวอเมริกันที่รูปร่างเล็กและบอบบางกว่าผู้หญิงชาวยุโรปทั่วไป เธอมีเรือนผมสีน้ำตาลทองยาวเหยียดตรงและตัดเป็นหน้าม้าเพิ่มความสวยเฉี่ยวให้ใบหน้าหมดจดนั้น สักครู่ไดแอนดราก็หันไปพูดกับคลีฟ