บทที่ 5 ชิงชัง

1909 คำ
หลายวันมานี้ เย่หลีอาละวาดเกรี้ยวกราดอย่างหนัก นางเอาโทสะไปลงกับสาวใช้ และยังคิดจะหาเรื่องเย่หลิง จนแม่ทัพใหญ่เย่ต้องจับนางขังเอาไว้ นานวันเข้าเย่หลีก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะอาละวาดอีก นางเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญและด่าทอฟ่านเฉินไม่หยุด สุดท้ายแล้วแม้เย่หลิงจะไม่ได้แต่งกับฟ่านหลิ่น แต่ตัวเย่หลีก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก นางไม่อาจกลับไปหาฟ่านหลิ่นได้อีกแล้ว อำนาจที่นางปรารถนายามนี้กลายเป็นเพียงหมอกจางๆที่สลายหายไปไม่ทิ้งร่องรอยใดเอาไว้ให้นางไขว่คว้าได้อีก งานแต่งถูกกำหนดมาแล้ว แม้จะไม่อยากแต่งแต่เมื่อเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทย่อมไม่อาจขัดขืน หลายวันต่อมา เมื่อถึงฤกษ์ดีวันแต่งงาน เย่หลีถูกเย่ฮูหยินปลุกให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ นางเหมือนศพไร้วิญญาณ ใบหน้าเฉยชา ดวงตาว่างเปล่า เย่ฮูหยินแม้จะไม่ยินดีที่บุตรสาวทำตัวเช่นนั้น แต่อย่างไรนี่ก็คือบุตรสาวของนางย่อมไม่อาจเกลียดชังบุตรีของตนได้ ทำได้เพียงปลอบใจเท่านั้น งานสมรสนี้ไม่ได้สร้างความดีใจและเบิกบานให้แก่คนตระกูลเย่เลยแม้แต่น้อย แม่ทัพใหญ่เย่เองก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เขาทั้งสงสารเย่หลีและรู้สึกผิดต่อเย่หลิง เหตุใดชะตาชีวิตของบุตรสาวทั้งสองของเขาจึงเดินมาถึงจุดนี้ได้ ขมขื่น ฝืดเฝื่อน และมีแต่ความทุกข์ตรม เย่หลีถูกรับตัวไปที่จวนองค์ชายรอง ครั้งนี้นางพาเถาเป่าติดตามไปรับใช้ด้วย ทุกอย่างจัดขึ้นอย่างสมฐานะของนาง แต่ทว่านางกลับไม่รู้สึกปลาบปลื้มยินดีเลยแม้แต้น้อย นางไม่ยินดีเลย! ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ต้องเป็นแผนการของฟ่านเฉิน เขาหลอกใช้นาง เขาไม่รักษาสัญญา ฟ่านเฉินยามนี้สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงใบหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ในใจของเขาขมฝาดเหลือเกิน ความรู้สึกมากมายกระทบกระเทือนจิตใจของเขาไม่หยุด มันมีทั้งความรู้สึกยินดีและไม่ยินยอมตีกันอยู่ภายในใจของเขา เขายินดีที่ได้พบเจอสตรีวัยเด็กผู้นั้นอีกครา สตรีที่อยู่ในใจของเขาผู้นั้น แต่เขาไม่ยินยอมที่จะแต่งกับนาง ไม่อยากให้วาสนาด้ายแดงนี้ผูกมัดเขาและนางจนไปไหนไม่ได้อีก เพราะเขารู้ดีว่า จุดจบระหว่างเขาและนางจะเป็นเช่นไร ในเมื่อรู้จุดจบแล้ว มิสู้อย่าผูกวาสนากันจะดีกว่า เมื่อถึงวันที่ลงมือเขาจะได้ไม่รู้สึกผิดอันใด งานสมรสนี้สวีกุ้ยเฟยมาเป็นประธานในพิธี นางเพียงมองดูลูกสะใภ้ตนแวบหนึ่งและมิได้กล่าวสิ่งใด ก่อนจะจากไปยังเอ่ยว่าให้คนทั้งสองครองรักกันนานๆ งานเลี้ยงดำเนินต่อไป จนกระทั่งแขกเหรื่อกลับไปหมดแล้ว ฟ่านเฉินจึงเดินเข้ามาหาเย่หลีที่นั่งอยู่ในห้องหอ เมื่อสาวใช้เห็นว่าองค์ชายรองมาแล้วก็พากันล่าถอยออกไป ชายหนุ่มปรายตามองสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตนแวบหนึ่ง นางกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เรียบเฉยว่างเปล่า เมื่อเขามองไปที่พื้นก็พบกับผ้าคุลมหน้าเจ้าสาวที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ กองอยู่บนพื้น ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมา ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ บนพื้นหมายจะโยนมันไปให้พ้นสายตา แต่ทว่าเขากลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังขยับกายพุ่งตรงเข้ามาหาเขา สัญชาตญาณการป้องกันตนเองบอกให้เขาระวังตัว ฟ่านเฉินรีบหันไปมองก่อนจะพบว่าเย่หลียามนี้กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาจริงๆ ในมือของนางมีมีดสั้นเล่มหนึ่ง นางหมายจะสังหารเขาในคืนเข้าหอ! แต่ฟ่านเฉินรวดเร็วยิ่งกว่า เขาคว้าจับข้อมือของนางเอาไว้ได้ทัน ส่วนมืออีกข้างก็รวบตัวนางเข้ามา เย่หลีจ้องมองฟ่านเฉินด้วยความเกลียดชัง พลางพูดขึ้นว่า "วันนี้ข้าจะเอาเลือดท่านมาล้างความอัปยศในใจข้าให้ได้!" ฟ่านเฉินส่งเสียงเหอะ ตะคอกเสียงเข้ม "เจ้าลงมือผิดคนแล้วเย่หลี!" เย่หลีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเอ่ยกับเขา "คนสารเลว คนบัดซบ ท่านหลอกใช้ข้า ท่านหลอกให้ข้าตกหลุมพรางใช่หรือไม่!" นางเค้นถามเขาด้วยน้ำเสียงที่จงเกลียดจงชัง ฟ่านเฉินจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาแล้วจึงอ้าปากตอบนางด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เจ้าเองก็หลอกใช้ข้าเช่นกันไม่ใช่หรือ เย่หลี" เย่หลีพลันชะงักไปชั่วขณะ แววตาวูบไหวไปมา "คิดว่าข้าไม่รู้หรือ หากเจ้าได้สมปรารถนากับฟ่านหลิ่นแล้ว เจ้าเองก็คงไม่ปล่อยข้าไปเช่นกัน ถูกไหม" "ท่านก็ไม่เคยคิดจะปล่อยข้าเหมือนกัน! ท่านคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ บอกมา!" "ใช่ ข้าไม่เคยคิดจะปล่อยเจ้า แต่ข้าไม่เคยคิดว่าเราจะมาอยู่ด้วยกันในสภาพนี้ ข้าไม่เคยอยากแต่งกับเจ้า ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ในเมื่อเจ้าอยากจะรู้ข้าก็จะบอกเจ้าให้ วันนั้นที่หอเซียนสุราเมามาย ที่ข้าบอกเจ้าว่าข้าชอบน้องสาวเจ้า ข้าโกหก ข้าไม่เคยชอบนาง เพียงใช้นางหลอกล่อเจ้าเท่านั้น เพราะเจ้าคือหมากตัวสำคัญในแผนการนี้ เมื่อทุกอย่างที่ข้าต้องการสำเร็จลุล่วง ข้าไม่เคยคิดจะปล่อยคนตระกูลเย่ไป แต่ในเมื่อวันนี้เจ้าแต่งเข้ามาเป็นภรรยาข้าแล้ว ข้าก็จะให้ของขวัญเจ้า หากถึงเวลานั้นเจ้าว่าง่ายสักหน่อย บางทีข้าอาจจะปล่อยเจ้าไป ไม่ฆ่าเจ้าและคนตระกูลเย่ก็ได้" “สารเลว! นี่ท่านคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ ข้าจะไปบอกให้ท่านพ่อรู้ ท่านอย่าหวังเลยว่าจะทำสำเร็จ!" "คนที่รู้เรื่องของข้าไม่มีวันก้าวออกไปจากจวนข้าได้ และไม่มีสิทธิ์มีชีวิตอยู่ต่อ ในเมื่อเจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้าจงทำตัวให้ดี!" "อ๊า! ข้าเกลียดท่าน ฮือ ข้าเกลียดท่านได้ยินหรือไม่ฟ่านเฉิน ข้าทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง อยากจะสับท่านเป็นหมื่นเป็นพันชิ้น!" เย่หลีจะพยายามทำร้ายเขา ฟ่านเฉินบิดข้อมือนางจนมีดในมือกระเด็นไปไกล เย่หลีร้องไห้จนหมดแรง นางล้มลงไปนั่งบนพื้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา ยามนี้นางไม่อาจได้ดั่งใจปรารถนาอีกแล้ว อีกทั้งไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่รอดได้อีกหรือไม่ นางไม่ควรร่วมมือกับเขาเลย ฉับพลันคำเตือนที่เย่จิ้นอันพี่ชายเตือนนางเอาไว้ก็ย้อนกลับมา ยามนั้นนางไม่เชื่อ คิดว่าจะเป็นฝ่ายควบคุมเขาได้ แต่ยามนี้กลับกลายเป็นนางที่ถูกเขาควบคุมเสียเอง ที่สำคัญนางกลับทำได้เพียงมองดูคนตระกูลเย่ทั้งตระกูลกำลังเดินไปสู่เหวลึกเพราะความอวดดีของตนเอง เมื่อเห็นว่าเย่หลีร้องไห้ไม่เป็นผู้เป็นคน ใจของฟ่านเฉินก็บีบรัด แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ทำให้มันสงบลง เขาทิ้งกายลงนั่งตรงหน้านาง ก่อนจะยื่นมือไปเชยปลายคางของนางให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา "เย่หลี เจ้าไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว จงอยู่อย่างสงบ บางคราข้าอาจจะเหลือทางรอดให้เจ้าได้" "ถุย!" เย่หลีถ่มน้ำลายใส่หน้าฟ่านเฉินอย่างไม่เกรงกลัว ฟ่านเฉินพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะสั่งให้คนจับตาดูนางให้ดี ส่วนเขานั้นไปนอนที่ห้องหนังสือ เมื่อได้อยู่เพียงลำพัง ฟ่านเฉินก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนคราหนึ่ง ก่อนจะสบถออกมา เป็นเพราะนางทุกอย่างที่เขาคิดมันจึงผิดแผนไปหมด! เหลือทางรอดให้นางอย่างนั้นหรือ เมื่อถามใจดูแล้วกลับได้คำตอบว่า เขาทำใจสังหารนางได้ลงคอจริงหรือ! เวรกรรมอันใดกัน จึงทำให้เขาเกิดผูกพันกับสตรีชั่วร้ายเช่นนี้ได้ ที่มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า เราเป็นเช่นไรก็จะดึงดูดคนประเภทเดียวกันให้เข้ามาหาเรา มันคงเป็นเรื่องจริงสินะ! นับตั้งแต่วันนั้นเขาและนางก็เหมือนศัตรูคู่อาฆาต นางเจอเขาก็มีแต่พุ่งเข้ามาจะทำร้าย เขาทนไม่ไหวจึงสั่งขังนางเอาไว้ มีสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ มีอาหารให้กิน ไม่ได้ทรมานนาง แต่ทุกๆ วัน ฟ่านเฉินมักจะได้ยินว่ามีบ่าวรับใช้หามศพสาวใช้ออกมาจากเรือนที่เย่หลีอยู่อยู่เป็นประจำ นางใจดำอำมหิตเกินคนไปแล้ว! เขาไม่มีเวลามาสนใจนางมากนัก ยามนี้เสด็จพ่อทรงประชวรหนัก คนในวังหลวงต่างรู้กันดี ทว่านอกวังกลับยังไม่มีข่าวคราวเผยแพร่ออกมา เพราะหนิงฮองเฮาสั่งให้คนปิดเรื่องนี้เอาไว้ ห้ามแพร่งพรายให้คนภายนอกรับรู้เป็นอันขาด ใกล้ถึงเวลาที่เขาจะลงมือแล้ว! วันนี้ฟ่านเฉินเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อมาเยี่ยมดูอาการป่วยของฮ่องเต้ ระหว่างทางเขาได้พบกับชินอ๋องฟ่านหรงโดยบังเอิิญ ชินอ๋องฟ่านหรงคือเสด็จอาของเขา เป็นน้องชายต่างมารดาของฮ่องเต้ ชินอ๋องฟ่านหรงเกิดจากนางสนมที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงศักดิ์อันใด แต่เพราะมีความชอบช่วยออกรบจนได้รับบาดเจ็บ ขาพิการไม่อาจเดินเหินได้สะดวก ฮ่องเต้จึงอนุญาตให้เขาไม่ต้องมาร่วมประชุมยามเช้า และยังให้เบี้ยหวัดเช่นเดิมเพราะเคยทำความดีความชอบแก่บ้านเมือง แม้จะพิการแต่ยังมาเยี่ยมฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชายและภักดีเป็นอย่างมาก ฟ่านหรงคืออีกคนที่เขาเก็บเอาไว้ไม่ได้! สองอาหลานเอ่ยทักทายกันตามประสา ก่อนจะแยกย้ายกันไป อาการประชวรของฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นยังคงไม่สู้ดีเท่าใดนัก เหล่าขุนนางต่างตกถกเถียงกันไปต่างๆนาๆว่า อีกไม่นานอาจจะเกิดการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ขุนนางต่างแบ่งฝักฝ่าย มีไม่น้อยที่เข้าหาฟ่านเฉิน แต่ส่วนใหญ่ล้วนเข้าหาฟ่านหลิ่นเสียมากกว่า ในวังหลวงเกิดการคานอำนาจกันอย่างลับๆ และในขณะเดียวกัน ยามนี้ก็มีข่าวลือหนึ่งกำลังแพร่สะพัดไปถ้วนทั่วในหมู่ชนชั้นสูงและขุนนาง สร้างความตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยเลย นั่นก็คือข่าวการสลับตัวบุตรสาวภายในจวนตระกูลเย่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม