พาขวัญยังคงมาทำงานเช้าอย่างเช่นทุกวัน แต่ที่แปลกไปและทำเอาช็อกไม่น้อย คือการเห็นเจ้านายหนุ่มเข้างานก่อนแปดโมง!
อะไรเข้าสิงอย่างนั้นเหรอ หรือว่านอนละเมอ ประมาณว่าลงจากเตียงแล้วตรงมาที่บริษัทเลย
แต่อย่างหลังคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เตชน์ยังเป็นเขาที่หล่อเหลาเหมือนทุกวัน ร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรไม่ได้สวมชุดนอนยับยุ่งแต่อยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบพอดีตัว ผมเผ้าไม่ได้ยุ่งเหยิงแต่ผ่านการเซตทรงมาเป็นอย่างดี โดยรวมไม่ได้ต่างจากวันนั้นที่ทำเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่าวันนี้ไม่ใช่แล้วจากความวาบหวิวกลายเป็นความหวาดระแวงว่าเขาจะพาโรคร้ายมาติด
และอาจจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าผลเลือดจะออกในอีกสามวันข้างหน้า!
“สวัสดีค่ะท่านรองฯ” ทักทายตามหน้าที่ หากเตชน์ทำเพียงพยักหน้า ไม่แม้แต่จะชายตาแลเลขาฯ สาวด้วยซ้ำ พุ่งตรงไปยังห้องทำงาน ทำเอาพาขวัญถึงกับมึนงง วันก่อนยังทักทายเธออยู่เลย หากไม่นานก็ได้คำตอบว่าเป็นผีนี่แหละที่เข้าสิงผู้เป็นเจ้านาย
คนอะไรผีเข้าผีออก!
หญิงสาวไหวไหล่ อย่างไม่มีอะไรต้องแคร์ อย่างที่บอกว่าวันนั้นเขาผีเข้า ย่อมดูแปลกไปกว่าทุกวัน แต่วันนี้ผีออกแล้วเขาก็กลับมาเป็นเตชน์คนเดิม จากนั้นร่างแบบบางบนรองเท้าส้นสูงขนาดสามนิ้วก็พาตัวเองไปที่แพน ทรี ชงกาแฟสูตรเดิมให้กับผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะนำไปให้เขาที่ห้องทำงานโดยไม่ลืมหยิบไอแพดติดมือไปด้วย
“กาแฟค่ะ” กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดทำให้เตชน์ยอมละสายตาจากหน้าจอมือถือที่กำลังแชตคุยกับเพื่อนรักอย่างสิงหนาท นัยน์ตาเข้มขรึมเหลือบมองเลขาฯ สาวแวบหนึ่งก่อนจะหลุบตามองหน้าจออีกครั้ง พลางยกกาแฟขึ้นจิบ
ภาพตรงหน้าทำให้พาขวัญอดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า ก็เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่นี่ไงถึงได้สุ่มเสี่ยงจะเสียตำแหน่งประธานบริษัทไปให้กับพี่น้องคนอื่นๆ ของเขา
เนื่องจากเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวาน เตชน์กลับไปรับประทานอาหารที่บ้านตันติวัฒน์ในรอบเดือน ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้เป็นประมุขอย่างเติมศักดิ์ตั้งกฎเอาไว้ คิดว่าต้องรู้อะไรมาบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แสดงอาการผีเข้าผีออกให้เห็น
“ประทานโทษค่ะ ไม่ทราบว่าท่านรองฯ รู้ผลเรื่องนั้นแล้วเหรอคะ” นับว่าเธอมีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่หุ้นนะ เงินเดือนนี่แหละ หากเขาไม่ได้ไปต่อในสถานะประธานบริษัท เธอเองก็ต้องตกงาน แน่นอนว่าเงินหลายหมื่นบาทต่อเดือนหายวับไปกับตา
เตชน์ตวัดสายตามองคนตั้งคำถาม ด้วยความที่นอนนะ แต่นอนน้อยเพราะมีเรื่องหลายอย่างรบกวนจิตใจทำให้เขานอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดรุ่งสาง สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวพุ่งตรงมายังบริษัทก่อนเวลาเข้างานปกติ จากที่หงุดหงิดอยู่เป็นทุน พอเจอคำถามที่ว่าเข้าไประเบิดเวลาก็ทำงาน!
“อยากรู้เหรอ”
“ค่ะ” ตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“ถ้าอยากรู้ก็โทร.ไปถามพ่อผมสิ” พาขวัญหน้าตึง มองคนรวนใส่อย่างไร้เหตุผลด้วยสายตาวาววับ แต่พอคิดได้ว่าตลอดสามปีเขาก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวี่วัน ก็รีบทำหน้าที่ของตัวเองให้จบๆ เพื่อที่จะได้พาตัวออกจากห้องนี้เสียที
“วันนี้เวลาสิบโมงตรงท่านรองฯ มีนัดกับผู้จัดการสาขาพระราม9 ช่วงบ่ายสองมีนัดกับผู้จัดการสาขานนทบุรีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ”
“เชิญ” สิ้นคำอนุญาต พาขวัญก็รีบสับเท้าพาตัวออกจากห้อง แต่ไม่ทันจะก้าวพ้นประตู คำพูดประโยคหนึ่งกลับรั้งให้เธอหยุดอยู่กับที่ “ระยะนี้ก็ลองหางานใหม่เผื่อไว้ อะไรๆ ก็ไม่แน่ไม่นอนหรอกคุณ”
ถ้าเป็นคนอื่นพูด พาขวัญพอจะเชื่อได้ว่าอีกฝ่ายหวังดีและเป็นห่วงเธอจริงๆ แต่นี่คนพูดเป็นเตชน์ เชื่ออะไรไม่ได้เลย!
“ก่อนจะโทษอะไรๆ ว่าไม่แน่ไม่นอน ท่านรองฯ ลองโทษตัวเองดูก่อนไหมคะ ว่าทำงานเต็มศักยภาพหรือยัง หรือว่าทำเต็มที่แล้ว แต่ได้แค่นี้จริงๆ”
กลายเป็นว่าความหวังดีที่ส่งไปกลับไม่ถึงพาขวัญ ซ้ำยังถูกหญิงสาวดูถูกซึ่งๆ หน้า เป็นอะไรที่ยอมไม่ได้
”นี่คุณดูถูกผมเหรอ” เขาถามเสียงลอดไรฟัน
“แล้วฉันเคยดูท่านรองฯ ผิดเหรอคะ”
พาขวัญไม่รอให้ห้องทำงานของเขากลายเป็นสนามรบ เธอรีบชิ่งทันทีที่พูดจบ แต่ก็พอได้ยินเสียงตะโกนไล่ตามหลังมาว่าเธอไม่แน่จริงนี่หว่า
ใช่ เธอก็ปากดีไปงั้นแหละ เพราะทันทีที่เธอหลุดออกมาจากห้องทำงานของเขา ก็ตรงดิ่งไปยังศาลพระภูมิหน้าบริษัท ถึงกับบนบานว่าให้ทุกอย่างราบรื่น ให้อะไรๆ ที่ไม่แน่นอนเปลี่ยนเป็นแน่นอน ถ้าคำบนบานสำฤทธิ์ผล เธอจะแก้บนด้วยการถวายหัวหมูและน้ำแดง
“สโลแกนของห้างโฮมไอเดียคุณจำได้ไหมคุณธวัชชัย” เตชน์ถามโดยที่ไม่ละสายตาไปจากแฟ้มรายงานที่อีกฝ่ายยื่นให้
“ห้างฯ เดียวครบจบทุกเรื่องบ้านครับท่านรองฯ” ผู้จัดการวัยกลางคนตอบอย่างฉะฉาน ก่อนที่เตชน์จะถามต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“น้ำหอมปรับอากาศ น้ำยาดับกลิ่นในบ้าน ในห้องน้ำ ห้างฯ เราก็มีขายใช่ไหม”
“มีครบครับท่านรองฯ” พอได้ยินคำตอบเตชน์ก็ปิดแฟ้มทันที ก่อนยื่นให้กับเลขาฯ สาวอย่างพาขวัญรับไปดูต่อ
“แล้วทำไมปล่อยให้ลูกค้าคอมเพลนเรื่องห้องน้ำส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ คุณเป็นผู้จัดการห้างฯ ทำไมไม่ดูแลเรื่องนี้ให้ดี รู้ไหมว่ามันคือภาพลักษณ์ของห้างฯ ตอบผมหน่อย ว่าผมควรปลดสโลแกนออกจากป้ายห้างฯ หรือปลดผู้จัดการห้างฯ ก่อนดี”
ธวัชชัยเบิกตาถลนด้วยความตกใจ ปกติเตชน์ดูแค่ภาพรวมผ่านๆ รายละเอียดยิบย่อยมักส่งไปให้เลขาฯ สาวเป็นคนจัดการ เมื่อเห็นว่าอะไรที่ควรปรับปรุงแก้ไข หญิงสาวจะจดเป็นรายงานสั้นๆ ให้เขารับไปดำเนินการต่อ เป็นการทำงานร่วมกันอย่างสบาย ไร้ความกดดัน แต่วันนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
อะไรเข้าสิงท่านรองฯ ผีหรือเปล่า ผีไม่น่ารักหรือเปล่า
ครั้นมองเลขาฯ สาวอย่างขอตัวช่วย พาขวัญก็ได้แต่ส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ผู้จัดการวัยกลางคน เพราะตอนเช้าเธอก็เพิ่งถูกเจ้านายหนุ่มเล่นงานมาเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนเดินทางมาที่นี่
“ผมขอโอกาสอีกครั้งนะครับท่านรองฯ ผมรับปากว่าจะไม่ทำให้โฮมไอเดียเสียชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด” สุดท้ายธวัชชัยก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง
“อย่าให้เป็นแค่ลมปากนะคุณธวัชชัย”
ธวัชชัยลอบเป่าปากโล่ง เมื่อได้ไปต่อในตำแหน่งผู้จัดการสาขา ส่วนพาขวัญก็อดที่จะโล่งใจแทนไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่คนแรกที่ถูกเตชน์ฟาดงวงฟาดงาใส่
ทุกสาขาที่เขาไปตรวจตลอดช่วงสามวันมานี้ ทำเอาผู้จัดการสาขาอ่วมไปตามๆ กัน สาเหตุที่ทำให้เขาแปลกไปเธอคิดว่าเรื่องนิสัยไม่เกี่ยว เพราะปกติเตชน์เป็นเจ้านายที่ทำตัวสบายๆ กับลูกน้อง แน่นอนว่าไม้เบื่อไม้เมาอย่างเธอไม่นับ
นี่โชคดีหน่อยว่าผลเลือดออกมาแล้ว เธอปกติดีทุกอย่าง ความหวาดกลัวว่าจะติดโรคจากเขาจึงหมดไป ทำให้วันสองวันมานี้เป็นอะไรที่ควบคุมปากและอารมณ์ได้ดีขึ้น แม้เขาจะคอยกวนประสาทเธออยู่ตลอดก็ตาม
นี่แหละ ทำให้เธอมั่นใจว่าเตชน์ต้องมีเรื่องบางอย่างในใจที่ยังจัดการไม่ได้ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นเธอก็สุดจะหยั่งรู้ได้จริงๆ
นั่นเพราะเธอไม่ใช่เลขาฯ คู่ใจของเขา ในขณะที่เขาก็ไม่ใช่เจ้านายประเภทมองตาก็รู้ใจ
“เตชน์” เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ทั้งเจ้าของชื่อ พาขวัญและผู้จัดการสาขาพัทยาที่กำลังเดินตรวจสินค้าต่างก็หันขวับไปมอง
“พริม” เมื่อพบว่าเป็นอดีตแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน เตชน์ไม่รอให้หญิงสาวเป็นฝ่ายโผเข้าหาเขาเพียงฝ่ายเดียว แต่ขยับเท้าหรือจะเรียกว่าวิ่งไปกอดก็ได้ ทั้งหมดเกิดจากความคิดถึง แต่กลับต้องตกตะลึงที่อีกฝ่ายใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับสาวปริศนาคืนนั้น
ภาวนาให้เป็นเธอได้ไหม
แต่คำภาวนาของเตชน์กลับไม่เป็นผล เมื่อประโยคหนึ่งดังขึ้นข้างหูเขา
“พริมคิดถึงเตชน์มากรู้ไหม นี่เราไม่เจอกันนานกี่ปีแล้วเนี่ย” เตชน์ค่อยๆ คลายลำแขนออกจากรอบตัวของอดีตแฟนสาวอย่างรักษามารยาท
“นั่นสิ กี่ปีแล้ว”
“น่าจะห้าปีแล้วเนอะ ตั้งแต่พริมย้ายไปเรียนอีกรัฐ จากนั้นเราก็ขาดการติดต่อไปเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” เพราะเราไม่ได้รักกันจริงๆ ไง หากเป็นคำพูดที่ดังอยู่ในใจของเตชน์เท่านั้น
“พริมมาเที่ยวพัทยาเหรอ” เขาถามด้วยท่วงท่าสบาย แม้ลึกๆ จะผิดหวังที่สาวคืนนั้นไม่ใช่อดีตแฟนสาวอย่างพริมา อย่างน้อยเป็นเธอก็ยังดีกว่าเป็นเด็กสาวอายุต่ำกว่าสิบแปดไม่ใช่เหรอ
“เปล่า พริมเพิ่งซื้อบ้านที่นี่ วันนี้เลยมาดูของเขาบ้าน เอ่อ พอดีพริมกำลังจะแต่งงานน่ะ”
“เฮ้ย ยินดีด้วย แต่งเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเชิญผมนะพริม” เตชน์กล่าวแสดงความยินดีจากใจจริง
“งั้นเอาเบอร์มา”
ภาพที่หนุ่มหล่อกับสาวสวยแลกเบอร์โทร.กันตกอยู่ในสายตาของพาขวัญ และนั่นทำให้เธอได้คำตอบเสียทีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เตชน์หงุดหงิดงุ่นง่านมาหลายวัน
ขาดของ!