นวินก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของตนเอง เขาสตาร์ตเครื่องเปิดแอร์แต่ยังไม่ออกตัว เอื้อมมือไปหยิบสูทตัวที่พรธีราใช้คลุมตัวก่อนหน้า เขาจงใจเปิดแอร์ให้เย็นกว่าปกติเอง เพื่อที่จะได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษมัดใจหญิงสาว อะไรดลใจให้เขายกสูทตัวเองขึ้นดม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวยังติดอยู่บนเสื้อของเขา ปะปนไปกับกลิ่นน้ำหอมของเขาเอง ชายหนุ่มยกเสื้อขึ้นใกล้จมูก กดสูดกลิ่นจากเสื้อตัวเองเข้าเต็มปอด ก่อนจะโยนไว้ที่เดิม แล้วหมุนพวงมาลัยออกจากลานจอดรถไป
นวิน อมรศิริวัฒน์ ทายาทเจ้าของธุรกิจน้ำดื่มและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปส่งออกรายใหญ่ของประเทศ จบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ และได้ฝึกงานอยู่ที่นั่นจนอายุได้สามสิบสองปี เขาถึงได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย เพราะทางบ้านพร้อมแล้วที่จะยกธุรกิจของครอบครัวให้เขาได้ดูแลต่อ
“ผมยังไม่อยากทำงานเลยครับคุณพ่อคุณแม่ ขอพักผ่อนก่อนสักเดือนสองเดือนได้ไหมครับ” นวินต่อรองกับบุพการีทั้งสองท่าน หลังถูกรบเร้าให้เข้าสำนักงานใหญ่ในทันที ที่กลับถึงบ้านได้เพียงแค่อาทิตย์เดียว
“นั่นสิคะคุณกรฉันว่าลูกก็ดูแลบริษัทเราที่โน่นมาหลายปีแล้วเหมือนกัน กลับมาแบบนี้ให้ได้พักผ่อนไปก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้ไม่เครียดมากจนเกินไป” นางจินตภาเข้าข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
“คุณก็ตามใจลูกจริง ๆ เลยนะคุณสร้อย” นายภากรหันไปค้อนภรรยาเล็กน้อย
“อ้าวก็ลูกเรานี่คะไม่ให้ตามใจลูกแล้วจะไปตามใจใคร มีอยู่คนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับคุณพ่อคุณแม่ ว่าแต่คอนโดที่อยู่แถวสุขุมวิทของผมยังอยู่ไหมครับ” คนเป็นลูกรีบห้ามทัพก่อนเรื่องจะเลยเถิดไปกว่านี้
“ยังอยู่สิทำไมเหรอกันต์จะไปอยู่ที่นั่นแล้วเหรอ ไม่นอนบ้านกับแม่แล้วเหรอลูก” นางจินตนาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เอ่อ คือว่าผม”
“คุณสร้อยคุณนี่ไม่รู้อะไรเลย ลูกเราเป็นผู้ชายนะคุณ” เสียงตะกุกตะกักของคนเป็นลูก ทำให้นายภากรจำต้องเอ่ยออกมาแทน ด้วยเข้าใจในเจตนารมณ์ของลูกชายเป็นอย่างดี
“แม่ล่ะไม่ชอบเลยนะกันต์แบบนี้” ส่วนเป็นคนแม่ได้แต่มองค้อนสองพ่อลูกอย่างเคือง ๆ
“โธ่คุณแม่ครับผมไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลหรอกครับ”
“แล้วเมื่อไหร่จะเจอคนที่ใช่เสียทีล่ะกันต์ แม่ก็อยากได้ลูกสะใภ้อยากอุ้มหลานแล้วนะ”
“ไม่รู้สิครับก็คนมันไม่ใช่ คุณแม่จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ คุณพ่อช่วยผมด้วยครับ” นวินหันไปหาบิดาซึ่งท่านก็เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมช่วย
“ไม่ต้องมาพูดดีเลยกันต์ แม่ขอนะทำอะไรก็เอาที่เขาเต็มใจจริง ๆ ไม่ใช่ไปหลอกเขามานะ” คนเป็นแม่พูดดักคอลูกชายไว้ก่อน ส่วนคนเป็นลูกได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา
“ครับคุณแม่ งั้นผมขอตัวขึ้นบ้านก่อนนะครับ” ก่อนจะถูกทั้งคู่ซักไซ้มากไปกว่านี้ นวินก็ชิงขอตัวขึ้นห้องนอนเสียก่อน
“ทีนี้ล่ะรีบหนีเลยนะ ไปอยากไปไหนก็ไป” นางจินตภาโบกมือไล่กลาย ๆ
นวินได้ทีก็รีบเดินขึ้นบันไดบ้านไป เข้าห้องนอนได้ก็ตรงไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่มแรง ๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วใช้ความคิดในบางเรื่องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู ลองกดโทรออกไปหาใครบางคน
“สวัสดีค่ะ” ปลายสายทักทายเสียงหวาน
“สวัสดีครับคุณพรธีราจำผมได้ไหมครับ”
“คะ” อีกฝ่ายยังคงงง ๆ กับคนโทรมา
“ผมนวินที่ขับรถชนรถคุณไงครับ แล้วก็ยังไปส่งคุณที่โรงแรมบีด้วยจำได้ไหมครับ เราแลกเบอร์โทรกันไว้ด้วย” เขาเกรงว่าหญิงสาวจะนึกไม่ออก เลยรีบบอกเสียงเร็วปรื๋อ
“คุณนวินนั่นเอง ประกันแจ้งเรื่องซ่อมมาแล้วเหรอคะ”
“ครับผมจะโทรมาบอกว่าผมให้คนเอารถคุณไปซ่อมเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ความจริงไม่ต้องโทรมาบอกตอนนี้ก็ได้นะคะ มันมืดแล้วเอยเกรงใจค่ะ”
“หืม คุณแทนตัวเองว่าเอยเหรอครับน่ารักจัง”
“เอ่อ ขอโทษค่ะพอดีติดปาก”
“แต่ผมชอบนะครับ ต่อไปแทนตัวเองแบบนี้นะครับ ว่าไปแล้วผมก็อายุมากกว่าคุณหลายปีเลยนะครับ ให้เดาคุณคงเพิ่งยี่สิบใช่ไหมครับ” เขาหยอดปลายสายเสียงนุ่มชวนฟัง
“ยี่สิบสองค่ะ”
“นั่นปะไรครับ ผมแก่กว่าคุณตั้งสิบปีเลยนะครับ”
“สิบปีเลยเหรอคะ เท่าพี่ชายเอยเลยค่ะ แต่คุณดูยังหนุ่มแบบเหมือนวัยรุ่นอยู่เลย” พรธีราพูดตามความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ เขาดูหนุ่มกว่าอายุมาก
“ผมจะถือว่าเป็นคำชมนะครับน้องเอย”
พรธีราอึ้งไปหลังได้ยิน น้องเอยมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่เรียกเธอ ทำไมนวินถึงได้เรียกเธอแบบนี้ได้
“เอ่อ คือชื่อนั้น”
“คุณพรธีราเป็นน้องผมสิบปีนะครับ ผมเรียกน้องเอยนี่เหมาะสมที่สุดแล้วครับ” นวินเอ่ยคล้ายตัดสินใจเองเสร็จสรรพ ใจจริงเขาชอบคำว่าน้องเอยมากเป็นพิเศษ เพราะพัสวีเรียกชื่อนี้ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากปกติ จะดูหวงแหนและเต็มไปด้วยความรัก
“อ๋อค่ะ” หญิงสาวจำต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ผมโทรมารบกวนน้องเอยหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาเหมือนคนกำลังอมยิ้มอยู่บนหน้า แววตาคงยิ้มไปด้วยแน่ ๆ หญิงสาวได้ยินแล้วพลอยรู้สึกอบอุ่นตามไปด้วย
“ไม่รบกวนค่ะ เอยเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดีกำลังจะเป่าผมคุณก็โทรเข้ามาก่อน”
“ไม่เอาสิครับไม่เรียกคุณดูห่างเหินกันจัง เรียกพี่กันต์ได้ไหมครับ” เขาพูดเหมือนอ้อน
“พี่กันต์เหรอคะ” พรธีรารู้สึกว่าเขาจะรุกหนักจนเกินไป
“แบบนั้นแหละครับถูกแล้ว ผมฟังแล้วรู้สึกดีจัง”
“ได้ค่ะพี่กันต์งั้นถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว เอยขอเป่าผมต่อนะคะ” สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับคนปากหวานอย่างเขา ก่อนจะรีบตัดบทเกรงว่าจะยาวไปกว่านี้ อย่างไรเสียเขาคือคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ จะยอมสนิทสนมด้วยง่าย ๆ ก็เร็วเกินไป
“ครับฝันดีนะครับน้องเอย”
พรธีราหน้าแดงระเรื่อขึ้นหลังวางสาย ก่อนจะพวงแก้มร้อนเห่อตามมา นี่เธอกำลังจะถูกหนุ่มหล่อคนนี้ตามจีบอยู่เหรอ แค่คิดหัวใจก็เต้นแรงขึ้นตามความรู้สึก ก่อนจะรีบสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความสับสนนี้ออกไป
“ไม่ใช่หรอก ๆ”