ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปยังบริเวณสระว่ายน้ำที่มีพวกเพื่อนของครามนั่งอยู่
"ไง" ก็มีเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น คนคนนั้นก็คือแวม เพื่อนคนตัวสูงนั่นเอง ฉันพอจะรู้จักเขาอยู่น่ะ เราเจอกันค่อนข้างหลายครั้ง เอาจริง ๆ ทุกคนคือรุ่นพี่ทั้งหมดเลย แต่ด้วยความที่ไม่ได้เรียกมาร์ตินว่าพี่ตั้งแต่แรกมั้ง มันเลยทำให้ฉันเรียกแค่ชื่อตามปกติ พวกเขาเองก็ไม่ได้ถืออะไร
"..." ฉันเพียงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไป
"มาแทนพ่อแม่เหรอ" วอร์ม พี่ชายฝาแฝดของแวมถามต่อ
"อื้ม" ฉันพยักหน้าเบา ๆ
"นั่งสิ" ครามเดินเข้ามาเอ่ยบอก
"ออ ขอบคุณนะ" ฉันยิ้มตอบพลางทำท่าจะนั่งลงด้านข้างคราม แต่…อยู่ ๆ มาร์ตินที่นั่งอยู่อีกด้านก็เอื้อมมือมากระชากให้ไปนั่งลงด้านข้างเขาแทน
"น่ารำคาญ" ปากหนาเอ่ยออกมาโดยที่ฉันก็นั่งลงด้วยสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ
เขาเป็นคนดึงให้ฉันนั่งลงเองนะ แล้วไอ้คำว่ารำคาญเนี่ย มันหมายความว่ายังไงกัน?
"หึ" เสียงของวอร์มที่นั่งอยู่หัวเราะออกมา
"หัวเราะเหี้ยไร" ใบหน้าหล่อหันไปมองหน้าถามเพื่อนตัวเอง
"เปล๊า" ฝ่ายนั้นตอบด้วยท่าทีกวน ๆ
"สัส" มาร์ตินพูดใส่เพื่อนไปก่อนจะหันมาสบตาฉันที่มองหน้าเขาอยู่
"มองอะไร" สุดท้ายก็วนกลับมาหาเรื่องฉันอีกจนได้
"..." ฉันเลยหันหน้าหนีไปอีกทางโดยไม่ตอบอะไรเพื่อตัดปัญหา
"เออไอ้มาร์ติน แล้วสรุปหุ้นที่กูบอก มึงสนใจเปล่า" แวมถามขึ้น
"ร้านเหล้านั่นอะนะ?"
"เออ"
"ทำไมเพื่อนมึงขาย?"
"เส้นแม่งไม่แรงพอ โดนตำรวจลงทุกวัน"
"ถิ่นใครวะ"
"ลูกน้องพ่อมึงแหละ"
"งั้นเหรอ..." คนตัวสูงก็นิ่งเพื่อนั่งคิดตัดสินใจ พวกเขาคงกำลังจะลงทุนทำอะไรกันสักอย่างสินะ
"ชื่อร้านว่าไรวะ" มาร์ตินถาม
"Blue moon" แวมตอบ ซึ่งนั่นทำเอาฉันชะงักไป
บลูมูนงั้นเหรอ...ชื่อร้านคุ้นจัง
"เออ ลงก็ได้..."
"...กูเข้าไปคุยรายละเอียดได้เมื่อไหร่"
"คืนนี้"
"ดี งั้นเดี๋ยวดึก ๆ กูไป"
"เออ เดี๋ยวกูบอกผู้จัดการร้านไว้ให้ ไอ้ปราบ..."
"ไอ้ปราบอะนะ?"
"เออ มันก็มีหุ้นอยู่ แต่เสือกชอบทำตัววุ่นวายเป็นผู้จัดการเอง"
"มันคงเหงา..."
"...งั้นเดี๋ยวกูคุยกับมันเอง"
"เออ เอางั้นก็ได้"
"..." ฉันก็นั่งฟังมาร์ตินกับแวมคุยกันอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่ง...
"เบื่อไหม" ครามยิ้มพลางเอ่ยถามฉันที่นั่งอยู่
"เอ่อ...ก็นิดหน่อย" ฉันตอบกลับ
"ตอบตรงดีจัง"
"..." ฉันก็ยิ้ม
"งั้นกินอะไรไหม เดี๋ยวฉัน..."
"กูก็นั่งอยู่ ไม่เห็นมึงจะถาม" เสียงทุ้มของร่างสูงที่นั่งคุยธุระอยู่ตอนแรกโพล่งขึ้นพลางมองหน้าเพื่อนตัวเอง
"เห็นมึงคุยธุระอยู่" ครามตอบกลับ
"หึ แค่นั้นจริงเหรอ"
"..." แล้วทั้งสองก็ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันนิ่ง ทำให้ฉันที่เหมือนอยู่ตรงกลางของพวกเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา
"เฮ้ย อะไรของพวกมึงวะ..."
"...ทำเหมือนศึกชิงนางไปได้" แวมทำเป็นแซวขึ้น
"หึ ชิงยัยนี่งั้นเหรอ..."
"...ให้ฟรี กูยังไม่อยากเอาเลย"
"..." ฉันก็ชะงักนั่งนิ่งไปกับคำพูดที่ออกมาจากปากหนานั่น
จุกชะมัด...
หน้าชาเป็นแถบ ๆ เลย แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องเงียบลงไปกว่าเดิม กับประโยคต่อมาของคราม
"ถ้ามึงไม่เอา ก็ถอนหมั้นดิวะ..."
"...กูรออยู่" ไม่ใช่ฉันไม่รู้ว่าความหมายในประโยคนั้นมันคือยังไง
ฉันรู้...รู้ดีเลยแหละ
"เฮ้ย เปลี่ยนเรื่องเหอะว่ะ ไม่เอา" วอร์มรีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพื่อทำลายบรรยากาศแสนอึดอัดพวกนั้น
"ไอ้ครามมึงนี่ก็...พูดอะไรไม่รู้" แวมหันไปเอ็ดเพื่อนตัวเอง
"กูพูดเรื่องจริง ถ้าไม่ใช่คู่หมั้นของไอ้มาร์ติน..." พรึ่บ จู่ ๆ ใบหน้าหล่อดูดีก็หันมามองหน้าฉัน
"...ก็คงมาเป็นคู่หมั้นกูแล้ว"
ปึง! เสียงแก้วกระทบลงบนโต๊ะอย่างแรงพร้อมกับร่างสูงที่ลุกขึ้นจะเดินไปเอาเรื่องเพื่อน
"มึงจะไม่หยุดใช่ไหม"
"เฮ้ย ใจเย็น" โชคดีที่วอร์มเข้ามากันไว้ได้ทัน
"ถ้าไม่ได้อะไร มึงจะโมโหทำไม" ครามเองก็ไม่หยุด
"กูไม่ได้โมโหที่มึงอยากได้ยัยนี่ แต่กูหงุดหงิดที่พูดจากวนส้นตีนไม่หยุดต่างหาก"
"กวนส้นตีนตรงไหน ก็กู..."
"ไอ้คราม หยุดเหอะ!" เสียงแวมตะโกนบอกทำให้ครามยอมไม่พูดอะไรออกมาต่อ
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนจะเป็นมาร์ตินที่สะบัดมือของวอร์มออกแล้วเดินมากระชากแขนฉันให้ไปกับเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดโมโหร้ายอย่างที่ชอบเป็น
ตึก!
ตึก!
"แม่งเอ๊ย!" ปากหนาสบถออกมาพร้อมกับมองหน้าฉันแววตาไม่พอใจ
"น่ารำคาญฉิบ แม่ง!" อะไรของเขาอีก
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
"หึ ไม่ได้ทำงั้นเหรอ..."
"...ไปอ่อยไอ้ครามท่าไหนล่ะ มันถึงได้..."
"มาร์ติน อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะ" ฉันมองหน้าพูดใส่อีกคนไปเสียงนิ่ง
ใช่ ฉันเองก็กำลังไม่พอใจกับคำพูดของเขา
"ทำไม ทำไมฉันจะพูดไม่ได้"
"เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงไง ฉันไม่ได้อ่อยใคร"
"คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอวะ ไอ้ครามมันดูอยากได้เธอมากขนาดนั้น"
"ใครก็อยากได้ฉันทั้งนั้นแหละ...ยกเว้นนาย"
"..." คนตรงหน้าชะงักไปทันทีกับท่าทางและคำพูดของฉัน
"ถ้านายลองเปิดตาดูจะรู้..."
"...ว่าฉันยังมีค่าและเป็นที่ต้องการสำหรับใครอีกหลายคน"
"ที่ไม่ใช่ฉัน" มาร์ตินพูดพร้อมกับมองหน้าฉันแววตาเหยียด
"ฉันไม่ต้องการเธอ ไม่เคยต้องการ..."
"...สำหรับฉัน เธอมันก็แค่คู่นอนไร้ค่าคนหนึ่งที่รอเวลาหายจากชีวิตฉัน...ก็แค่นั้น" พูดจบ คนตัวสูงจึงหันหลังเดินออกไป ทิ้งให้ฉันยืนนิ่งมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความรู้สึกชาที่หน้า เจ็บในใจ...
'...สำหรับฉัน เธอมันก็แค่คู่นอนไร้ค่าคนหนึ่ง...'
ไร้ค่า...ฉันมันก็แค่คนไร้ค่าสำหรับเขาจริง ๆ นั่นแหละ
จุกดี...
ด้านมาร์ติน
สองเท้าหนาเดินถือซองบุหรี่ลงจากรถหรูตรงไปยังบริเวณร้านเหล้าชื่อดังที่เขาจะเข้ามาพูดคุยรายละเอียดเพื่อซื้อหุ้นต่อจากเพื่อนของแวม
"แม่งเอ๊ย!" แต่ในขณะที่เดินอยู่นั้น หัวของเขาก็นึกถึงแต่คำพูดครามที่ฉายเข้ามาซ้ำ ๆ ไม่หยุด
'ถ้ามึงไม่เอา ก็ถอนหมั้นดิวะ...'
'...กูรออยู่'
'กูพูดเรื่องจริง ถ้าไม่ใช่คู่หมั้นของไอ้มาร์ติน...'
'...ก็คงมาเป็นคู่หมั้นกูแล้ว'
"หึ คู่หมั้นมึงงั้นเหรอ..."
"...สัส!" ใบหน้าหล่อเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเป็นที่สุด ก่อนที่มือเขาจะหยิบบุหรี่ขึ้นคีบแล้วจุดสูบเพื่อระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง
"แล้วกูเป็นเหี้ยไรวะ ถ้ายัยนั่นไปหมั้นกับไอ้ครามก็จะได้..." ยังไม่ทันที่คนตัวสูงจะพึมพำกับตัวเองจบ
"ว่าไงคะพ่อ" ก็มีเสียงหวานของใครบางคนวิ่งเข้ามากดรับโทรศัพท์หน้าตาตื่นอยู่ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่
"ไม่เลยค่ะ พ่อมีอะไรรึเปล่าคะ"
"วีก็คิดถึงพ่อค่ะ..."
"เปล่าซะหน่อย วีไม่ได้ร้อง"
"ร้องอยู่เห็น ๆ" ปากหนาเอ่ยออกมาเสียงเบาเมื่อเขาเห็นว่าร่างบางนั้นกำลังยืนร้องไห้ขณะคุยโทรศัพท์อยู่
"เอ่อ..."
"...อ่านหนังสือค่ะ พอดีพรุ่งนี้มีสอบย่อย"
"หึ อ่านหนังสืองั้นเหรอ" มาร์ตินเผลอแสยะยิ้มออกมากับคำโกหกของอีกคนที่ได้ยิน
"ค่ะ"
"ค่ะ วีก็คิดถึงพ่อมาก ๆ"
"ค่ะ ฝันดีนะคะพ่อ" ติ๊ด!
"ฟู่วว" เจ้าของใบหน้าเล็กพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยขึ้น
"อ่านหนังสือในร้านเหล้าเหรอ"
"..." หญิงสาวหันมองหน้าคนตัวสูงด้วยสีหน้างุนงง เพราะเธอ...ไม่รู้จักเขา
"ไม่ยักรู้ว่าที่นี่อ่านหนังสือได้" มาร์ตินยังคงพูดออกมา ทำให้ร่างบางที่ยืนอยู่นิ่งทำท่าจะเดินหนีไป แต่...
"หึ เด็กขี้โกหก"
"ฉันจำเป็นนะคะ" ปากเล็กอดที่จะหันไปตอบกลับไม่ได้
"แล้วฉันต้องเชื่อเธอเหรอ" เจ้าของใบหน้าหล่อถาม
"..." คนตัวเล็กก็นิ่งมองหน้าเขา
หน้าตาน่ารักดี...
มาร์ตินแสยะยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจกับหน้าตาของคนตรงหน้า
"จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณค่ะ แล้วนี่มันเป็นเรื่องของฉัน" พูดจบ สองเท้าเล็กจึงรีบก้าวเดินออกไปทันทีโดยมีสายตาลูกสส.ทรงอิทธิพลที่มองตามหลังเธอด้วยความรู้สึกถูกใจอย่างบอกไม่ถูก
"หึ น่าสนใจดีแฮะ"
@ในร้าน
"ไอ้ปราบ" เสียงเจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยทักทายเพื่อนตัวเองที่ยืนจัดการนั่นนี่อยู่
"อ้าว มาแล้วเหรอ"
"เออ" ร่างสูงขานตอบก่อนจะใช้มือส่งสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์ชงเหล้ามาให้เขา
"คุยกับไอ้แวมแล้ว?" ปราบถาม
"เออ แต่ก็ยังไม่ได้รู้รายละเอียดมาก"
"ปัญหาหลักคือตำรวจ"
"จ่ายเยอะ?"
"อืม เยอะ"
"..." มาร์ตินจึงพยักหน้ารับรู้พลางหยิบแก้วขึ้นมากระดกดื่ม
"กูไม่ได้บังคับ ถ้ามึงไม่อยากเข้าร่วมก็..." ยังไม่ทันที่ปราบจะพูดจบ คนตัวสูงพลันตอบกลับมาทันที
"ตกลง"
"ฮะ?" ปราบทำหน้างง แต่มาร์ตินก็ไม่สนใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดเขาอยู่ก็คือ... ผู้หญิงตัวเล็กในชุดเด็กเสิร์ฟต่างหากล่ะ คนที่เจอเมื่อกี้ก่อนเข้ามา...
@บ้านริชชี่
"นี่แกทะเลาะกับมาร์ตินงั้นเหรอ" วิโรจน์ พ่อของริชชี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเขารู้มาจากชัย คนขับรถของบ้านที่รับลูกสาวกลับจากงานวันเกิดคราม
"เปล่าค่ะ" ริชชี่เลือกที่จะก้มหน้าไม่ตอบความจริง
"โกหก..."
"...ถ้าไม่ได้ทะเลาะกับมาร์ติน แล้วทำไมเขาไม่มาส่งแก"
"..." คนตัวเล็กก็นิ่ง
"ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม อย่าทำอะไรให้มาร์ตินไม่พอใจ" เสียงทุ้มเอ่ยบอกลูกสาวตัวเองน้ำเสียงดุ
"ริชขอโทษ"
"คนที่แกต้องไปขอโทษคือมาร์ติน ไม่ใช่ฉัน!"
"แต่..."
"ไม่มีแต่! แกต้องไปขอโทษมาร์ตินเดี๋ยวนี้..."
"...แกรู้ไหม ถ้าเขาถอนหมั้นจะเกิดอะไรขึ้น"
"..." ริชชี่ก็ยืนนิ่งไปกับประโยคนั้น มันเป็นสิ่งที่เธอมักจะได้ยินจากปากผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด
"ย้ายไปอยู่กับมาร์ตินซะ เอาใจเขาให้ได้มากที่สุด"
"วะ... ว่าไงนะคะ" ใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมองพร้อมถามพ่อตัวเอง
"พรุ่งนี้ฉันจะให้คนขนของแกตามไป ส่วนวันนี้ก็ไปทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีจนกว่ามาร์ตินเขาจะพอใจ"
"พ่อ..." ปากเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบา
"ไปซะ รีบไป" วิโรจน์บอกพร้อมกับเลื่อนสายตาหลบอีกทาง
"..." ริชชี่ก็ยืนนิ่ง
"ไปสิ" ใบหน้าดุของคนเป็นพ่อจึงหันมาพลางเอ่ยบอกลูกสาวเสียงเข้ม
"ค่ะ" ร่างบางก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากได้ปฏิบัติตาม
"แล้วอย่าทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีก..."
"...จำไว้"