บทที่ 16

1675 คำ
บทที่ 16 เผา มู่หรงเจวี๋ย และหานอวี้ รวมถึงเหล่าทหารลับหลายสิบนาย ควบม้ามุ่งหน้าไปยังชายแดนซึ่งยามนี้กำลังมีศึกสงครามระหว่างแคว้นที่ดุเดือด เขาลอบสังเกตสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินหายลับไปกับฝูงชน มู่หรงเจวี๋ยปลอมตัวได้อย่างแยบยล ในทุก ๆ วันเขาจะปลอมเป็นคนชราบ้าง ขอทานบ้าง คนขายเต้าหู้บ้าง เพื่อสืบดูความเป็นไป เมื่อได้เห็นแม่ทัพใหญ่หนิงอีกครา มู่หรงเจวี๋ยก็แทบทนไม่ไหว อยากจะพุ่งกายเข้าไปสังหารคนสารเลวตรงหน้า แต่เขาต้องอดกลั้นระงับโทสะเอาไว้ในใจมิให้เสียเรื่อง ระยะเวลาหลายวันที่เขาแฝงตัวอยู่ที่นี่ เขาได้เห็นหยางเซียวหลิ่น สหายรักของเขา ที่ยามนี้มีใบหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เขากับหยางเซียวหลิ่นเป็นสหายรักร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายสิบปี เขารู้นิสัยของหยางเซียวหลิ่นดี เพียงได้มองสีหน้าเขาก็ดูออกได้ทันทีว่าหยางเซียวหลิ่นไม่ชอบใจแม่ทัพใหญ่หนิงในการวางแผนศึกครานี้ มู่หรงเจวี๋ยส่งเสียงเหอะในลำคออย่างดูแคลน เป็นเขาเขาก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ กลับไม่วางแผนรัดกุมให้ดี แค่นั้นยังไม่พอกลับส่งทหารออกไปต้านทัพศึกที่มีศัตรูรายล้อมเรือนแสนอย่างไม่ใส่ใจความเป็นตาย ช่างโง่งมยิ่งนัก!!! สมองไม่เคยคิดว่าจะใช้เล่ห์กลใดแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง วัน ๆ เอาแต่หลงใหลอำนาจ ไม่สมกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เลยสักนิด!!! ที่เขามาในครานี้ไม่ใช่เพียงมาทำตามแผนการเพื่อผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่เขาสงสารและเห็นใจหยางเซียวหลิ่น หากศึกครานี้พ่ายแพ้ แน่นอนว่าฮ่องเต้ย่อมเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่หยางเซียวหลิ่นอย่างแน่นอน!!! มู่หรงเจวี๋ยละสายตาจากแม่ทัพใหญ่หนิง ก่อนจะกลับมาที่บ้านหลังเล็กห่างไกลผู้คนที่เขาเอาไว้ซ่อนตัว ก่อนจะถอดหน้ากากบนใบหน้าออก และทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ พลางยกถ้วยชาขึ้นดื่ม หานอวี้ที่เห็นว่านายของตนกลับมาแล้วจึงรีบรายงานความเป็นไปในทันที "เรียนนายน้อย หนทางปลอดภัยราบรื่นดีขอรับ" "ดี ทำตามแผนเดิม ให้พวกมันไหวตัวไม่ทัน จำไว้ เผาครึ่งหนึ่ง เก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่ง" "นายน้อย หากพวกมันรู้ตัวเล่าขอรับ" "สังหารไม่ละเว้น กระทำการให้รวดเร็ว รัดกุม ทางที่ดีอย่าให้ทหารของเราบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว" "ขอรับ" กลางดึกคืนนั้น มู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้ มุ่งตรงมายังจวนหลังหนึ่งที่ยามนี้ถูกปิดเอาไว้ เขาจ้องมองมันด้วยแววตาที่สั่นไหว ก่อนจะกระโดดหายเข้าไปในกำแพงจวนหลังนั้นอย่างรวดเร็ว บรรยากาศที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ต่างเพียงแค่มันมืดสนิทเพราะไม่มีผู้คนดูแล เขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่กับท่านพ่อมาตั้งแต่วัยเยาว์ ที่นี่คือจวนแม่ทัพชั่วคราวเอาไว้พักผ่อนยามที่ต้องเดินทางมาทำศึกยังชายแดน ยามนี้มันกลับถูกปิดตายไร้การดูแลไปเสียแล้ว!!! มู่หรงเจวี๋ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เขาคร้านที่จะใส่ใจเรื่องราวใดอีก เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงมุ่งตรงไปที่สระบัวที่ท้ายจวน ก่อนจะกระโดดลงไปในสระบัวนั้นทันที หานอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบตามนายของตนลงไปทันที เหล่าทหารลับที่ติดตามมาก็รีบกระโดดลงไปในสระบัวเช่นเดียวกัน ยามนี้น้ำค่อนข้างเย็นไม่น้อย แต่ยังพอทนไหว มู่หรงเจวี๋ยว่ายน้ำดำดิ่งลงไปจนถึงก้นสระบัว ก่อนจะจ้องมองไปยังอุโมงค์เบื้องล่าง แล้วว่ายน้ำพุ่งทะยานกายผ่านช่องอุโมงค์นั้นไปในทันที นี่คือทางลับที่สามารถออกนอกเขตชายแดนโดยไม่มีผู้ใดรู้ หลายปีก่อนท่านพ่อทำอุโมงค์นี้เอาไว้ เพราะต้องการให้น้ำจากแม่น้ำนอกเมืองไหลผ่านเข้ามา ยามถึงหน้าแล้งราษฎรจะได้มานำไปใช้ไม่ขัดสนเรื่องน้ำ เรื่องนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่รู้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้ใช้มันในยามนี้! ใช้เวลาไม่นานนัก มู่หรงเจวี๋ย หานอวี้ และทหารลับก็มาโผล่ที่กลางแม่น้ำ พวกเขาค่อย ๆ ว่ายน้ำขึ้นฝั่งอย่างช้า ๆ พลางสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ "เร็ว!!! จัดการตามแผน" "ขอรับ" เหล่าทหารลับพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเร่งแยกย้ายกันไปทำตามที่ได้รับมอบหมาย มู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้จ้องมองไปยังทิศทางเบื้องหน้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะพบกับกระโจมนับร้อยหลังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนหญ้าเขียวชอุ่ม นั่นคือกองทัพของแคว้นม่อหยวน ที่บุกเข้ามาลงหลักปักฐานเตรียมพร้อมรบ ช่างใจกล้าไม่น้อย "นายน้อย" "ข้าออกมาสำรวจอยู่คราหนึ่ง ทางด้านหลังค่ายจะไม่มีทหารเฝ้าเวรยามมากนัก เราจะขนเสบียงกลับมาทางนั้น" "แล้วจะนำกลับเช่นไรดีขอรับ" "กลับทางเดิม" "แต่หากเป็นอาหารแห้ง..." "แคว้นม่อหยวนไม่นิยมกินข้าวกันสักเท่าใดนัก ส่วนมากจะกินเนื้อเป็นส่วนใหญ่ เราจะนำเนื้อสัตว์เนื้อกวางออกมาให้หมด แล้วเผาเสบียงที่เหลือของมันให้ราบคาบ ส่วนข้าวก็นำมาตากแห้งใหม่ได้ คงไม่มีปัญหา ไป!!! ไม่มีเวลาแล้ว" มู่หรงเจวี๋ยจ้องมองไปโดยรอบ ก่อนจะรีบเดินไปยังท้ายกระโจมซึ่งเป็นที่ตั้งกองทัพของแคว้นม่อหยวน เมื่อสังเกตสถานการณ์โดยรอบ ก็พบว่า พวกมันกำลังนอนหลับสบาย คล้ายกับไม่ได้ระแวดระวังภัยเท่าใดนัก คงจะคิดสินะว่าแคว้นไท่เหลียงยามนี้อยู่ในช่วงวิกฤตไม่อาจต่อสู้ได้เต็มที่ จึงใจเย็นหละหลวมได้ถึงเพียงนี้ "นายน้อย" เสียงเรียกที่แผ่วเบาทำให้มู่หรงเจวี๋ยหันกลับไปมอง ก่อนจะพบกับทหารลับของเขาที่ยามนี้สวมชุดของทหารแคว้นม่อหยวน ทหารลับเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะส่งชุดทหารแคว้นม่อหยวนให้กับเขาและหานอวี้ ชุดนี้ทหารลับได้มาจากการสังหารทหารแคว้นม่อหยวนและสับเปลี่ยนชุดกับพวกมัน มู่หรงเจวี๋ยไม่รอช้าเขารีบเปลี่ยนชุดในทันที ก่อนจะลอบแฝงกายเข้าไปในค่ายอย่างแยบยล เมื่อมาถึงเขาก็จัดการเป่าลูกดอกอาบยาสลบใส่เหล่าทหารแคว้นม่อหยวนทันที ทหารเหล่านั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็สลบเหมือดไปเสียแล้ว "จำไว้ ขนอาหารสดออกไปให้มากที่สุด" "ขอรับ" ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามเหล่าทหารที่ได้รับมอบหมายให้ขนเสบียงกลับไปยังเส้นทางเดิมก็ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย "เผา!" สิ้นคำพูดของมู่หรงเจวี๋ยเพลิงไหม้ก็โหมกระหน่ำเสบียงของแคว้นม่อหยวนจนมอดไหม้ เหล่าทหารช่วยกันดับไฟเป็นพัลวันแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เสบียงเสียหายทั้งหมด มู่หรงเจวี๋ยอาศัยจังหวะนี้รีบปลีกตัวออกมาได้อย่างทันท่วงที ระหว่างทางก็ต่อสู้กับเหล่าทหารไม่น้อย เขาจึงได้รับบาดเจ็บที่แขนเป็นแผลฉกรรจ์ "นายน้อย" "ข้าไม่เป็นอันใด รีบไปกันเถิด!" ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ มู่หรงเจวี๋ยเดินทางกลับรังโจรของเขาพร้อมกับเสบียงอาหารมากมาย ก่อนกลับเขาหันไปมองกระโจมหลังใหญ่ภายในค่ายทหารก่อนจะยิ้มออกมา ข้าดีใจที่ได้พบกับเจ้าอีกครา หยางเซียวหลิ่น ด้านหยางเซียวหลิ่นนั้น เมื่อตื่นมาเขาก็ได้ทราบว่าเสบียงอาหารของแคว้นม่อหยวนถูกเพลิงเผาไหม้จนหมดอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งเหล่าทหารต่างได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เสบียงกองทัพที่ถูกทำลายก็เป็นเสบียงที่ทางการแคว้นม่อหยวนเพิ่งส่งมาถึง ต้องรออีกร่วมหลายเดือนกว่าทางการจะจัดส่งมาให้อีกครา กองทัพแคว้นม่อหยวนเริ่มระส่ำระสายเป็นอย่างมาก หยางเซียวหลิ่นยกยิ้มมุมปาก นับว่าสถานการณ์ยังดี สวรรค์ยังเข้าข้างเขา เมื่อออกมาที่นอกเรือนพัก เขาก็พบว่าเหล่าทหารกำลังช่วยกันแล่เนื้อกวางอย่างพิถีพิถัน หยางเซียวหลิ่นขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยถาม "กวางสามตัวนี่ พวกเจ้าไปล่ามาหรือ?" เหล่าทหารที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำความเคารพหยางเซียวหลิ่นก่อนจะเอ่ยตอบ "ทูลองค์รัชทายาท ยามเช้ามืดมีพ่อค้าชราจากต่างแดนผ่านมาพอดี เขามอบกวางตัวใหญ่ให้เหล่าทหารถึงสามตัว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพ่ะย่ะค่ะ" "เช่นนั้นหรือ? ยามนี้เขาอยู่ที่ใด ข้าอยากขอบคุณเขาด้วยตนเอง" "ยามนี้คงออกเดินทางไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หยางเซียวหลิ่นรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เหล่าทหารอดอยากมานาน การได้กินอาหารดีดีเช่นนี้นับเป็นเรื่องดี เขาจ้องมองกวางใหญ่สามตัวนั้นด้วยสายตาที่ครุ่นคิด ก่อนจะคิดถึงใครบางคน ยามที่มู่หรงเจวี๋ยยังเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็มักจะเข้าป่า ล่าสัตว์ป่า ล่ากวางมาให้เหล่าทหารได้กินอิ่มหนำ หรือว่า... หยางเซียวหลิ่นส่ายหน้าไปมาพลางครุ่นคิด เป็นไปไม่ได้ เขาคงคิดถึงมู่หรงเจวี๋ยมากไปจึงเป็นเช่นนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม