แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากัน
อีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง
“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่างเดินทางมางานเทศกาลชมจันทร์แล้ว ซูเยว่ซินอมยิ้มก่อนที่จะตอบออกมาเพียงว่า
“ข้าไม่จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกันหรอก”
แม้ซูเยว่ซินจะไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลที่นางไม่มีผู้คุ้มกันออกมา ทว่าคุณหนูใหญ่สกุลเจียงก็พอจะคาดเดาได้ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงบุตรีของแม่ทัพใหญ่ แล้วผู้ใดจะกล้าทำร้ายนางกัน จึงไม่จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกัน ยามที่ออกไปเที่ยวเล่นนอกจวน
คุณหนูทั้งสองตระกูลนั้นรู้สึกสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะอยู่ในวัยเดียวกัน อีกทั้งต่างคนต่างก็เป็นคนที่สุขุมนุ่มนวล รู้จักสงวนท่าที แม้บางคราซูเยว่ซินจะดูเป็นสตรีที่เปิดเผยอยู่บ้าง ทว่ายามที่พบเจอผู้ใหญ่ ซูเยว่ซินก็รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกเอ็นดูอย่างสนิทใจ
“ซินเอ๋อร์…วันนี้ข้าชวนน้องหญิงกู้มาด้วย เจ้าคงไม่ตำหนิข้าใช่หรือไม่” ระหว่างที่เดินไปชื่นชมสองข้างทางไป เจียงซีหรูก็กล่าวออกมา ซูเยว่ซินยิ้มบางพลางบอกอีกฝ่าย
“ข้าจะตำหนิเจ้าได้เยี่ยงไร อีกทั้งน้องหญิงกู้หาใช่คนอื่นไกลไม่”
ครั้นได้ยินเช่นนี้เจียงซีหรูก็ยิ้มกว้างออกมา ทว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะเดินไปได้ไกลนัก คุณหนูทั้งสองก็ได้พบกับคุณหนูรองสกุลกู้กับพี่ชายใหญ่ของนาง สตรีทั้งสองจึงคำนับคุณชายใหญ่กู้มู่เฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน ชายหนุ่มรับการคำนับของคุณหนูทั้งสอง ก่อนที่จะกล่าวออกมาเพียงสั้นๆ ว่าตามสบายเถิด
ซูเยว่ซินใจเต้นแรง เพราะในชีวิตก่อนหาได้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ นางมาเที่ยวที่งานเทศกาลชมจันทร์ก็จริง ทว่าชีวิตก่อนนางมากับหลูเจียงหลี พบเจอคุณหนูทั้งสองตระกูลก็แสดงความเมินเฉยต่อกัน หาได้มีไมตรีเช่นนี้ไม่ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์ในชีวิตนี้ของนางนั้นเปลี่ยนไป
“พี่หญิงเจียง ท่านว่าโคมไฟร้านนั้นงดงามหรือไม่” กู้มู่หรงเหลือบมองหน้าพี่ชายใหญ่ ก่อนที่จะหันไปชักชวนเจียงซีหรูให้เดินไปดูโคมไฟด้วยกัน
ซูเยว่ซินไม่ได้รู้สึกระแวงสงสัยอันใด ร่างสูงที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นสง่า เดินเคียงข้างมาพร้อมกันกับนาง ทำให้เรียกสายตาจากผู้ที่มาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้อยู่ไม่น้อย แม้ด้านหลังของพวกนางจะมีสาวรับใช้และบ่าวคนสนิทของเขาติดตามมา ก็มิอาจทำให้นางรู้สึกไม่เก้อเขินได้
“พี่ชายใหญ่ของเจ้าเข้าเวรอยู่หรือ” เสียงทุ้มดังออกมาจากคนข้างๆ กาย ซูเยว่ซินไม่ได้หันไปมอง ทว่านางก็ตอบเขาออกมา
“เจ้าค่ะ หกวันถึงจะกลับเรือนสักหน”
คุณชายหนุ่มยิ้มแย้ม ผู้คนที่มองมาต่างชื่นชมสองหนุ่มสาว สตรีงดงามปานเทพธิดา บุรุษสง่างามปานเทพบุตร ช่างดูเหมาะสมเพลินตายิ่งนัก ทว่ากลับไม่มีผู้ใดรู้ว่าทั้งสองมาจากตระกูลใด
“พี่ชายใหญ่ พี่หญิงซูเจ้าคะ ข้าขอพาพี่หญิงเจียงไปซื้อขนมด้านโน้นก่อนนะเจ้าคะ”
คุณหนูรองสกุลกู้ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้เป็นพี่ชาย เจียงซีหรูรับรู้เรื่องนี้เช่นกัน นางไม่ได้ขัดข้องอันใด ทว่ากลับรู้สึกยินดี ที่จะได้ร่วมมือกับกู้มู่หรง เพราะนางเห็นว่าเมื่อก่อน คุณชายใหญ่กู้มู่เฉินไม่เคยออกมาเที่ยวชมงานเช่นนี้เลยสักหน ทว่ายามนี้กลับออกมาเยือนงานเทศกาลนี้เสียได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“พวกเราสองคนจะเดินไปรออยู่ที่หอชิวเซียน ริมแม่น้ำเซียง เชิญพวกท่านเดินเที่ยวชมบรรยากาศภายในตลาดตวนอีกันไปก่อนนะเจ้าคะ หากพี่หญิงซูเดินเบื่อแล้ว ก็ให้พี่ชายใหญ่พาไปสมทบกับพวกข้าที่นั่น”
กู้มู่หรงบอกซูเยว่ซินและพี่ชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ซูเยว่ซินแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทว่ากลับไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่าย
“พวกเจ้าไปเถิด” เสียงทุ้มกล่าวออกมาทำให้ซูเยว่ซินหันไปมองหน้าเขาทันที
สีหน้าของคุณชายหนุ่มหาได้แสดงความไม่พอใจไม่ ทว่ากลับแสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิดเสียมากกว่า คงมิใช่ว่าเขามีใจให้นางแล้วหรอกหรือ หากเป็นเช่นนั้นคงไม่ไวไปหน่อยกระมัง สตรีต่างวัยทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา ซูเยว่ซินคิดว่าไม่เหมาะหากจะให้นางเดินเที่ยวชมงานกับเขาเพียงลำพัง
ในขณะที่นางกำลังจะรีบเดินตามคุณหนูทั้งสองไป มือหนาของบุรุษที่อยู่ข้างหลัง กลับคว้าข้อมือของนางเอาไว้ ทำให้นางต้องหยุดชะงัก แล้วก้มหน้าลงมองมือหนา ที่กุมข้อมือนางเอาไว้อย่างเสียมารยาท ชีวิตก่อนไม่เห็นว่าเขาจะกล้าเสียมารยาทกับนางเยี่ยงนี้เลย นี่มันสถานการณ์ใดกัน
แววตาของซูเยว่ซินฉายแววสับสนมึนงงออกมา ทว่าคนมองกลับกลั้นยิ้มส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือที่กุมข้อมือเล็กของอีกฝ่ายเอาไว้ ผู้คนที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ต่างมองมายังเขาและนางด้วยแววตาสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้ผู้ใดมาคิดหมายปองนาง
“เสียมารยาทแล้ว พี่ต้องขออภัยต่อเจ้าด้วยที่ล่วงเกิน”
เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับรู้สึกผิด ซูเยว่ซินใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ใบหน้างามพลันเปลี่ยนสีเพราะความเขินอาย นางรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นภายในใจด้วยการชวนเขาให้ไปจากตรงนี้
“รีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ” สองหนุ่มสาวจึงเดินเคียงข้างกันไป
ด้านหลังของทั้งสองยังมีสาวรับใช้ที่ติดตามคุณหนูรองสกุลซูมาสามคน และบ่าวชายผู้ติดตามคุณชายใหญ่สกุลกู้อีกคน หนุ่มสาวทั้งสี่ต่างพากันยิ้มออกมาอย่างรู้กัน ชิงหลวนมองว่าคุณชายใหญ่ตระกูลกู้นั้นมีใจให้คุณหนูของตน ส่วนตู้จิ้นเองก็พอจะรู้ใจคุณชายใหญ่ของตนเช่นกัน เพราะการพบกันในค่ำคืนนี้หาใช่เรื่องบังเอิญไม่ แต่เป็นเรื่องที่คุณชายใหญ่รับรู้ล่วงหน้ามาแล้วต่างหาก
“นั่นมันอะไรกัน ข้างๆ คุณหนูรองสกุลซูนั่นมิใช่คุณชายใหญ่สกุลกู้หรอกหรือ”
หลูเจียงหลีกระซิบกระซาบถามสาวรับใช้คนสนิทของนาง อีกฝ่ายมองฝ่าผู้คนออกไปก็พบว่าใช่จริงๆ แล้วเหตุใดทั้งสองคนถึงได้มาเดินเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้ด้วยกันได้
“เช่นนี้แล้ว เราต้องเข้าไปหาคุณหนูรองสกุลซูอยู่หรือไม่เจ้าคะ เพราะนางก็หาได้อยู่กับคุณหนูใหญ่สกุลเจียงไม่” เถียวเอ๋อร์ถามความเห็นของคุณหนูสี่ออกมา
“เจ้าโง่หรือไร ต้องกลับไปแจ้งข่าวนี้ให้คุณชายรองกู้รู้สิ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงให้ข้าเข้าหาสตรีผู้นั้น แต่ถ้าหากสตรีผู้นั้นชื่นชอบพี่ชายใหญ่ของเขา มีหรือที่นางจะยอมสนิทกับข้า มิสู้ไปสนิทสนมกับกู้มู่หรงไม่ดีกว่าหรือ”
หลูเจียงหลีรู้สึกโมโหสาวรับใช้ที่แสดงความโง่เขลาออกมา เห็นเช่นนี้แล้วอีกฝ่ายจะยอมเป็นมิตรกับนางหรือไร หากคุณหนูรองสกุลซูนั่นชื่นชอบคุณชายใหญ่กู้ผู้เย็นชาผู้นั้นจริง นางคงอยากจะเป็นมิตรกับกู้มู่หรงที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของอีกฝ่ายมากกว่า สตรีที่อยู่นอกสกุลเช่นนาง