บทที่ 18 ป้อนยา
ยามนี้ภายในเรือนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพร ส่วนหนิงซือซือนอนหมดสติอยู่บนเตียง บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาตลอดเวลา ที่บริเวณขาซ้ายมีรอยเขี้ยวของอสรพิษปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
จินเย่ว์กำลังพยายามหาทางรักษาหนิงซือซืออย่างสุดกำลัง นางปรุงยาไปร้องไห้ไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะหนิงซือซือผลักนางออกมา ทำให้ถูกงูกัดแทนนาง จินเย่ว์ลนลานทิ้งสมุนไพรทั้งหมด ก่อนจะประคองหนิงเซียนพากลับมาที่รังโจรด้วยความหวาดหวั่น
มู่หรงเจวี๋ยจ้องมองร่างของสตรีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ยิ่งได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของจินเย่ว์ ว่านางเป็นคนช่วยจินเย่ว์ให้พ้นจากอันตรายในครานี้ ใจของเขาก็รู้สึกสับสนไปชั่วขณะ
แท้จริงแล้ว เจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่หนิงซือซือ?
"พี่เหล่ย จินเย่ว์มาแล้ว"
มู่หรงเจวี๋ยหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าจินเย่ว์กำลังวิ่งเข้ามาพร้อมยาอีกหลายหม้อ นางทิ้งกายนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยกับหนิงซือซือที่ไม่ได้สติด้วยน้ำเสียงที่เจือสะอื้น
"เจ้าห้ามตายนะ!!! หากเจ้าตายข้าจะตามไปขุดหลุมศพเจ้าขึ้นมา เจ้าบอกเองว่าจะเรียนการปรุงยากับข้า ฮือ!!! ข้าเกลียดเจ้าแล้ว!!!"
จินเย่ว์ร้องไห้ไปพลางนำสมุนไพรที่นางบดจนละเอียดวางลงไปบนแผลที่ขาของหนิงซือซืออย่างรีบร้อน
"จินเย่ว์ เจ้าหยุดร้องไห้แล้วหันมาตอบคำถามข้า"
จินเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตน ก่อนจะหันไปมองมู่หรงเจวี๋ย
"พี่เหล่ยจะถามเรื่องใดหรือเจ้าคะ"
"เจ้ารักษานางได้หรือไม่ หากไม่ได้ข้าจะให้หานอวี้ตามหมอมา"
มู่หรงเจวี๋ยเอ่ยถามจินเย่ว์พลางครุ่นคิดในใจไปด้วย การจะตามท่านหมอเข้ามาในรังโจรไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ หากผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ย่อมไม่ส่งผลดีต่อทุกคนที่นี่
มีเพียงทางเดียวคือพาท่านหมอมา หลังจากหนิงซือซือหายดีก็จัดการสังหารท่านหมอทิ้งเสีย!!!
จินเย่ว์จ้องมองมู่หรงเจวี๋ยด้วยแววตาที่มุ่งมั่นก่อนจะเอ่ยตอบ
"ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องให้พี่เหล่ยช่วย"
"ช่วยสิ่งใด"
"ยาสมุนไพรนี้ต้องนำมาวางบนแผลทุก ๆ หนึ่งเค่อเพื่อให้มันลดการอักเสบของบาดแผล ส่วนยาต้มนี่ ต้องทำให้นางกลืนลงไปให้ได้มากที่สุด จนนางสำรอกโลหิตออกมา นางจึงจะปลอดภัย ข้าจะไปเก็บสมุนไพรมาเพิ่ม ทางนี้คงต้องฝากพี่เหล่ยแล้ว หากรอข้ากลับมาเกรงว่าจะไม่ทันการณ์"
มู่หรงเจวี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้จินเย่ว์
"ได้ เจ้าไปเถิด ข้าจะเฝ้านางเอง"
"เจ้าค่ะ"
จินเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที ทิ้งให้มู่หรงเจวี๋ยอยู่กับหนิงซือซือเพียงลำพัง
ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ซีดขาวของนางพลางครุ่นคิดในใจ
หากข้าปล่อยให้เจ้าตาย แล้วนำศพของเจ้าไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลหนิง บิดาเจ้าคงร้องไห้แทบขาดใจตายเป็นแน่
แต่อีกใจหนึ่งข้าก็อยากจะทรมานเจ้าให้สาแก่ใจ ใช้เจ้าให้เกิดประโยชน์เพื่อการล้างแค้นของข้า!!!
มู่หรงเจวี๋ยหลับตาลงพยายามข่มกลั้นอารมณ์ เขาจัดการทำตามที่จินเย่ว์บอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การป้อนยาให้หนิงซือซือไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเอาไว้ เขาใช้ช้อนป้อนยาใส่ปากนางเท่าใด นางก็สำลักยาออกมาจนหมด หากนางไม่กินเห็นทีนางคงไม่รอดคืนนี้เป็นแน่
"กินเสีย ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย!!!"
มู่หรงเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่คล้ายสตรีที่นอนอยู่จะไม่รับรู้ถึงคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
"ทะ ท่านย่า!!! ท่านย่า!!!"
เสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ของนางทำให้มู่หรงเจวี๋ยชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดใดออกมาทางสีหน้า เพียงจ้องมองนางอยู่เช่นนั้น
หนิงซือซือยังคงสำลักยาทุกคราที่เขาป้อนนาง โชคดีที่จินเย่ว์ต้มยาเอาไว้หม้อใหญ่ มู่หรงเจวี๋ยยื่นมือไปแตะหน้าผากของนาง ก็พบว่านางตัวร้อน มีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ได้การแล้ว!!!
มู่หรงเจวี๋ยหลับตาลงอีกครา มือของเขากำถ้วยยาเอาไว้แน่น ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง
ช่างเถิด!!! ถือว่าทำตามคำขอของจินเย่ว์
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกถ้วยยาขึ้นมาดื่มก่อนจะยื่นมือไปประคองหนิงซือซือขึ้นมา ศีรษะของนางแนบชิดแผงอกของเขา ร่างบางสั่นเทาเล็กน้อย มู่หรงเจวี๋ยยื่นมือไปเชยคางของนางให้เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะโน้มใบหน้าของเขาเข้าไปหานาง พร้อมกับทาบทับริมฝีปากของตนลงไปบนริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบา
รสยาขมฝาดไหลผ่านลำคอของหนิงซือซือ หญิงสาวมีท่าทีต่อต้านเล็กน้อยจนชายหนุ่มต้องจับนางเอาไว้ เขาทำเช่นนี้หลายต่อหลายครา จนในที่สุดนางก็สำรอกโลหิตสีดำออกมา ก่อนจะหมดสติไปอีกครา
จินเย่ว์กลับมาถึงพอดี เมื่อได้ยินว่าหนิงซือซือสำรอกโลหิตออกมาแล้ว นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก
"พี่เหล่ยท่านเก่งกาจยิ่งนัก ท่านป้อนยานางเช่นไรนางจึงกินหมด ข้าพยายามตั้งหลายครั้งนางก็สำลักยาออกมาทุกรอบเลย"
มู่หรงเจวี๋ยมีสีหน้าที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก เขาเบือนหน้าหันไปมองทางอื่น ก่อนจะพยายามเอ่ยตอบจินเย่ว์ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด
"ข้าขู่นาง ว่าถ้านางไม่ยอมกินยา ข้าจะยกนางให้เป็นภรรยาของโจวเซิง นางคงกลัวจะได้เป็นพี่สะใภ้เจ้า จึงยอมกิน"
จินเย่ว์ "..."
เหตุผลอันใดกัน? เรื่องจริงหรือ?
พี่เหล่ยโกหกข้าหรือไม่นะ? เหตุใดข้าจึงรู้สึกฟังไม่ขึ้นกันนะ
มู่หรงเจวี๋ยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เขาหันหลังเดินจากไปโดยไม่มองหนิงซือซืออีก
เวลาล่วงเลยมาจนถึงใกล้ช่วงปลายวัสสานฤดู ยามนี้หนิงเซียนกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับหยางเซียวหลิ่น นางลงมือปักผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวด้วยตนเอง ชีวิตของสตรีเช่นนางสามารถแต่งงานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นางไม่มีวันยอมให้ช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้ ผ่านพ้นไปโดยไม่มีความทรงจำดีดีเป็นอันขาด
นางจะต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุด เป็นไท่จื่อเฟยที่น่าเกรงขาม และเป็นฮองเฮาที่เปี่ยมไปด้วยบารมีหาสตรีใดเทียบเคียง!!!
หนิงเซียนยืนรับลมอยู่ที่ศาลาริมสระบัวที่ท้ายจวน ที่นี่เป็นสถานที่ร่มรื่นที่นางชื่นชอบมากที่สุด ใบหน้าสวยหวานยิ้มอย่างมีความสุขในวาสนาของตน
ฉับพลันก็มีธนูดอกหนึ่งพุ่งมาจากทิศทางใดไม่อาจทราบได้ ปลายลูกธนูเฉียดแก้มขาวเนียนของนางจนเป็นแผลใหญ่ โลหิตสีแดงฉานไหลหลั่งลงมาอาบแก้มสวยของนางช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
"อ๊าาา ละ เลือด!!! หน้าข้า!!! หน้าข้า!!! กรี๊ดดดดด!!! หน้าของข้า!!!"