ด้านฟ่านหลิ่นนั้น เขามาตามที่เย่หลิงนัดหมายเอาไว้ แต่ทว่ารอแล้วรอเล่ากลับไม่พบแม้แต่เงาของเย่หลิง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คาดว่านางคงจะกลัวถูกบิดาจับได้จึงหนีกลับจวนไปแล้วสินะ เด็กดื้อ เอาเถิด ไว้เขาค่อยหาโอกาศแอบไปหานางอีกสักครา ครั้งหน้าจะนำขนมที่นางชอบไปมอบให้นางได้ลองลิ้มชิมรสด้วย
เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็ได้พบเจอผู้คนประปราย ฟ่านหลิ่นก็คิดว่าจะเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง แต่ในขณะที่เขากำลังเดินกลับไป ระหว่างทางก็พบกับสตรีวัยกลางคนที่เดินมาพร้อมสาวใช้ ท่าทางของนางดูร้อนรนไม่น้อยเลย เขาจำได้ว่านางคือเย่ฮูหยินมารดาของเย่จิ้นอันและเย่หลีนั่นเอง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงเดินเข้าไปหานางทันที
"เย่ฮูหยิน ไม่ทราบว่าท่านหาสิ่งใดอยู่หรือ เหตุใดจึงดูร้อนใจเช่นนี้เล่า"
เย่ฮูหยินเมื่อเห็นฟ่านหลิ่นก็รีบทำความเคารพ ก่อนจะเอ่ย
"ทูลคังอ๋อง ก่อนหน้านี้หลีเอ๋อร์บอกว่าจะมาที่ห้องปลดทุกข์ นางออกมาพร้อมสาวใช้ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้วนางยังไม่กลับมาเลย หม่อมฉันเกรงว่านางจะซุกซนจนสร้างเรื่อง จึงออกมาตามหาเพคะ ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงเห็นบุตรสาวของหม่อมฉันบ้างหรือไม่"
ฟ่านหลิ่นขมวดคิ้วมุ่น พลางคิดทบทวนแล้วพูดขึ้นมาว่า
"หลังจากที่นางมามอบของขวัญให้ข้า ข้าก็ไม่เห็นนางอีกเลย จวนของข้ามีการคุ้มกันค่อนข้างปลอดภัย เย่ฮูหยินไม่ต้องกังวล ข้าจะให้สาวใช้ออกตามหาพวกนางสองคน ท่านวางใจเถิด"
เย่ฮูหยินพยักหน้า ฟ่านหลิ่นสั่งให้สาวใช้ไปตามหาเย่หลี ในขณะที่เขาและเย่ฮูหยินเองก็ช่วยกันเดินตามหาเย่หลีเช่นเดียวกัน
ไม่รู้ว่ามีคนปากเปราะผู้ใดกันที่ไปบอกคนในงานว่าเย่หลีและสาวใช้หายตัวไป คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นก็รีบออกมาดูสถาณการณ์ทันที มีไม่น้อยที่เต็มใจช่วยตามหา แม่ทัพใหญ่เย่และเย่จิ้นอันเมื่อได้ยินว่าอยู่ๆเย่หลีหายตัวไปก็ร้อนใจขึ้นมาทันที รีบมาช่วยกันตามหานางเช่นเดียวกัน
ฟ่านจิ้งที่เพิ่งสร่างเมา เมื่อเขาหันไปมองก็ไม่พบกับฟ่านเฉินพี่ชายเสียแล้ว จึงออกตามหาคิดว่าจะชวนพี่ชายกลับจวนไปพร้อมกัน แต่กลับพบว่าในงานเลี้ยงตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย เมื่อสอบถามก็ได้ความว่าคุณหนูเย่หายตัวไปพร้อมสาวใช้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า ก่อนจะเดินไปตามหาฟ่านเฉิน เดินมาเรื่อยๆก็มาพบกับฟ่านหลิ่นที่เดินมาพร้อมกับเย่ฮูหยิน
"น้องสามเจ้ามาทำอันใด หากเมาก็ไปนอนเถิด ข้าจะให้สาวใช้เตรียมที่นอนให้เจ้า"
ฟ่านจิ้งส่ายหน้าไปมา แล้วกล่าวขึ้นว่า
"ข้ามาตามหาพี่รอง เขาบอกว่าจะมาเดินเล่นรับลมที่ท้ายจวนที่นั่นบรรยากาศดีลมเย็นสบาย ว่าแต่พวกท่านหาคุณหนูเย่เจอแล้วหรือ ข้าได้ยินคนเขาพูดกันว่านางหายไปพร้อมกับสาวใช้"
ฟ่านจิ้งเอ่ยถามด้วยความสงสัย ในขณะที่ทกคนกำลังสับสนร้อนอกร้อนใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ดังขึ้น รวมไปถึงเสียงของผู้คนที่เอ่ยซุบซิบกันไปต่างๆ นานา เย่ฮูหยินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบเดินไปดูทันที
ภาพที่เห็นทำเอานางแทบล้มทั้งยืน แม้แต่แม่ทัพใหญ่เย่และเย่จิ้นอันก็ยังหน้าชาอับจนถ้อยคำในทันที
ในเรือนเล็กท้ายจวนคังอ๋อง ยามนี้มีร่างของบุรุษและสตรีสองคนกำลังนอนกอดรัดกระหวัดนัวเนียกัน เป็นฟ่านเฉินกับเย่หลี!
คนทั้งสองนอนกอดรัดกันอยู่บนพื้น เย่หลีมีเพียงผ้าคลุมกายบางๆเท่านั้น ตามแขนและขาที่ขาวนวลเนียนมีรอยสีแดงเป็นจ้ำๆ ส่วนฟ่านเฉินนั้นตามลำคอก็มีรอยแดงและรอยเล็บเช่นเดียวกัน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนทั้งสองทำสิ่งใดกันก่อนหน้านี้!
เย่ฮูหยินเป็นลมล้มพับไปในทันทีแม่ทัพเย่รีบเข้าไปประคองภรรยาตน ส่วนเย่จิ้นอันนั้นก็รีบเข้าไปหาน้องสาวก่อนจะถอดชุดคลุมมาคลุมร่างของเย่หลีเอาไว้
"หลีเอ๋อร์ หลีเอ๋อร์เจ้ารีบตื่นสิ!"
เย่หลีเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกนางก็สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเจอเย่จิ้นอัน หญิงสาวปวดหนึบไปทั่วทั้งตัว นางเอ่ยถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
"พี่ใหญ่ เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ได้ คังอ๋องเล่า"
เย่จิ้นอันปั้นหน้าไม่ถูก เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ปริปาก เย่หลีก็ขมวดคิ้ว นางพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เมื่อก้มลงมองก็พบว่าเสื้อผ้าตนเองกระจัดกะจายอยู่บนพื้น นางย่นหัวคิ้วก่อนจะหันมองไปโดยรอบ
ยามนี้มีคนมุงดูและมองนางอย่างดูถูกดูแคลน บ้างก็เอ่ยกระซิบกระซาบนินทานางว่าหน้าไม่อาย เย่หลีใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นางหันมองซ้ายขวา ก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่างของฟ่านเฉิน
ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เขานอนอยู่ข้างนาง มือข้างหนึ่งยังวางอยู่บนเอวบางของนาง อีกทั้งที่ชายเสื้อสีขาวของเขายังมีรอยเลือดจางๆอยู่ด้วย ไม่ต้องบอกนางก็พอจะรู้ว่ารอยเลือดนั่นมันมีต้นตอมาจากที่ใด
เย่หลีเอ่ยวาจาใดไม่ออก นางนึกย้อนไปว่าก่อนหน้านี้นางและเขาเข้ามาในห้องและได้กลิ่นกำยานประหลาด
ไม่จริง!
นางแตกตื่นลนลานมองไปรอบๆ ก่อนจะพบกับฟ่านหลิ่นที่ยืนมองดูนางพร้อมกับย่นหัวคิ้ว
"ไม่จริง ไม่จริง อ๊า!"
เย่หลีกรีดร้องออกมาสุดเสียง ปลุกให้ฟ่านเฉินที่กำลังนอนหลับไปเพราะหมดแรงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มหันมามองก่อนจะพบกับเย่หลีที่จ้องตนเขม็ง ดวงตาของนางแดงก่ำ ใบหน้าเย็นเยียบราวกับจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ
เขาไม่ใช่คนโง่ ดูจากสถาณการณ์ตรงหน้าคาดว่าตอนนี้ไม้ได้กลายเป็นเรือเขาและนางคงจะกลายเป็นสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหันไปมองฟ่านหลิ่นที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะกัดฟันกรอด
เป็นแผนของฟ่านหลิ่นคนสารเลวจริงๆ! เบื้องหน้าแสร้งทำเป็นคนดี แต่กลับตลบหลังเขา ทั้งวางยาและพาคนมาดูพวกเขาทำเรื่องเช่นนั้นกัน ให้เขาและเย่หลีอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเช่นนี้!
ฟ่านหลิ่นรีบสั่งให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับจวนตนเองไปก่อน ก่อนจะไปคนเหล่านั้นยังซุบซิบกันว่าเย่หลีหน้าไม่อาย ได้ยินว่าเพราะพลาดหวังจากคังอ๋องไปไม่นาน ก็คิดจะจับองค์ชายรองช่างน่าหน้าด้านหน้าหนาโดยแท้
เมื่อคนจากไปหมดแล้ว เย่หลีก็หันมามองฟ่านเฉิน ก่อนจะเอ่ย
"คนสารเลว ไหนท่านบอกว่าทุกอย่างจะราบรื่น เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เพราะเหตุใด!"
นางพุ่งเข้าไปดึงทึ้งศีรษะของฟ่านเฉินอย่างไม่ออมมือ ฟ่านเฉินเจ็บจนต้องรวบแขนของนางและกดนางลงบนพื้น
"ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ มีคนคิดตลบหลังพวกเรา!"
"เป็นเพราะท่าน ท่านวางแผนเอาไว้แล้ว เพื่อให้ข้าหลงกลท่าน สารเลว ท่านมันตัวบัดซบ ปล่อยข้า!"
ฟ่านหลิ่นไม่เข้าใจในสิ่งที่คนทั้งสองพูด เขารีบสั่งให้คนไปแยกฟ่านเฉินและเย่หลีออกจากกัน
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟ่านเฉินก็เดินจากไป ก่อนจากเขาหันมามองนางเห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้าก็จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ส่วนเย่หลีเองก็เอาแต่กรีดร้องด้วยความเคียดแค้น เมื่อกลับมาถึงจวนผู้ใดถามสิ่งใดนางก็ไม่ยอมบอก แม่ทัพใหญ่เย่จึงเรียกเถาเป่ามาถามก็ไม่ได้ความอันใดเลยแม้แต่น้อย
ฟ่านหลิ่นเองก็ให้คนสืบหาต้นตอของเรื่องทั้งหมดแต่ก็ไม่พบสิ่งใดเช่นกัน
ด้านสาวใช้ที่โดนฟ่านเฉินตีจนสลบก่อนหน้านี้นั้น ก็ได้สติฟื้นตื่นเดินหายไปก่อนหน้าที่ฟ่านหลิ่นและเย่ฮูหยินจะมาถึงแล้ว เรื่องนี้จึงไม่อาจสืบความใดได้อีก
ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นเมื่อได้ทราบเรื่องบัดสีที่เกิดขึ้นก็พิโรธไม่น้อย ถึงกับเรียกฟ่านเฉินมาสั่งสอนหลายประโยค และบอกให้เขารับเย่หลีเข้าจวนเป็นพระชายาเอกเสีย
เดิมทีเขาไม่อยากให้บุตรสาวทั้งสองคนของสหายรักแต่งกับบุตรชายทั้งสองพร้อมกัน เพราะไม่อยากให้เกิดการแย่งอำนาจและแบ่งฝักฝ่าย แต่ครั้งนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เขาจำเป็นต้องตัดสินใจ
เมื่อเย่หลีแต่งให้ฟ่านเฉินแล้ว แน่นอนว่าเย่หลิงย่อมไม่อาจแต่งเข้ามาเป็นชายารองของฟ่านหลิ่นได้อีก อย่างไรเสียก็เป็นแค่บุตรอนุผู้หนึ่ง เชิดหน้าชูตาไม่ได้อยู่แล้ว ฟ่านหลิ่นย่อมต้องเข้าใจเขา
เมื่อฟ่านหลิ่นได้ทราบเรื่องก็เสียใจเป็นอย่างมาก เขารีบร้อนแอบมาหาเย่หลิงกลางดึก นางเองไม่ต่อว่าเขาและเข้าใจเขาดี ฟ่านหลิ่นให้คำมั่นสัญญาวันใดที่เขาได้เป็นฮ่องเต้วันนั้นเขาจะมารับนางเข้าวัง เมื่อเป็นฮ่องเต้แล้วย่อมไม่มีใครมาบังคับเขาได้ แต่ยามนี้นางคงต้องรอไปก่อน เย่หลิงเองก็สัญญาว่านางจะไม่แต่งให้บุรุษอื่น ชาตินี้จะรอเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
สวีกุ้ยเฟยที่ทราบเรื่องก็ปลอบบุตรชายตนไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้ ยามนี้ไม่อาจแก้ไขทำได้เพียงยอมรับ ถือซะว่าเก็บนางเป็นหมากเอาไว้ข้างกาย เผื่อวันหน้าจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ ฟ่านเฉินกลับมาที่จวน เขานอนครุ่นคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมันจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้
แรกเริ่มเขาไม่อยากจะใช้นางเป็นหมาก แต่สถานการณ์จวนตัวทำให้ต้องดึงนางเข้ามาพัวพันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ก็แค่สตรีเจ้าอารมณ์ผู้หนึ่ง นางไม่สามารถก่อคลื่นลมใดให้เขาได้อยู่แล้ว วันหน้าค่อยขังนางเอาไว้ก็ไม่เป็นอันใด แต่ทว่าแผนกลับพังไม่เป็นท่า เขาและนางต้องกลายมาเป็นสามีภรรยากัน
ฟ่านเฉินหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะหวนคิดถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน
ยามนั้นเขามีอายุเพียงเก้าขวบปี เสด็จพ่อพาเขามาเที่ยวเล่นที่ค่ายทหารพร้อมกับฟ่านหลิ่น เขาเดินไปทั่วจนพลัดหลงกับแม่นมซุกซนปีนต้นไม้จนพลัดตกต้นไม้มา ร้องไห้โยเย และมีหญิงสาวตัวน้อยที่เดินเข้ามาหาเขา นางบอกว่าเขาช่างอ่อนแอยิ่งนัก ตกต้นไม้เพียงเท่านี้ก็ร้องไห้เสียแล้ว แม้ปากจะด่าว่าแต่กลับช่วยเข้ามาพยุงเขาเดินไป และใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเช็ดเลือดบนหัวเข่าให้เขา
นางคือเย่หลี
เขารู้ว่านางจำเขาไม่ได้แล้ว ยามนั้นนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นองค์ชาย หลังจากช่วยเขาและพาเขามานั่งใต้้ต้นไม้และทำแผล นางเห็นว่าเขาปลอดภัยแล้วจึงยิ้มตาหยีและมอบผ้าเช็ดหน้าให้เขาเอาไว้เช็ดแผล ไม่นานก็มีแม่นมมาตามนางให้กลับไปหาท่านพ่อและเรียกนางว่าคุณหนูเย่หลี
เขาจำได้ไม่เคยลืม
หลังจากนั้นเขาและนางก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เขาได้ยินเพียงว่านางก่อเรื่องไม่เว้นวันเท่านั้น ชื่อเสียงของนางก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก เพราะเขาถูกเสด็จพ่อสั่งให้เล่าเรียนอย่างหนักจึงไม่ได้หาโอกาศไปดูนางสักครา จนกระทั่งวันที่ฟ่านหลิ่นจัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งคังอ๋อง เขาจึงได้พบกับนาง
ช่างงดงามเฉิดฉาย งามเสียจนเขาละสายตาไปจากนางไม่ได้
เพราะรู้ว่าเป็นนางเขาจึงไม่อยากดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะให้ทำเช่นไรได้เล่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ระหว่างเขาและนางอย่างไรเสียก็ต้องเดินมาถึงจุดนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!
ฟ่านเฉินแค่นเสียงเย็นออกมา ไม่คาดคิดว่าเมื่อเติบโตขึ้นนางจะร้ายกาจเจ้าแผนการเช่นนี้
เย่หลี หากระหว่างเจ้าและข้าเราทั้งสองเป็นเพียงคนธรรมดาคงจะดีไม่น้อย หากข้าไม่ใช่องค์ชายรองและเจ้าไม่ใช่บุตรสาวแม่ทัพใหญ่ที่เป็นก้างชิ้นโตขวางทางอำนาจข้าจะดีเพียงใดกันนะ หากเป็นเพียงคนธรรมดาเราจะเดินมาสู่เส้นทางของการหลอกใช้ซึ่งกันและกันเช่นนี้หรือไม่