บทที่ 17 สหายใหม่
มู่หรงเจวี๋ยใช้เวลาร่วมเดือนก็เดินทางกลับมาถึงรังโจรของเขาพร้อมกับอาหารมากมาย หนิงซือซือที่ได้ยินเสียงอึกทึกด้านนอกห้องก็พอจะคาดเดาได้ในทันที
จอมมารกลับมาแล้ว!!!
จินเย่ว์ดีใจอย่างออกนอกหน้านางวิ่งเข้าไปกอดแขนมู่หรงเจวี๋ยทันที แต่ทว่าเมื่อถูกสายตาตำหนิของเขามองเข้า นางก็ทำได้เพียงก้มหน้า และจัดการนำอาหารที่ได้มาไปเก็บเอาไว้
ที่รังโจรแห่งนี้มีสตรีอยู่หลายสิบคนรวมถึงเด็ก ๆ อีกหลายชีวิต ส่วนใหญ่เป็นภรรยาของเหล่าโจร ต่างคนต่างใช้ชีวิตร่วมกันได้เป็นอย่างดี
มู่หรงเจวี๋ยที่เห็นว่ารังโจรของเขาสุขสงบดีก็ค่อนข้างเบาใจไม่น้อย โจวเซิงบอกว่ามีเหล่าโจรจากอีกฟากหนึ่งแวะเวียนมาในช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่โจวเซิงก็เฝ้าระวังเป็นอย่างดี
มู่หรงเจวี๋ยแววตาเย็นเยียบเมื่อนึกถึงโจรฝั่งตรงข้ามเหล่านั้น ก่อนจะมาที่นี่เขาเคยเข้าไปในรังโจรฝั่งนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาถูกพวกมันทารุณปางตาย ทั้งอดมื้อกินมื้อ เพราะไม่สามารถสู้กับพวกมันที่มีจำนวนมากกว่าได้ กว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้พร้อมกับหานอวี้ ยามนั้นเขาหาทางออกให้หานอวี้หนีออกไปพร้อมป้ายหยกสั่งการ เพื่อตามหาทหารลับของท่านพ่อให้มาช่วยเขา วันแล้ววันเล่า ท้ายที่สุดเขาก็ถูกหานอวี้ที่กลับมาพร้อมทหารลับช่วยออกมาได้ รังโจรของพวกมันถูกหานอวี้ทำลายจนมีสภาพที่ค่อนข้างยับเยินไม่น้อย เพราะหานอวี้เห็นว่าเขาอ่อนแรง จึงไม่ได้สังหารพวกมันให้สิ้นซาก รีบหาทางพาเขามารักษาตัวก่อน
แล้วเขาก็ได้มาพบกับรังโจรที่นี่ ผู้คนที่นี่ถูกโจรฝั่งนั้นรังแกมาโดยตลอด เมื่อเขาสามารถล้มโจวเซิงและขึ้นมาเป็นหัวหน้าโจรแทน ท้ายที่สุดโจรฝั่งนั้นก็ไม่กล้ายุ่งกับเขาอีก
มู่หรงเจวี๋ยโยนแส้ม้าในมือให้โจวเซิง ก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนของเขา พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ยามนี้สตรีอัปลักษณ์นางนั้นคงนอนตายคาโซ่ไปแล้วกระมัง
หนิงซือซือที่กำลังเหม่อมองสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อยพลันหยุดชะงักลง ก่อนจะหันกลับมามองและพบกับมู่หรงเจวี๋ยที่กำลังก้าวเดินเข้ามาในห้อง
ยามนี้เขาไม่ได้สวมหน้ากาก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเขาได้อย่างชัดเจน หนิงซือซือคล้ายสังเกตได้ว่าเขาดูซูบผอมลงไปมากนัก
ช่างสิ!!! ผอมตายไปเลยยิ่งดี!!!
มู่หรงเจวี๋ยปรายตามองหนิงซือซือก่อนจะเอ่ยทักทายนางด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
"ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก นับว่าดวงแข็งไม่เบา"
หนิงซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยีมองเขาอย่างท้าทายเช่นเดียวกัน
"ข้าก็คิดว่าท่านตายอยู่ที่ใดสักที่แล้วเช่นกัน ไม่คิดว่าจะไสหัวกลับมา"
"หนิงซือซือ เจ้านี่มันน่าตัดลิ้นทิ้งเสียจริง ๆ "
"อย่าเข้ามานะ!!!"
มู่หรงเจวี๋ยส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาหาหนิงซือซือ
"รู้หรือไม่ว่าข้าพบเจอผู้ใดมา"
"ไม่รู้!"
"บิดาของเจ้าอย่างไรเล่า?"
หนิงซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เมื่อนึกถึงท่านพ่อนางเองก็ลอบแค่นเสียงหัวเราะในใจคราหนึ่ง
ร่วมหลายเดือนแล้วที่นางถูกจับตัวมาอยู่ในรังโจรบัดซบแห่งนี้ แต่กลับไร้วี่แววของท่านพ่อ พวกเขาคงไม่เคยส่งคนออกมาตามหานาง พวกเขาคงทอดทิ้งนางเพราะเกรงว่านางกลับไปมีแต่จะสร้างความอัปยศให้แก่คนตระกูลหนิง สตรีที่หายตัวไปพร้อมกับโจรป่าจะเป็นตัวอะไรได้
หากเป็นหนิงเซียนพี่หญิงใหญ่ของนางที่เป็นคนหายตัวไป นางอยากจะรู้ยิ่งนักว่าท่านพ่อจะตามหาหรือไม่ แต่ถ้าให้นางคาดเดาสถานการณ์นางรู้ดีว่าท่านพ่อย่อมไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่
มู่หรงเจวี๋ยคล้ายสัมผัสได้ถึงแววตาหม่นเศร้าของนาง แต่เพียงครู่เดียวนางก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม
"ท่านพ่อข้าน่าจะฆ่าท่านเสีย"
"ฮ่า ๆ ๆ คนอย่างพ่อเจ้าน่ะหรือจะฆ่าข้าได้ ฝันไปเถิด คนไร้สมองเช่นนั้นต้องถูกข้าสังหารจึงจะถูก"
หนิงซือซือคร้านจะเถียงกับมู่หรงเจวี๋ยแล้ว นางจึงขยับกายถอยหนี แต่ทว่าเพราะใบหน้าอยู่ใกล้กันมากเกินไป จมูกของนางจึงเผลอไปชนกับแก้มของเขา มู่หรงเจวี๋ยชะงักไปคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา
"เจ้านี่ หาทางยั่วยวนข้าทุกวิถีทางเลยนะ"
"ใครยั่วท่านกัน หลงตนเองยิ่งนัก แน่จริงขยับหน้ามาใกล้อีกรอบสิ ข้าจะได้ตบให้หน้าหัน!"
มู่หรงเจวี๋ยแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะยื่นมือไปปลดโซ่ตรวนออกจากขาขาวเนียนของนางที่บัดนี้เป็นรอยแดงวงรอบขาอย่างเห็นได้ชัด หนิงซือซือที่ได้เห็นเช่นนั้นแววตาก็เป็นประกายทันที แต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้นางแทบอยากจะหยิบโซ่ขึ้นมาตรึงขาตนเองอีกรอบ
"ลุกขึ้นมา ไปทำงาน อย่ามานอนกินเช่นนี้ ไปช่วยจินเย่ว์หาสมุนไพร แล้วกลับมาทำอาหาร หากทำไม่อร่อย ข้าจะตัดมือเจ้าทิ้ง!!!"
"โอ๊ย!!! ข้าเจ็บขานะ โดนโซ่ตรึงไว้นานร่วมเดือนจะให้เดินรวดเร็วได้เช่นไรกัน!!!"
"ขาเจ้านี่ไม่ใช่ขาข้า หากเดินไม่ได้ก็คลานไปเสีย!!!"
"คนบัดซบ!!! สารเลว!!!"
"ขืนเจ้าพูดอีกคำเดียวข้าจะใช้มีดสับปากเจ้า"
หนิงซือซือพยายามข่มกลั้นโทสะ ไม่ทะเลาะกับคนจิตป่วยอย่างมู่หรงเจวี๋ย นางพยายามเดินอยู่ครู่หนึ่งก็พอเดินได้ แม้จะทุลักทุเลมากนักก็ตาม
เมื่อเดินออกมาที่ด้านนอก นางก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
นั่นมันเนื้อกวางใช่หรือไม่!!!
นางชอบยิ่งนัก!
หากนำไปตุ๋นเป็นน้ำแกงรสชาติต้องเยี่ยมยอดมากเป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหนิงซือซือจึงรีบเดินเข้าไปหาเนื้อกวางทันที แต่ทว่ากลับถูกมู่หรงเจวี๋ยดึงเสื้อด้านหลังเอาไว้เสียก่อน นางจึงหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
"มีสิ่งใด ข้ากำลังจะไปทำงาน!!!"
"ข้าสั่งว่าให้เจ้าไปช่วยจินเย่ว์เก็บสมุนไพรก่อน เจ้าหูตึงหรือ? แล้วอย่าคิดหนีเชียวล่ะ ข้าสั่งจินเย่ว์เอาไว้แล้ว หากเจ้าคิดหนีให้ตีจนขาหักได้เลย"
หนิงซือซือปัดมือของมู่หรงเจวี๋ยออกอย่างรังเกียจ ก่อนจะเดินตามเขาไปหาจินเย่ว์ทันที
หลายวันมานี้จินเย่ว์ดูจะเป็นมิตรกับนางขึ้นมาไม่น้อย ระหว่างที่เก็บสมุนไพรด้วยกัน จินเย่ว์ก็คอยบอกนางว่าสมุนไพรชนิดใดใช้อย่างไรบ้าง เดินกันอยู่นานด้วยความเหนื่อย หญิงสาวทั้งสองจึงนั่งพักที่ริมลำธาร
หนิงซือซือสังเกตเห็นว่าจินเย่ว์มีท่าทีเศร้าสลด นางจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"นี่จินเย่ว์ เจ้าเป็นอันใดไป ปกติเจ้าชอบด่าข้านี่ เหตุใดวันนี้จึงเงียบเช่นนี้เล่า"
จินเย่ว์หันมามองหนิงซือซือก่อนจะร้องไห้ออกมา
"ฮืออ พี่เหล่ยบอกว่าเขาไม่เคยรักข้า ข้าไปสารภาพรักกับเขาเมื่อครู่นี้ แต่เขากลับบอกว่าเห็นข้าเป็นเพียงน้องสาว ฮือ ข้าไม่อยากเป็นน้องสาวเขา ข้าอยากเป็นเมียเขา"
หนิงซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปั้นหน้าไม่ถูก ให้ตายเถอะ เจ้าหมอนั่นมันมีดีแค่ความหล่อ แต่อย่างอื่นไม่เห็นจะดีแถมจิตยังป่วยเข้าขั้นอันตราย จินเย่ว์ไปรักคนเช่นนั้นลงได้อย่างไรกันนะ
หนิงซือซือยื่นมือไปจับไหล่ของจินเย่ว์คราหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ
"เอาน่า เขาไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก คนอะไรนิสัยป่าเถื่อน ดุร้าย หน้าตาก็ไม่ดี ทุเรศ อุบาทว์ สารเลว จิตป่วย!!!"
จินเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมามองหนิงซือซือคราหนึ่ง
"นี่เจ้าไม่ได้ชอบพี่เหล่ยจริง ๆ หรือ ข้าคิดว่าที่เขาไม่รับรักข้าเป็นเพราะเจ้า"
"เจ้าจะบ้าหรือ!!! เขาจับข้ามาทรมาน เจ้าใช้ตาข้างใดมองกันว่าเขาชอบข้า ขนลุกจริงเชียว!!!"
"ก็จริง"
จินเย่ว์พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะหันมามองหนิงซือซืออย่างตัดพ้อ
"แต่ถ้าหากว่าพี่เหล่ยชอบเจ้า ข้าก็คงทำสิ่งใดไม่ได้ ฮืออ ข้ายอมแพ้ก็ได้"
"จินเย่ว์ หยุดยัดเยียดตัวหายนะให้ข้าเสียที ข้าไม่ชอบเขาหรอก ไป! กลับกันได้แล้ว จะมืดค่ำแล้วข้าหิว"
หนิงซือซือรู้สึกเห็นใจจินเย่ว์ไม่น้อย นางยื่นมือไปจับมือจินเย่ว์เพื่อให้เดินกลับไปพร้อมกัน จินเย่ว์เองก็ไม่ได้มีท่าทีอิดออด เพราะการได้สนทนาและอยู่ใกล้กัน ทำให้หนิงซือซือรู้ว่าแท้จริงแล้วจินเย่ว์ก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่ง
"นี่จินเย่ว์ เจ้าสอนข้าปรุงยาบ้างสิ ข้าอยากเรียนรู้จากเจ้า"
"คุณหนูอย่างเจ้าน่ะหรือจะทำได้?"
"ลองดูก็ไม่เสียหายนี่ นะ ๆ ข้าจะนับถือเจ้าเป็นอาจารย์ข้าก็ได้"
"พอได้เรียนแล้วเจ้าอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน!!! เออ! ข้าลืมชื่อเจ้าแล้ว เจ้าชื่ออะไรนะ"
"ซือซือ หัดจำใส่สมองซะบ้างสิ!"
"นี่เจ้า!!! เหอะ!!! มิใช่ว่าแกล้งมาตีสนิทกับข้าเพราะคิดหาทางหนีหรอกนะ ฝันไปเถิด"
"ข้าจะหนีไปที่ใดได้ ข้ายอมแพ้แล้วละ เห็นทีชีวิตข้าคงจะต้องแก่ตายอยู่ในรังโจรบัดซบนี่แล้ว!!!"
ฟ่อฟ่อ
ในขณะที่หนิงซือซือและจินเย่ว์กำลังเดินกลับรังโจรพร้อมกับสมุนไพรมากมาย พลางสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันนางทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง
หนิงซือซือและจินเย่ว์รีบหันกลับไปมองทันที ก่อนจะต้องตกใจจนหน้าซีด
"งู!!!"
"จินเย่ว์ระวัง"
"ซือซือ!!!"