เย่หลีถูกพากลับมาที่จวนองค์ชายรอง ฟ่านเฉินให้คนตามหมอมาดูอาการของนาง ท่านหมอตรวจดูอาการอย่างละเอียดและพบว่านางไม่ได้เป็นอันใดมาก เพียงแค่อ่อนเพลียและพบเจอเรื่องสะเทือนจิตใจมากเกินไป ให้พักสักหน่อยอาการก็จะดีขึ้นมาเอง ฟ่านเฉินพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้คนไปส่งท่านหมอออกจากจวนไป
เมื่อเย่หลีลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่าฟ่านเฉินกำลังนั่งมองนางอยู่ หญิงสาวก็หลับตาลงอีกคราทำเหมือนไม่ต้องการรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา ฟ่านเฉินเบนสายตาไปที่อื่น ก่อนจะเดินออกไปและไม่เอ่ยสิ่งใดกับนางแม้เพียงครึ่งคำ
สามวันต่อมา ไป๋ซู่ฮวาบุตรสาวจวนท่านราชครูก็แต่งเข้าจวนมาเป็นพระชายาเอกคนใหม่ เดิมทีนางชื่นชอบฟ่านเฉินมานานแล้ว เพราะเขารูปงามถูกใจนาง ได้อยู่กับบุรุษรูปงามไปทั้งชีวิตอย่างไรก็ย่อมมีความสุข
หลังจากแต่งงานกันแล้ว ฟ่านเฉินก็ไม่เคยเข้าหอกับไป๋ซู่ฮวาอีกเลย แม้แต่วันเข้าหอเขาก็ทิ้งให้นางอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง ไป๋ซู๋ฮวาโกธรจัดแต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงระงับโทสะเก็บท่าทีเอาไว้ และเอาความโกธรทั้งหมดไปลงกับเย่หลี พระชายารองที่เกิดจากบุตรอนุคนนั้น
เมื่อแต่งพระชายาเอกแล้ว แน่นอนว่าพระชายารองเช่นเย่หลีก็ย่อมต้องเข้าไปมอบน้ำชา คำนับยามเช้า ไป๋ซู่ฮวากลั่นแกล้งนางสารพัด ทั้งให้นางยืนรอ อีกทั้งยังรินชาร้อนราดใส่มือของนาง เย่หลีเองก็ไม่ยอมคน ทำนางก่อนนางย่อมเอาคืนนางไม่สนหน้าไหนทั้งสิ้น เมื่อไป๋ซู่ฮวาราดชาร้อนใส่มือนาง นางจึงสาดชาร้อนใส่ใบหน้าของไป๋ซู่ฮวาคืนกลับไป ไป๋ซู่ฮวากรีดร้องเสียงหลง ใบหน้าบวมแดงไปหมด นางเกลียดชังเย่หลีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะแต่ก่อนเย่หลีชอบเอ่ยวาจากระทบกระเทียบนาง และวางตนโอ้อวดกดข่มผู้อื่น นางจึงสั่งให้คนโบยเย่หลีจนเจ็บปางตาย
เมื่อฟ่านเฉินกลับมาและทราบเรื่องเขาก็ปวดหัวไม่น้อยเลย เดิมทีเหตุการณ์เช่นนี้เขาเองต้องการให้ฟ่านหลิ่นเป็นคนประสบพบเจอ แล้วเหตุใดมันจึงกลายเป็นตัวเขาที่ต้องพบเจอแทนกันเล่า
ผ่านไปร่วมเดือนบาดแผลที่หลังของเย่หลีที่ถูกโบยก็เริ่มหายดีแล้ว แต่ทว่าจนแล้วจนรอดนางก็ไม่อาจส่งคนไปแจ้งข่าวใดกับท่านพ่อได้ ฟ่านเฉินสั่งให้คนจับตาดูนางอย่างไม่ให้ละสายตา นางคงทำได้เพียงมองดูลิขิตสวรรค์แล้ว
วันคืนก็ผ่านพ้นไปเช่นนี้ จากเดือนเลื่อนผ่านไปเป็นปี ในวังมีข่าวประกาศออกมาว่า ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นนั้นประชวรหนักและยามนี้ได้สวรรคตแล้ว ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสิ้นฮ่องเต้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องรีบให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นได้เขียนราชโองการเอาไว้ก่อนตาย มอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้ฟ่านหลิ่น และมอบที่ดินศักดินาสองที่นอกเมืองหลวงให้องค์ชายรองและองค์ชายสามไปใช้ชีวิตที่นั่น ห้ามกลับเข้าเมืองหลวงอีกเพื่อป้องกันการเข่นฆ่าในหมู่พี่น้อง ส่วนนางสนมคนอื่นๆที่ไม่ได้ให้กำเนิดองค์ชายก็ให้ไปบวชอยู่ที่วัด สวีกุ้ยเฟยนั้นได้ไปอยู่กับฟ่านจิ้งที่นอกเมืองหลวง ส่วนฟ่านเฉินนั้นก็มีที่ดินศักดินาอยู่ไม่ไกลกันนัก ย่อมสะดวกต่อการไปพบหน้า แต่ทว่าฟ่านหลิ่นกลับมีเมตตาไม่น้อย ไม่ได้เร่งรัดให้พวกนางแม่ลูกเดินทางออกไปในทันที ยังคงให้เวลาจัดการเรื่องต่างๆให้แล้วเสร็จเสียก่อน
ฟ่านหลิ่นขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่งตั้งหนิงฮองเอาขึ้นเป็นไทเฮา และยังรับเย่หลิงเข้าวังหลวงเป็นเย่ฮองเฮา
เย่หลีที่ได้ทราบข่าวยามนั้นนางกำลังถูกไป๋ซู่ฮวาทุบตี เมื่อได้ยินว่าเย่หลิงได้เป็นฮองเฮาแล้ว นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด ไป๋ซู่ฮวาเอ่ยวาจากระทบกระเทียบนาง บอกว่าสุดท้ายน้องสาวของนางก็ได้ทุกอย่างไป แต่นางเองกลับกลายต้องมาเป็นหินรองมือรองเท้าของผู้อื่นไปชั่วชีวิต หลายเดือนมานี้นางถูกทุบตีทารุณเสียจนไร้ความรู้สึก นางด้านชาไปเสียแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอันใดกับคำพูดของไป๋ซู่ฮวา
นางถูกไป๋ซู่ฮวาทารุณทุกคราที่ฟ่านเฉินไม่อยู่ที่จวน นางเคยชินเสียจนไม่แม้แต่จะร้องไห้ ไม่แม้แต่จะตอบโต้ นางไม่เคยคิดว่าตนเองจะสิ้นหวังได้ถึงเพียงนี้
ไป๋ซู่ฮวาเมื่อกลั่นแกล้งเย่หลีจนพอใจก็กลับเรือนของตนไป นับตั้งแต่แต่งเข้ามาฟ่านเฉินไม่เคยแตะต้องตัวนาง มีหรือนางจะมองไม่ออกว่าเขายังอาลัยอาวรณ์นางสารเลวเย่หลีผู้นั้นอยู่
ก่อนหน้านี้นางได้ไปเยี่ยมสวีกุ้ยเฟยแม่สามี เสด็จแม่ได้เสนอแผนการดีดีให้นางแผนการหนึ่ง ซึ่งนางเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพียงแต่ต้องรอเวลาเท่านั้น
หลังจากฟ่านหลิ่นขึ้นครองราชย์กลับพบว่าฟ่านเฉินและฟ่านจิ้งคิดก่อการกบฏ แรกเริ่มพวกเขาบอกว่าจะเร่งย้ายออกจากเมืองหลวงเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา แต่ที่ไหนได้เขากลับไปเข้าร่วมกับไพร่พลที่ซ่องสุมกำลังเอาไว้ นำกำลังทหารหลายแสนนายเข้าก่อกบฏหวังชิงบัลลังก์ ยามนั้นฟ่านหลินเพิ่งได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์มังกร สถานะยังไม่มั่นคงเท่าใดนัก คนที่พึ่งพาได้ก็มีไม่มาก เขาทำได้เพียงนั่งรอฟังข่าวอย่างหวาดระแวงไม่คิดว่าน้องชายที่เขาเอ็นดูมาตั้งแต่วัยเยาว์จะทำร้ายเขาได้ลงคอ
แม่ทัพเย่และเย่จิ้นอันเข้าสู่สมรภูมิรบ สุดท้ายตกตายในสนามรบทั้งคู่ด้วยน้ำมือของฟ่านจิ้ง เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นไม่น้อย ฟ่านเฉินเองก็ตื่นตระหนกไม่ต่างกัน เดิมทีนี่ไม่ได้อยู่ในแผนการที่วางเอาไว้ อย่างน้อยแม่ทัพใหญ่เย่และเย่จิ้นอันยังสามารถเจรจายอมให้พวกเขาศิโรราบได้และอาจจะใช้ประโยชน์ได้อีก ฟ่านเฉินไม่ได้ต้องการให้ตายในทันที เขาต่อว่าฟ่านจิ้งไปหลายประโยค แต่น้องชายกลับไม่สนใจคำพูดของเขา
เย่ฮูหยินเมื่อทราบว่าสามีและบุตรชายของตนตายในสนามรบก็ถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ส่วนเย่หลิงที่อยู่ในวังหลวงเป็นฮองเฮาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ท่านพ่อ พี่ใหญ่สิ้นแล้ว แม่ทัพใหญ่สิ้นแล้ว บ้านเมืองจะเป็นเช่นไรต่อไป!
เย่หลิงเป็นห่วงมารดาทั้งสองจึงคิดจะกลับจวนอย่างลับๆ แต่ทว่าแรกฟ่านหลิ่นกลับไม่เห็นด้วย เขาจึงสั่งให้องค์รักษ์ไปที่จวนตระกูลเย่รับตัวเย่ฮูหยินและอนุซ่งมาที่วังหลวง เมื่อเย่ฮูหยินได้พบกับเย่หลิงสองแม่ลูกก็กอดกันร้องไห้อย่างน่าเวทนา
สงครามมีแต่ความสูญเสีย เมื่อแม่ทัพเย่และเย่จิ้นอันตาย ฟ่านเฉินได้ยึดกองกำลังทหารของตระกูลเย่มาไว้ในกำมือของตน และนำกองทัพนั้น บุกเข้ามาโจมตีเมืองหลวง
ด้านเย่หลีนั้น เมื่อได้ทราบเรื่องที่บิดาและพี่ชายตายจากไปก็แทบล้มทั้งยืน ท่านพ่อและพี่ชายของนางตายในสนามรบ คนที่ก่อกบฏก็คือฟ่านเฉินและฟ่านจิ้ง!
เขาลงมือแล้ว!
เย่หลีเม้มริมฝีปากแน่น นางเชื่อว่าการตายของบิดาและพี่ชายต้องเป็นฟ่านเฉินที่ลงมือแน่นอน เขาไม่เก็บคนที่เป็นขวากหนามเอาไว้เลยแม้แต่คนเดียว
จนกระทั่งได้ยินว่าฟ่านเฉินกลับมาที่จวนองค์ชายรองแล้ว นางก็รีบตรงไปหาเขาที่ห้องตำรา เมื่อมาถึงนางกลับพบว่าชายหนุ่มมีท่าทีเงียบครึม แววตาคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
เมื่อเห็นว่าเย่หลีเดินเข้ามาฟ่านเฉินก็มองนางคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่ายามนี้นางจ้องเขาเขม็ง
"ฟ่านเฉิน ท่านสังหารบิดาข้า พี่ชายข้าด้วยเหตุใดกัน!"
ฟ่านเฉินมองเย่หลีด้วยแววตาที่เรียบเฉย เย่หลีพุ่งตรงเข้ามาหาเขา ก่อนจะยื่นมือมากระชากตัวเขาอย่างแรง
"ตอบข้ามา! ท่านพ่อข้า พี่ชายข้า ต้องตายเพราะท่าน ท่านเป็นคนสังหารพวกเขาใช่หรือไม่!"
"ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้!"
"ไม่ใช่ได้อย่างไร เป็นท่าน ฮือ คนสารเลวเป็นท่านที่ทำกับครอบครัวของข้า ฮือ ข้าขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเขาไป แต่ท่านมันตะบัดสัตย์ ไม่รักษาสัญญา ฮือ ฆ่าข้าเลย ฆ่าเลย! คนอย่างท่านมันเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสุนัข!"
เย่หลีทั้งทุบตีทั้งด่าทอฟ่านเฉิน เขาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนางจริงด้วย
ฟ่านเฉินปล่อยให้เย่หลีทุบตีโดยไม่ตอบโต้ เขาเอ่ยวาจาใดไม่ออก นี่ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขา เดิมท่ีคิดจะให้สองพ่อลูกยอมจำนน หากไม่ยอมก็เพียงสั่งเนรเทศ เมื่อยึดกำลังทหารมาไว้ในมือได้แล้ว แม่ทัพใหญ่เย่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก ไม่อาจเป็นภัยต่อเขาได้อีก แต่ทว่า..
เขามองสตรีตรงหน้าที่ทุบตีด่าทอเขาเป็นบ้าเป็นหลัง ชายหนุ่มรวบมือของนางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย
“เย่หลี! ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ได้อยู่ในแผนการของข้า แต่ว่าเย่หลี ท่านแม่เจ้าและน้องสาวเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่ได้สังหารพวกนาง ยามนี้พวกนางถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน”
เย่หลีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งสุดชีวิตมุ่งหน้าไปที่คุกใต้ดินในทันที ฟ่านเฉินสั่งให้คนตามนางไป ก่อนจะยกมือขึ้นนวดที่หว่างคิ้วของตนเอง
ตอนนี้ทุกอย่างที่เขาต้องการอยู่ในมือเขาหมดแล้ว แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกไม่มีความสุขเช่นนี้เล่า
ก่อนหน้านี้เขาสังหารฟ่านหลิ่นไปแล้ว ก่อนตายฟ่านหลิ่นบอกเขาประโยคหนึ่ง เป็นประโยคที่สั่นคลอนจิตใจเขาอย่างรุนแรง มันทำให้เขาสับสนมึนงงไปหมด และไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง!
เย่หลีวิ่งตรงมาที่คุกหลวงใต้ดิน ระหว่างทางเมืองหลวงที่เคยคึกคักยามนี้กลับเงียบเชียบทุกที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด เพราะมีคนของฟ่านเฉินตามมา เหล่าทหารที่ยืนอยู่จึงไม่ใครกล้าขวางทางนาง หญิงสาววิ่งเข้ามาด้านในคุกใต้ดินที่อับชื้นและเหม็นอับ นางสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะพบกับเย่ฮูหยิน อนุซ่งและเย่หลิงที่นั่งกอดกันตัวสั่นอยู่ในห้องขังห้องหนึ่ง โดยมีทหารยืนถือดาบจ่อไปที่คอของพวกนาง เมื่อเย่หลีมองให้ดีๆอีกคราก็พบว่าไป๋ซู่ฮวาก็ยิืนอยู่ตรงนั้นด้วย
เย่หลีย่นหัวคิ้ว ก่อนจะรีบก้าวเดินเข้าไป
"เจ้าจะทำสิ่งใด!"
นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความร้อนรน ก่อนจะตรงเข้าไปขวางอยู่ด้านหน้ามารดาทั้งสองและน้องสาวของนาง ยามนี้ห้องขังถูกเปิดออก ภายในเงียบสงบไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาแม้แต่คนเดียว เมื่อเย่หลีหันไปมองก็ไม่พบคนของฟ่านเฉินที่ตามมาเสียแล้ว
ไป๋ซู่ฮวาปรายตามองเย่หลีอย่างดูแคลน
ในอดีตนางและเย่หลีเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แข่งขันกันในทุกด้าน นางเคยคิดว่าเย่หลีเหนือกว่านางทุกอย่าง แต่วันนี้นางรู้แล้ว เย่หลีไม่มีสิ่งใดเทียบนางได้เลยแม้แต่น้อย ก็เป็นแค่ลูกอนุคนหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจสูงส่งทัดเทียมนางได้ และยังต่ำช้าเหมือนมารดาที่เป็นอนุของตนอีกด้วย
เย่หลีไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเสนอหน้ามาอยู่ข้างกายฟ่านเฉินของนางด้วยซ้ำ
นางหลงรักฟ่านเฉินมานาน ครั้งแรกที่ได้พบกับเขาคือตอนที่นางไปซื้อเครื่องประทินโฉมและถูกพวกอันธพาลมารังแก ก็ได้ฟ่านเฉินช่วยไว้ จากนั้นเมื่อไปร่วมงานเลี้ยงในวังนางก็ได้พบเจอเขาอีก เมื่อรู้ว่าเขาเป็นองค์ชายรองนางก็คิดอยากจะเคียงคู่กับเขา แต่ผู้ใดจะรู้นังสารเลวเย่หลีกลับใช้แผนการล่อลวงเขาจนได้แต่งเข้าจวนองค์ชายรอง แต่สรรค์ก็เข้าข้างนางเช่นเดียวกัน สุดท้ายนางก็ได้แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของเขา
ก่อนหน้านี้สวีกุ้ยเฟยบอกนางว่า จะช่วยนางกำจัดเย่หลี ลูกสะใภ้ต่ำต้อยเช่นนั้นไม่คู่ควรกับฟ่านเฉินเลยสักนิด ยามนี้แม่ทัพใหญ่เย่และบุตรชายตายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดคุ้มครองสตรีตระกูลเย่ได้อีก นี่เป็นเวลาที่เหมาะแก่การลงมือเป็นที่สุด
สวีกุ้ยเฟยบอกว่า แม้จะเหลือเพียงสตรีก็ควรตัดรากถอนโคนอย่าทิ้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อนางและสามีในภายภาคหน้า และให้บอกเย่หลีก่อนตายว่าเป็นฟ่านเฉินสั่งลงมือ ให้เย่หลีเจ็บปวดที่ถูกชายที่ตนเองหลงใหลสั่งฆ่าได้อย่างเลือดเย็น ไป๋ซู่ฮวาเห็นด้วยกับวิธีการนี้ นางอยากจะดูน้ำหน้าเย่หลีนัก ว่าตอนที่รู้ว่าถูกฟ่านเฉินสั่งฆ่านางจะทำหน้าเช่นไร
คิดมาแย่งของๆข้าก็ต้องโดนเช่นนี้!
นางจะไม่ยอมเหลือขวากหนามใดให้มาขวางทางอำนาจของนางและฟ่านเฉินอย่างที่สวีกุ้ยเฟยบอกเอาไว้!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันมายิ้มให้เย่หลี ก่อนจะเอ่ย
"นี่เป็นคำสั่งขององค์ชายรอง ยามนี้พวกเจ้าหมดประโยชน์แล้ว ให้สังหารทิ้งทั้งตระกูล อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อบัลลังก์ฮ่องเต้ในภายหลัง"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"
เย่หลีเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะจ้องไป๋ซู่ฮวาเขม็ง ที่แท้ก่อนหน้านี้เขาก็หลอกให้นางมาที่นี่และคิดจะสังหารนางพร้อมมารดาและน้องสาวใช่หรือไม่
เย่หลีขยับถอยหลัง ก่อนจะจับมือของเย่ฮูหยินและอนุซ่งเอาไว้แน่น อีกทั้งยังเอาตัวบังเย่หลิงเอาไว้ด้วย
นางเคยเกลียดชังเย่หลิง แต่เมื่อสูญเสียทุกอย่าง ได้ตระหนักรู้ นางก็พลันคิดได้
อำนาจวาสนาหรือจะสู้ความสงบสุขชั่วชีวิตได้
"ท่านแม่ น้องสาวไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องพวกท่านเอง"
เย่ฮูหยินและอนุซ่งพยักหน้าทั้งน้ำตา ส่วนเย่หลิงก็มองเย่หลีด้วยแววตาที่วูบไหว
"พี่สาว ท่านเรียกข้าว่าอย่างไรนะ"
เย่หลีหันไปมองเย่หลิงเห็นเพียงแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่ยามนี้แดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ระหว่างทางที่วิ่งมาเย่หลีได้ยินแล้วว่าฟ่านหลิ่นถูกฟ่านเฉินสังหารไปแล้ว เขาช่างเลือดเย็นยิ่งนัก แม้แต่พี่ชายแท้ๆก็ยังสังหารได้ลงคอ
"เย่หลิง ข้าขอโทษ หากไม่ใช่เพราะข้าดื้อรั้นจนเลือกเดินทางผิด พวกเราอาจจะมีทางแก้ไขได้ และอาจจะมีจุดจบที่ดีกว่าตอนนี้"
เย่หลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หากไม่ใช่เพราะนางเดินผิดเส้นทาง ไม่ใช่เพราะนางทุกอย่างจะมีจุดจบเช่นนี้หรือไม่
หากวันนั้นนางไม่ตกปากรับคำฟ่านเฉิน หากวันนั้นนางยับยั้งชั่งใจตนเอง จะสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์เลวร้ายได้หรือไม่
แต่ทว่าเมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง นางเป็นเพียงสตรีมือเปล่า ถึงนางไม่เข้าหาฟ่านเฉิน ไม่เกี่ยวพันกับเขา นางก็ไม่สามารถยับยั้งเรื่องที่เขาจะก่อกบฏได้ นางจะสามารถเปลี่ยนทุกอย่างดั่งใจตนปราถนาได้จริงหรือ!
หรือว่าสวรรค์ลิขิตเอาไว้แล้วว่าคนตระกูลเย่อย่างไรย่อมต้องตายตกตามกันไปทั้งหมด!
ไป่ซู่ฮวาค้านจะเจรจากับแม่ลูกบัดซบพวกนี้แล้ว นางเกรงว่าหากฟ่านเฉินรู้เรื่องที่นางกำลังจะทำและมาที่นี่แผนของนางจะต้องเสียเปล่าเป็นแน่
"จับตัวเย่ฮองเอามาให้ข้า นี่เป็นคำสั่งขององค์ชายรอง ข้าจะจัดการนาง"
เย่หลีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้ามาขวางทางเอาไว้ ไป๋ซู่ฮวาจึงจัดการตบนางไปฉาดหนึ่ง เย่หลีตบคืนเช่นเดียวกัน แต่ตบได้ฉาดเดียวก็ถูกทหารที่ไป๋ซู่ฮวาพามาด้วยกดตัวเอาไว้กับพื้น
"ซู่ฮวาเจ้าปล่อยนางนะ นางไม่เกี่ยว หากเจ้าเกลียดข้าก็มาลงที่ข้า!"
“ไม่เกี่ยวได้อย่างไร นางเป็นถึงฮองเฮา ข้าปล่อยนางไปไม่ได้หรอก หากว่านางเกิดตั้งครรภ์ภายหลัง และให้กำเนิดทายาทออกมา จะเป็นภัยต่อข้าและสามี”
"เจ้าและฟ่านเฉินมันตัวน่ารังเกียจ!"
ไป๋ซู่ฮวาเมื่อได้ยินกลับไม่โกธรเพียงยิ้มเหยาะหยันอย่างผู้ชนะ นางพยักหน้าให้ทหารคราหนึ่ง ทหารผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นหมายจะสังหารนางและเย่หลิงในดาบเดียว แต่เย่ฮูหยินกลับรับดาบนั้นแทน เย่หลีและเย่หลิงกรีดร้องสุดเสียง เย่ฮูหยินยื่นมือมาหมายจะจับใบหน้าของบุตรสาวทั้งสองที่นางรักยิ่งแต่ทว่ากลับสิ้นลมหายใจไปเสียก่อน
"ท่านแม่/ท่านแม่!"
เย่หลีกำมือแน่นก่อนจะกรีดร้องสุดเสียง จะร้ายจะดีอย่างไรแม้เย่ฮูหยินไม่ใช่มารดาแท้ๆของนางแต่ก็เลี้ยงดูนางมาเป็นอย่างดี นางตายก็ช่างไปเถิด แต่คนดีดีไม่สมควรได้พบจุดจบเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
นางจ้องไป๋ซู่ฮวาเขม็ง ไป๋ซู่ฮวากลับไม่สะทกสะท้านอีกทั้งยังย้ำประโยคเดิมว่า นี่คือคำสั่งของฟ่านเฉิน
ดาบยาวอีกเล่มพุ่งตรงมาที่นาง แต่ทว่าครั้งนี้เย่หลิงกลับผลักนางออกและรับคมดาบนั้นแทนเย่หลี ก่อนตาย เย่หลิงยิ้มให้นางและบอกว่า
ไม่มีฟ่านหลิ่นแล้ว ข้าอยู่ไม่่ได้ ข้าจะไปหาเขาที่ปรโลก แต่ก่อนตายข้าดีใจที่ได้ปกป้องพี่สาว พี่สาวข้าไม่เคยเกลียดท่านเลย ท่านแม่บอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน จะต้องช่วยเหลือกัน
"อ๊า ไม่!"
เย่หลีดิ้นหลุดออกจากการจับกุมของทหารก่อนจะพุ่งเข้ามาคว้าร่างของเย่หลิงและเย่ฮูหยินมากอดเอาไว้ก่อนจะร้องไห้โฮ ยามนี้ตระกูลเย่สิ้นแล้ว ไม่มีใครหลงเหลืออีกแล้ว
คำพูดของเย่จิ้นอันเป็นความจริง นางเดินทางผิด หากนางเชื่อฟังคำของคนในครอบครัว บางคราท่านพ่อและพี่ชายอาจจะหาทางรับมือได้ พวกเขาอาจจะมีทางรอด สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงมองดูพวกเขาตายตกไปทีละคน
อนุซ่งโผเข้ามากอดบุตรสาวของตน การตายของคนตระกูลเย่สร้างความสะเทือนให้แก่นางไม่น้อย จะร้ายจะดี สองแม่ลูกนั่นก็ไม่เคยทำร้ายนาง ซ้ำยังไม่รังเกียจเย่หลีของนาง
ไป๋ซู่ฮวามองเย่หลีอย่างสมเพช ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา นางสั่งให้คนจับตัวเย่หลีเอาไว้ แต่ทว่าอนุซ่งกลับมาขวางตรงหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ซู่ฮวา และเอ่ยขอร้อง
“พระชายา ได้โปรด ข้าขอร้องล่ะ ท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ ท่านเอาข้าไปทรมาณแทน จะทุบจะตีข้าเช่นไรก็ได้ ข้ายอมทั้งสิ้น แต่ปล่อยนางไปเถอะ ฮือ ปล่อยนางไปเถอะ!”
อนุซ่งโขกศีรษะกับพื้นจนเลือดอาบศีรษะ เย่หลีรีบเข้ามาประคองอนุซ่ง ก่อนจะเอ่ย
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ! อย่าทำเช่นนี้”
ยามนี้นางไม่เหลือใครแล้ว มีเพียงอนุซ่งที่เป็นมารดาแท้ๆ เย่หลียิ้มขื่น ก่อนจะเอ่ยกับไป๋ซู่ฮวา
“ปล่อยมารดาข้าไป นางเป็นเพียงอนุ คงไม่อาจก่อคลื่นลมใดให้เจ้าได้กระมัง”
“ไม่! หลีเอ๋อร์ แม่ไม่ไป!”
ไป๋ซู่ฮวาส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะเอ่ย
“ช่างเป็นภาพที่ครอบครัวรักใคร่ปรองดองกันจริงๆ แต่ขออภัยด้วย ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป!”
เอ่ยจบไป๋ซู่ฮวาก็สั่งให้คนนำยาพิษไปกรอกปากเย่หลี แต่ทว่าอนุซ่งกลับพุ่งเข้าไปคว้ายาถ้วยนั้นมาดื่มจนหมด นางกระอักโลหิตออกมา ก่อนจะสิ้นใจตาย เย่หลีมือสั่นทำสิ่งใดไม่ถูก การต้องมองเห็นคนในครอบครัวตายไปคนแล้วคนเล่าช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายเหลือเกิน
นางไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบแล้ว หญิงสาวกรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้า ไป๋ซู่ฮวาสั่งให้คนจับตัวเย่หลีเอาไว้ก่อนจะยื่นมือมาบีบปลายคางของเย่หลีให้เงยหน้าขึ้น และกรอกยาพิษใส่ปากของนาง เย่หลีดื่มยาพิษไปจนหมดถ้วย ก่อนจะไอออกมาด้วยความทรมาณ ลำคอของนางแสบร้อนไปหมด นางนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาณ กระอักโลหิตออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนอ่อนแรง ทำได้เพียงนอนมองไปที่ศพของเย่ฮูหยิน อนุซ่งและเย่หลิงด้วยดวงตาที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา
เย่หลียิ้มขมขื่น นางไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น ไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะหายใจ
ฟ่านเฉินมอบความตายให้นางจริงๆ
หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสิ้นหวัง ภาพในวันวานภาพแล้วภาพเล่าวนย้อนกลับมาอีกครา
หากนางเกิดใหม่ได้อีกครั้ง นางจะไม่เดินบนทางเดิม ไม่เป็นคนเคียดแค้น ไม่หลงใหลในอำนาจ ไม่ทำตัวร้ายกาจ ไม่เดินสู่เส้นทางวังวนแห่งการแก่งแย่ง ปกป้องคนในครอบครัวด้วยชีวิต เชื่อคำของพี่ชายใหญ่ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขที่สุด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับฟ่านเฉิน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของเขาจนนางช่วยคนในตระกูลไม่ได้ แม้ว่ามันอาจจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ไม่มาก แต่ก็คงจะไม่ทำให้คนในตระกูลเย่ต้องตายเช่นนี้
ข้าจะไม่แก้แค้นผู้ใด ให้กลายเป็นเวรกรรมตามติดมาพบกันทุกชาติอีก
ข้าทำเลวมามาก ยามตายก็โดดเดี่ยว ผู้คนก่นด่าประนามสาปแช่งข้า ขอให้ข้าได้มีโอกาศทำดีชดเชยสักคราได้หรือไม่
สวรรค์ได้ยินคำขอของข้าหรือไม่!
เย่หลีดวงตาแดงก่ำ โลหิตไหลออกมาจากดวงตาและริมฝีปากเพราะยาพิษในกายกำเริบ
ภาพเบื้องหน้ายามนี้เริ่มเลือนรางลงไปเรื่อยๆ
นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน
เย่หลีเริ่มหมดแรงลงไปช้าๆ ฉับพลันก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง สีสันของมันช่างสวยงามเหลือเกิน นางค่อยๆยกมือขึ้นหมายจะจับมัน แต่ทว่าไม่อาจออกแรงยื่นมือไปคว้าจับได้
นางไม่ไหวแล้ว
เย่หลีค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ลมหายใจของนางเริ่มขาดห้วง สุดท้ายก็หมดสิ้นลมหายใจ ก่อนจะตายนางพลันเห็นใบหน้าของคนผู้หนึ่ง
เป็นฟ่านเฉิน!
แม้แต่ยามตายเขาก็ยังไม่ยินยอมปล่อยนางไป
ฟ่านเฉิน ข้าจะไม่เคียดแค้นท่านให้เราสองคนมีเวรกรรมต่อกัน ท่านและข้า ไม่ว่าชาติใดก็อย่าได้มาบรรจบพบเจอกันอีกเลย!
อย่าได้พบเจอกันอีกเลย!