"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่"
เสียงเรียกของเถาเป่าทำให้เย่หลีสะดุ้งตื่นขึ้นมา หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะพบว่ายามนี้ตนเองกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมสระบัว เบื้องหน้ามีถ้วยน้ำชาที่ยังคงร้อนกรุ่นส่งกลิ่นหอม เย่หลีย่นหัวคิ้ว ก่อนจะหันขวับไปมอง และพบกับเถาเป่าที่กำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ไกลนัก
เย่หลีพลันตื่นตระหนก นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้นางสิ้นใจตายอยู่ในคุกหลวงใต้ดิน และเถาเป่าก็ถูกไป๋ซู่ฮวาโบยจนตายเพราะปกป้องนางไปแล้วไม่ใช่หรือ
นี่มันเรื่องใดกัน!
นางลุกพรวดยืนขึ้น ก่อนจะหันมองไปโดยรอบ ที่นี่คือจวนตระกูลเย่จริงๆ แต่ทว่าเหตุใดยังคงเงียบสงบร่มรื่นเช่นนี้เล่า!
ฉับพลันภาพต่างๆก็ถาโถมเข้ามาในหัวของเย่หลีภาพแล้วภาพเล่า มีทั้งภาพวันที่นางตบตีบ่าวไพร่เพราะเรื่องชาดทาปาก ภาพที่นางเหยียบดอกมู่ตานที่เย่หลิงมอบให้ ภาพที่นางไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนคังอ๋อง ภาพที่นางตบตีเย่หลิง ภาพที่นางพบกับฟ่านเฉิน ภาพที่นางได้เสียและแต่งงานกับเขา จนกระทั่งภาพวันที่นางถูกเขาสังหารจนตายก็ปรากฏขึ้นราวกับภาพฝัน!
เย่หลีพลันใจเต้นแรอย่างบ้าคลั่ง นี่มันคือความฝันหรือความจริงกันแน่
นางเดินไปโดยรอบ มอบทุกสรรพสิ่งรอบกายที่เคลื่อนไหว ภายในจวนมีสาวใช้เดินกันไปมา ต่างคนต่างมีงานให้ทำ มีเสียงนกร้อง ดอกมู่ตานกำลังเบ่งบานรับลมฤดูใบไม้ผลิ นางหันไปมองเถาเป่าที่กำลังวิ่งตามมาด้วยท่าทีหวาดหวั่น เถาเป่ามองเจ้านายตนด้วยแววตาที่หวาดกลัว ก่อนจะเอ่ย
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวเพียงเห็นว่าท่านงีบหลับกลางวันที่ศาลาริมน้ำนานเกินไป จึงเป็นห่วง จึงถือวิสาสะปลุกท่าน ฮือ บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ"
"ข้านอนงีบหลับอย่างนั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ"
เย่หลีเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางหลับตาลงพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ก่อนหน้านี้แล้วจึงหันไปเอ่ยกับเถาเป่าอีกครา
"เจ้าบอกว่าข้าแค่งีบหลับจริงหรือ"
เถาเป่าพยักหน้า และเอ่ยตอบ
"เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้คุณหนูบอกว่าง่วงมากเพราะเมื่อวานอยู่ต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานวันเกิดอายุครบสิบหกปีของคุณหนู ท่านบ่นว่าอยู่ในห้องแล้วอบอ้าวจึงมานั่งรับลมที่นี่ ก่อนจะเอนกายงีบหลับไปเจ้าค่ะ"
"อายุสิบหก"
เย่หลีพยายามคิดทบทวนอีกหน ปีนี้นางอายุสิบหกอย่างนั้นหรือ
"เจ้ายังไม่ตายหรือเถาเป่า"
เถาเป่าเมื่อได้ยินเย่หลีเอ่ยถามเช่นนั้นก็สะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ บ่าวผิดไปแล้วที่รบกวนความสงบของท่าน แต่ขอร้องอย่าไล่บ่าวไปตายเลยนะเจ้าคะ ฮือ คุณหนู บ่าวไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ"
เย่หลีมองเถาเป่าที่คุกเข้าร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังคราหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้นางหยุดร้อง หญิงสาวมองไปโดยรอบอีกคราเพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ฝันไป
ภายในจวนยังหลงเหลือกลิ่นอายของการจัดงานเลี้ยง มีบ่าวชายไม่น้อยที่ช่วยกันขนของ สาวใช้ก็เก็บกวาดทำความสะอาดวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งจวน
อยู่ๆเย่หลีก็รู้สึกเวียนหัว นางซวนเซเป็นลมล้มพับไป เถาเป่าตกใจรีบเรียกสาวใช้มาช่วยกันประคองนางกลับห้อง ก่อนจะให้คนไปแจ้งฮูหยินใหญ่โดยด้วย เย่ฮูหยินเมื่อได้ยินว่าบุตรสาวอาการไม่สู้ดี ก็สั่งให้คนไปตามท่านหมอมาในทันที เมื่อตรวจแล้วไม่พบสิ่งใดน่าเป็นกังวลเพียงแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย จึงวางใจลงได้
เย่หลีที่หลับไปอีกครา ในฝันนางฝันเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าอีกคราซ้ำวนไปวนมา ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองยังอยู่ที่จวนตระกูลเย่ อยู่ในห้องนอนที่ตนเคยนอนมาตั้งแต่เด็ก
นางยกมือขึ้นตบใบหน้าตนเองหลายต่อหลายทีจนใบหน้าสวยหวานแดงก่ำ เถาเป่าที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย คิดว่าคุณหนูของตนยามนี้โรคจิตถึงขนาดทุบตีตีตนเองแล้วหรือ!
เย่หลีเจ็บระบมไปหมด แต่นางกลับยิ้มเต็มใบหน้า
สวรรค์! สวรรค์ให้โอกาศนางย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของตนเองตอนอายุสิบหกปีจริงด้วย
ในยามนี้นางเพิ่งอายุสิบหกปี ยังไม่ได้พบเจอฟ่านเฉิน ยังไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของเขา นางยังใช้ชีวิตอย่างเสรี เป็นช่วงชีวิตที่ดีงาม ก่อนที่นางจะพาตนเองเดินเข้าสู่เส้นทางที่ผิดจนเกิดความสูญเสียตามมา!
สายลมนอกหน้าต่างพัดเข้ามาประทะใบหน้าของเย่หลี ทำให้นางพลันได้สติกลับคืนมา หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปที่เรือนใหญ่ เถาเป่าที่เห็นว่าเจ้านายวิ่งไปแล้วจึงรีบตามไปทันที พร้อมร้องเอ่ยเตือนว่าเย่หลีเพิ่งจะได้สติ อย่าได้ออกวิ่งจนล้มป่วย!
เย่หลีวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต นางวิ่งไม่ยอมหยุด จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนใหญ่ เมื่อมองเข้าไปก็พบว่ายามนี้เย่ฮูหยินกำลังสั่งการสาวใช้ให้เก็บกวาดเรือนให้สะอาดเรียบร้อย เพราะใกล้ถึงวันที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางจะเดินทางกลับมาจากชายแดนแล้ว
เย่ฮูหยินเมื่อได้ยินเสียงวิ่งจึงหันมามอง พอเห็นว่าเป็นเย่หลีที่กำลังยืนมองตนอยู่ ก็ยิ้มออกมาเต็มใบหน้า ก่อนจะเดินข้ามาหาบุตรสาว
"หลีเอ๋อร์ ตายจริง หน้าเจ้าไปโดนอันใดมากัน เหตุใดจึงบวมแดงเช่นนี้กันเล่า แล้วนี่รีบออกมาเดินรับลมทำไมกัน เจ้าเพิ่งจะเป็นลมร่างกายอ่อนเพลียแท้ๆ"
เย่ฮูหยินยื่นมือมาจับใบหน้าของเย่หลี แววตาของนางฉายแววปวดใจเป็นอย่างยิ่ง เย่หลีมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าคราหนึ่ง
สตรีนางนี้เดิมทีไม่ใช่มารดาของนาง แต่กลับรักนางไม่ต่างจากบุตรแท้ๆ และนางก็ผูกพันกับสตรีนางนี้เป็นอย่างมาก
"ท่านแม่"
อยู่ๆ เย่หลีก็โผเข้ามากอดเย่ฮูหยิน ก่อนจะร้องไห้ออกมา เย่ฮูหยินตกใจรีบเอ่ยถามทันที
"หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป ร้องไห้ทำไม บอกแม่มา ผู้ใดรังแกเจ้า"
เย่หลียังคงร้องไห้ไม่หยุด นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"ท่านแม่ เมื่อครู่ข้าฝันเจ้าค่ะ ข้าฝันว่าข้าเลือกทางผิด แต่งงานกับคนไม่ดี และพวกท่านตายจากข้าไป พวกท่านตายจากข้าไปหมด ฮือ ข้ากลัวเจ้าค่ะท่านแม่!"
เย่ฮูหยินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหลังบุตรสาวเพื่อปลอบใจ ก่อนจะเอ่ย
"เด็กโง่ ก็แค่ความฝันเท่านั้น คงเพราะท่านพ่อและพี่ชายเจ้าใกล้จะกลับมาแล้ว เจ้าคิดถึงพวกเขามากจึงเก็บเอามาฝันล่ะสิ รีบเช็ดน้ำตาเร็วเข้า แม่สั่งให้คนทำขนมเอาไว้ให้เจ้าด้วย ของชอบเจ้าทั้งนั้น"
เย่ฮูหยินเอ่ยกับบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้รีบไปนำขนมที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆมาให้เย่หลี เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ฮูหยินก็บอกว่าจะไปดูบ่าวไพร่ว่าทำความสะอาดจวนไปถึงไหนแล้ว ให้นางกินขนมได้ตามใจเลยไม่ต้องรอ เย่หลีพยักหน้ารับ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของเย่ฮูหยินไปจนลับสายตา
เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว เย่หลีก็ถอนหายใจออกมา นางกำมือแน่นมองขนมตรงหน้าด้วยแววตาที่ตื่นเต้น นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตนจะมีโอกาสได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง
แต่ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็เหมือนความฝันเหลือเกิน ความฝันที่น่าหวาดหวั่น!
นางในตอนที่ยังอายุเพียงสิบหกปีนั้น ยังไม่ทันได้ทำเรื่องเลวร้ายใด ยังไม่ได้พบเจอกับฟ่านเฉิน และยังไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของฟ่านหลิ่นเท่าใดนัก เรียกได้ว่าเป็นเพียงคุณหนูที่เอาแต่ใจตนเองและไม่เห็นหัวใครเพียงเท่านั้น ไม่ได้เจ้าแผนการ เจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นในยามที่อายุสิบเจ็ดปี
และที่สำคัญนางยังไม่ทันได้กลั่นแกล้งเย่หลิงถึงขนาดที่คิดจะเอาชีวิตน้องสาวตัวเองเพียงเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว!
ในเมื่อมีโอกาสอีกครา นางจะทำทุกอย่างให้คนในครอบครัวไม่ต้องปวดหัวกับนาง นางจะไม่ยอมให้เย่หลิงและนางเข้าไปเกี่ยวข้องในวังวนของการแย่งชิงอำนาจอีก หาบุรุษดีดีสักคนแล้วแต่งงานออกไปเสีย ในเมื่อไม่ได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ย่อมไม่ถูกเพ่งเล็งมากถึงเพียงนั้น และอาจจะยังมีหนทางรอดหลงเหลืออยู่
แต่สิ่งที่นางเป็นกังวลนั่นก็คือ นางไม่รู้ว่ายามนี้ฟ่านเฉินจะคิดวางแผนการใดไว้แล้วหรือไม่!
ตอนนี้ทำได้เพียงรอท่านพ่อและพี่ใหญ่กลับมาเท่านั้น นางยังคิดไม่ตกว่าจะเริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวที่นางประสบพบเจอมาให้พวกเขาฟังเช่นไรดี จึงจะสามารถระวังภัยที่อาจจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ได้
ยิ่งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เย่หลีก็พลันคิดถึงใบหน้าของคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้
ฟ่านเฉิน!
เมื่อคิดถึงเขา ใจของนางก็บีบรัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางกลัวเขาเหลือเกิน!
ก่อนตายนางอธิษฐานเอาไว้ว่าไม่ขอพบเจอเขาอีกไม่ว่าชาติใดก็ตาม แต่เห็นทีครั้งนี้คงจะหลีกเลี่ยงการไม่พบหน้ากันไม่ได้เสียแล้ว
ช่างเถิด เจอกันให้น้อยลงหน่อยก็คงจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หลีก็พอจะสงบใจลงไปได้บ้าง นางหันมองขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยกับเถาเป่า
"ข้าจะไปที่เรือนของอนุซ่ง เจ้านำขนมมาเพิ่มอีกหน่อย ข้าจะนำไปมอบให้น้องสาว"
เถาเป่าลอบมองเจ้านายตน พลางครุ่นคิดในใจ
ให้ตายเถอะ! ไม่ใช่ว่าจะเอาขนมพวกนี้ไปเขวี้ยงใส่หน้าอนุซ่งกับคุณหนูรองหรอกนะ