ตอนที่ : 1 น้องสาวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
1
น้องสาวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
พรธีรา เกษมฤกษ์ สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี เธอเป็นน้องสาวของพัสวี ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขา นวินนั่งคลึงแก้วไวน์ทรงสูงก่อนยกขึ้นจิบ สายตาไม่ยอมละไปจากสาวน้อยตรงหน้า เขายังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดที่พัสวีทำไว้กับเขา เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดมันเป็นแบบนี้นี่เอง ความจริงเขาสมควรลืมเรื่องนี้ไปได้แล้ว เรื่องมันเกิดนานผ่านมาตั้งห้าปี แต่พอได้เห็นหน้าของผู้หญิงที่พัสวีหวงนักหวงหนา ความแค้นที่ถูกฝังรากลึกดันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาในทันที แค่คิดเล่น ๆ หากเขาได้แอ้มน้องสาวของพัสวีแล้วเขี่ยทิ้งอย่างไร้เยื่อใย คงจะสาแก่ใจอยู่ไม่น้อย ทำไมความรู้สึกแค้นใจนี้ มันถึงได้อัดแน่นจนอยากจะระบายออกมาเร็ว ๆ
สิ่งที่กระตุ้นความแค้นของนวินอีกเรื่องหนึ่ง คือข่าวการหมั้นของพัสวีกับกานต์สินีอดีตคนรักของเขานั่นเอง นวินคงไม่แค้นขนาดนี้หากทั้งคู่ไม่แอบขึ้นเตียงกัน ระหว่างที่กานต์สินียังคบกับเขาอยู่ขณะเรียนอยู่ในต่างประเทศ และถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาบนเตียงนอนของพัสวี นั่นแหละคือจุดแตกหักของคำว่าเพื่อนรัก นวินอัดคนหักหลังจนกระอักเลือดในวันนั้น
เพียะ !
กานต์สินีเข้ามาขวางไว้พร้อมกับตบหน้าเขา ตามมาด้วยคำพูดด่าทอที่เขาฟังแล้วเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ
‘ก็เพราะกันต์เป็นแบบนี้ไง ฝ้ายถึงไม่รักกันต์แล้ว เอะอะก็เอาแต่กำลังเข้าแก้ปัญหา ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย’
‘แล้วการแก้ผ้าขึ้นเตียงกับเพื่อนของผมนี่ มีเหตุผลมากเลยใช่ไหมฝ้าย เป็นผู้ใหญ่มากเลยล่ะสิ !’
‘ฝ้ายไม่ได้รักกันต์แล้ว’
‘ไม่ได้รักอย่างนั้นเหรอฝ้าย แล้วมันยากนักเหรอกับการบอกเลิก แกก็เหมือนกันไอ้เอื้อ แกทำได้ยังไงเลวชาติทั้งคู่’
‘พอแล้ว ! กันต์กลับไปได้แล้วระหว่างเรามันจบแล้ว’
ตอนนั้นนวินรู้สึกหน้าชาไปหมด เขาถูกทั้งคู่หักหลังอย่างเลือดเย็น ไม่เท่านั้นคนในมหาวิทยาลัยก็รู้เรื่องนี้ ทั้งหมดต่างมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย เพราะเขาทะนงตัวว่ารูปหล่อพ่อรวย สวยคนไหนก็ต้องสยบแทบเท้า แต่พอถูกแฟนสาวนอกใจเลยกลายเป็นประเด็นขำขันประจำสัปดาห์ไป นวินจำได้ว่าตอนนั้นเขาเสียใจมากขนาดไหน ถึงขั้นนอนกับสาวที่มาอ่อยเป็นว่าเล่น เพื่อที่จะได้ให้ลืมความเจ็บปวดจากเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาทำตัวเหลวไหลแบบนั้นอยู่เกือบครึ่งปี กว่าจะกลับมาเป็นนวินคนเดิมได้ โดยที่เพื่อนรักทั้งสองไม่ได้สนใจดูดำดูดีเขาเลย เรื่องมันควรจะจบแล้วถ้าเขาไม่บังเอิญเห็นข่าวการหมั้นของทั้งคู่ในวันนี้ และได้เห็นหน้าน้องสาวสุดที่รักของพัสวีในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
‘นั่นน้องเอยน้องสาวฉันห้ามแกแตะ’
‘หวงอะไรขนาดนั้น’
ในอดีตนั้นพัสวีเคยเอารูปน้องสาวมาให้กานต์สินีดู แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เขาดูเด็ดขาด นวินไม่เคยได้เห็นหน้าของน้องสาวพัสวีสักครั้ง เพราะเจ้าตัวแอบซ่อนไม่ให้เขาได้เห็น จนมาวันนี้วันที่นวินมาติดต่อเรื่องเอกสารราชการ และเจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อหนึ่งออกมา
‘คุณพรธีรา เกษมฤกษ์ เชิญที่ห้องเบอร์สองค่ะ’
วินาทีแรกที่เขาได้เห็นหน้าสาวน้อยคนนี้ ดวงตาของนวินก็ฉายแววกร้าวออกมา แม่สาวน้อยหน้าหวานนัยน์ตากลมโต ผมดัดลอนใหญ่สีน้ำตาลอ่อนถูกปล่อยสยายยาวลงกลางหลัง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อพวกแก้มใส ๆ สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนขายาวเข้ารูป ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน ความอรชรอ้อนแอ้นของผู้หญิงคนนี้ เหมาะแก่การแก้แค้นของเขายิ่งนัก
เขาตามพรธีราออกมาจากสำนักงานเขต จนกระทั่งมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ หญิงสาวมากับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งดูสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านราวสี่สิบนาทีคนเป็นเพื่อนก็ลุกขึ้นเดินจากไปก่อน เหลือไว้แค่พรธีราเพียงลำพัง สักพักหนึ่งหญิงสาวก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงรีบเรียกพนักงานมาคิดเงินที่โต๊ะของเขาตามในทันที
หญิงสาวขับรถออกมาได้สักระยะหนึ่ง ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยแคบ ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่นวินตัดสินใจเหยียบคันเร่งแล้วเสยท้ายหญิงสาวเข้าให้
โครม !
พรธีราตกใจเมื่อถูกชนท้ายเข้าอย่างจัง แต่ก็ยังตั้งสติเหยียบเบรกเอาไว้ได้ทัน หญิงสาวรีบจอดรถแล้วลงไปดูอย่างรวดเร็ว พบเจ้าของรถคันสุดหรูเปิดประตูออกมา หญิงสาวตกตะลึงเล็กน้อยกับความหล่อเหลาของเขา แค่เสื้อโปโลสีน้ำเงินกับกางเกงลำลองห้าส่วน ทำไมถึงทำให้เขาดูดีน่ามองขนาดนี้ได้ รีบสลัดความคิดชื่นชมนี้ทิ้งก่อน แล้วหันมาสนใจกับการถูกชนท้ายรถของตนเองแทน
“ผมขอโทษครับผมไม่ทันมอง” คนพูดยกแว่นตาสีชาคาดไว้เหนือศีรษะ เผยให้เห็นดวงตาคู่คมจมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าฉบับผู้ชายไทยแท้
“ไม่ทันมองเหรอคะ” พรธีราทวนคำพูดของเขาเบา ๆ
“ครับเดี๋ยวผมรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเองนะครับรถผมมีประกันชั้นหนึ่ง” นวินรีบแสดงความรับผิดชอบในทันที
พรธีราแอบยิ้มในใจรถหรูขนาดนี้ไม่มีก็แปลกแล้ว หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย แต่ดูจากสภาพก็ไม่ได้เสียหายเท่าไร แค่ท้ายบุบนิดหน่อย แต่สภาพไฟท้ายห้อยต่องแต่งแบบนี้เธอจะขับไปยังไงได้ แล้วทำไมรถของเขาถึงแทบไม่บุบสลายตรงไหนเลยแปลกจริง
“คุณพอจะมีนามบัตรหรือว่าเบอร์โทรติดต่อไหมครับเอาไว้ให้ประกันของผมติดต่อไป”
“นามบัตรฉันไม่มีหรอกค่ะ คุณเอาเบอร์โทรไปก็แล้วกัน ฉันชื่อพรธีราค่ะคุณล่ะคะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองเพื่อที่จะได้ติดต่อกันสะดวก
“ได้ครับผมเองก็ไม่ค่อยได้พกนามบัตรติดกระเป๋านานแล้วเหมือนกัน ผมนวินครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตร
ทั้งคู่ต่างแลกหมายเลขโทรศัพท์กัน จากนั้นพรธีราก็ขับรถเข้าแอบไว้ข้างทาง พร้อมยืนรอเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปทำธุระที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
“ให้ผมไปส่งไหมครับดูคุณพรธีรา ดูเหมือนคุณจะมีธุระเร่งด่วนอยู่นะครับ ผมว่าแถวนี้เรียกแท็กซี่ยากเหมือนกันนะครับ” คนหวังดีเปิดกระจกลงมาชวนหญิงสาว สายตาก็มองไปรอบ ๆ คล้ายเป็นห่วงคนที่ยืนรอแท็กซี่เพียงลำพัง
พรธีราลังเลเล็กน้อยแต่งานของเธอก็ด่วนอยู่เหมือนกัน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูใกล้ได้เวลาเปิดงานแล้วด้วย อีกอย่างซอยนี้เป็นทางลัดรถแท็กซี่คงหายากอย่างที่เขาว่าจริง ๆ หญิงสาวคิดครู่หนึ่งก่อนตอบตกลงเขาออกไป
“ดีเหมือนกันค่ะ รบกวนคุณนวินขับไปส่งที่โรงแรมบีให้หน่อยนะคะพอดีมีงานที่นั่นค่ะ”
“ได้สิครับขึ้นมาเลย”
หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยนั่งรถหรู บ้านเธอก็มีหลายคันอยู่เหมือนกัน แต่เธอเป็นประเภทไม่ชอบให้คนมามอง รถแบบนี้เรียกสายตาผู้คนมากเกินไป
“ขอโทษนะครับคุณพรธีรา” นวินบอกแล้วเอื้อมมือไปดึงสายคาดเข็มขัดนิรภัยจัดการคาดให้หญิงสาวด้วยตัวเอง