ตอนที่ : 3 น้องสาวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด 3

1235 คำ
      นวินก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของตนเอง เขาสตาร์ตเครื่องเปิดแอร์แต่ยังไม่ออกตัว เอื้อมมือไปหยิบสูทตัวที่พรธีราใช้คลุมตัวก่อนหน้า เขาจงใจเปิดแอร์ให้เย็นกว่าปกติเอง เพื่อที่จะได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษมัดใจหญิงสาว อะไรดลใจให้เขายกสูทตัวเองขึ้นดม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวยังติดอยู่บนเสื้อของเขา ปะปนไปกับกลิ่นน้ำหอมของเขาเอง ชายหนุ่มยกเสื้อขึ้นใกล้จมูก กดสูดกลิ่นจากเสื้อตัวเองเข้าเต็มปอด ก่อนจะโยนไว้ที่เดิม แล้วหมุนพวงมาลัยออกจากลานจอดรถไป นวิน อมรศิริวัฒน์ ทายาทเจ้าของธุรกิจน้ำดื่มและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปส่งออกรายใหญ่ของประเทศ จบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ และได้ฝึกงานอยู่ที่นั่นจนอายุได้สามสิบสองปี เขาถึงได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย เพราะทางบ้านพร้อมแล้วที่จะยกธุรกิจของครอบครัวให้เขาได้ดูแลต่อ “ผมยังไม่อยากทำงานเลยครับคุณพ่อคุณแม่ ขอพักผ่อนก่อนสักเดือนสองเดือนได้ไหมครับ” นวินต่อรองกับบุพการีทั้งสองท่าน หลังถูกรบเร้าให้เข้าสำนักงานใหญ่ในทันที ที่กลับถึงบ้านได้เพียงแค่อาทิตย์เดียว “นั่นสิคะคุณกรฉันว่าลูกก็ดูแลบริษัทเราที่โน่นมาหลายปีแล้วเหมือนกัน กลับมาแบบนี้ให้ได้พักผ่อนไปก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้ไม่เครียดมากจนเกินไป” นางจินตภาเข้าข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง “คุณก็ตามใจลูกจริง ๆ เลยนะคุณสร้อย” นายภากรหันไปค้อนภรรยาเล็กน้อย “อ้าวก็ลูกเรานี่คะไม่ให้ตามใจลูกแล้วจะไปตามใจใคร มีอยู่คนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้”            “อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับคุณพ่อคุณแม่ ว่าแต่คอนโดที่อยู่แถวสุขุมวิทของผมยังอยู่ไหมครับ” คนเป็นลูกรีบห้ามทัพก่อนเรื่องจะเลยเถิดไปกว่านี้            “ยังอยู่สิทำไมเหรอกันต์จะไปอยู่ที่นั่นแล้วเหรอ ไม่นอนบ้านกับแม่แล้วเหรอลูก” นางจินตนาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงน้อยใจ            “เอ่อ คือว่าผม”            “คุณสร้อยคุณนี่ไม่รู้อะไรเลย ลูกเราเป็นผู้ชายนะคุณ” เสียงตะกุกตะกักของคนเป็นลูก ทำให้นายภากรจำต้องเอ่ยออกมาแทน ด้วยเข้าใจในเจตนารมณ์ของลูกชายเป็นอย่างดี            “แม่ล่ะไม่ชอบเลยนะกันต์แบบนี้” ส่วนเป็นคนแม่ได้แต่มองค้อนสองพ่อลูกอย่างเคือง ๆ            “โธ่คุณแม่ครับผมไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลหรอกครับ”            “แล้วเมื่อไหร่จะเจอคนที่ใช่เสียทีล่ะกันต์ แม่ก็อยากได้ลูกสะใภ้อยากอุ้มหลานแล้วนะ”            “ไม่รู้สิครับก็คนมันไม่ใช่ คุณแม่จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ คุณพ่อช่วยผมด้วยครับ” นวินหันไปหาบิดาซึ่งท่านก็เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมช่วย            “ไม่ต้องมาพูดดีเลยกันต์ แม่ขอนะทำอะไรก็เอาที่เขาเต็มใจจริง ๆ ไม่ใช่ไปหลอกเขามานะ” คนเป็นแม่พูดดักคอลูกชายไว้ก่อน ส่วนคนเป็นลูกได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา            “ครับคุณแม่ งั้นผมขอตัวขึ้นบ้านก่อนนะครับ” ก่อนจะถูกทั้งคู่ซักไซ้มากไปกว่านี้ นวินก็ชิงขอตัวขึ้นห้องนอนเสียก่อน            “ทีนี้ล่ะรีบหนีเลยนะ ไปอยากไปไหนก็ไป” นางจินตภาโบกมือไล่กลาย ๆ            นวินได้ทีก็รีบเดินขึ้นบันไดบ้านไป เข้าห้องนอนได้ก็ตรงไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่มแรง ๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วใช้ความคิดในบางเรื่องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู ลองกดโทรออกไปหาใครบางคน            “สวัสดีค่ะ” ปลายสายทักทายเสียงหวาน            “สวัสดีครับคุณพรธีราจำผมได้ไหมครับ” “คะ” อีกฝ่ายยังคงงง ๆ กับคนโทรมา “ผมนวินที่ขับรถชนรถคุณไงครับ แล้วก็ยังไปส่งคุณที่โรงแรมบีด้วยจำได้ไหมครับ เราแลกเบอร์โทรกันไว้ด้วย” เขาเกรงว่าหญิงสาวจะนึกไม่ออก เลยรีบบอกเสียงเร็วปรื๋อ            “คุณนวินนั่นเอง ประกันแจ้งเรื่องซ่อมมาแล้วเหรอคะ”            “ครับผมจะโทรมาบอกว่าผมให้คนเอารถคุณไปซ่อมเรียบร้อยแล้วนะครับ”            “ขอบคุณมากค่ะ ความจริงไม่ต้องโทรมาบอกตอนนี้ก็ได้นะคะ มันมืดแล้วเอยเกรงใจค่ะ”            “หืม คุณแทนตัวเองว่าเอยเหรอครับน่ารักจัง”            “เอ่อ ขอโทษค่ะพอดีติดปาก”            “แต่ผมชอบนะครับ ต่อไปแทนตัวเองแบบนี้นะครับ ว่าไปแล้วผมก็อายุมากกว่าคุณหลายปีเลยนะครับ ให้เดาคุณคงเพิ่งยี่สิบใช่ไหมครับ” เขาหยอดปลายสายเสียงนุ่มชวนฟัง            “ยี่สิบสองค่ะ”            “นั่นปะไรครับ ผมแก่กว่าคุณตั้งสิบปีเลยนะครับ”            “สิบปีเลยเหรอคะ เท่าพี่ชายเอยเลยค่ะ แต่คุณดูยังหนุ่มแบบเหมือนวัยรุ่นอยู่เลย” พรธีราพูดตามความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ เขาดูหนุ่มกว่าอายุมาก            “ผมจะถือว่าเป็นคำชมนะครับน้องเอย”            พรธีราอึ้งไปหลังได้ยิน น้องเอยมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่เรียกเธอ ทำไมนวินถึงได้เรียกเธอแบบนี้ได้            “เอ่อ คือชื่อนั้น”            “คุณพรธีราเป็นน้องผมสิบปีนะครับ ผมเรียกน้องเอยนี่เหมาะสมที่สุดแล้วครับ” นวินเอ่ยคล้ายตัดสินใจเองเสร็จสรรพ ใจจริงเขาชอบคำว่าน้องเอยมากเป็นพิเศษ เพราะพัสวีเรียกชื่อนี้ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากปกติ จะดูหวงแหนและเต็มไปด้วยความรัก            “อ๋อค่ะ” หญิงสาวจำต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้            “ผมโทรมารบกวนน้องเอยหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาเหมือนคนกำลังอมยิ้มอยู่บนหน้า แววตาคงยิ้มไปด้วยแน่ ๆ หญิงสาวได้ยินแล้วพลอยรู้สึกอบอุ่นตามไปด้วย            “ไม่รบกวนค่ะ เอยเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดีกำลังจะเป่าผมคุณก็โทรเข้ามาก่อน”            “ไม่เอาสิครับไม่เรียกคุณดูห่างเหินกันจัง เรียกพี่กันต์ได้ไหมครับ” เขาพูดเหมือนอ้อน            “พี่กันต์เหรอคะ” พรธีรารู้สึกว่าเขาจะรุกหนักจนเกินไป            “แบบนั้นแหละครับถูกแล้ว ผมฟังแล้วรู้สึกดีจัง”            “ได้ค่ะพี่กันต์งั้นถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว เอยขอเป่าผมต่อนะคะ” สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับคนปากหวานอย่างเขา ก่อนจะรีบตัดบทเกรงว่าจะยาวไปกว่านี้ อย่างไรเสียเขาคือคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ จะยอมสนิทสนมด้วยง่าย ๆ ก็เร็วเกินไป            “ครับฝันดีนะครับน้องเอย”            พรธีราหน้าแดงระเรื่อขึ้นหลังวางสาย ก่อนจะพวงแก้มร้อนเห่อตามมา นี่เธอกำลังจะถูกหนุ่มหล่อคนนี้ตามจีบอยู่เหรอ แค่คิดหัวใจก็เต้นแรงขึ้นตามความรู้สึก ก่อนจะรีบสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความสับสนนี้ออกไป            “ไม่ใช่หรอก ๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม