เตชน์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพื่อยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองครู่หนึ่ง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ กลับมาปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานของเขาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แถมแม่เลขาฯ ตัวดีก็ไม่ยอมส่งสัญญาณใดๆ ให้เขารู้สักนิด
กระทั่งครบหนึ่งนาทีร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้มพอดีตัว ก็พาตัวเองมานั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวตรงกันข้าม ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับไม่ต่างจากแขกผู้มาเยือน
“เตชน์จะทำให้น้าอกแตกตายหรือไงฮะ”
ไม่เพียงน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาที่จ้องเขม็งยังคลอคลองด้วยหยาดน้ำใส บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเสียใจระคนโกรธมากแค่ไหนกับการกระทำของเขา ทำให้เตชน์ยอมเปิดปากพูดคุยด้วยในที่สุด
“เรื่องอะไรครับ ผู้หญิงหรือเรื่องงาน”
“ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละ นี่น้าก็เพิ่งรู้นะว่าเมื่อวานเราโดดประชุม น้าสงสัยแล้วเชียวว่าคุณเติมไปกินรังแตนที่ไหนมา พอกลับถึงบ้านก็ฟาดงวงฟาดงาใส่เด็กในบ้านทันที แถมพานไม่พูดไม่จากับน้าไปด้วย ส่วนเรื่องผู้หญิงน้าบอกแล้วไงว่าให้รีบเคลียร์ตัวเองให้สะอาด เพราะลูกสาวคุณหญิงรัตติกาลกำลังจะเรียนจบและจะกลับมาเมืองไทยเดือนหน้านี้แล้ว แต่นี่ยังคลุกวงในกับแม่ดารานั่นอยู่เลย เตชน์นะเตชน์”
พูดจบก็แหงนหน้ากะพริบตาถี่ๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ความไม่ได้ดั่งใจทำให้อกของสาวใหญ่สะท้อนขึ้นลงพะเยิบๆ จนเตชน์กลัวว่าโรคหอบหืดของนางจะกำเริบ ทว่าไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อน
ก๊อก ก๊อก
ทางด้านเลขาฯ สาวไม่รอให้คนข้างในตอบรับก็เปิดประตูเข้าไปพร้อมกับถาดกาแฟและแฟ้มเอกสาร แต่ไม่ทันก้าวขาเข้าไปด้านในด้วยซ้ำก็พลันชะงัก เมื่อสายตาประสานเข้ากับดวงตาวาววับของผู้เป็นเจ้านายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
แน่ล่ะ เขาต้องโกรธเธอมาก มากชนิดที่ว่าอยากหักคอจิ้มน้ำพริกยังน้อยไป
ใครบ้างอยากฟังเสียงบ่นของรัญญา แน่นอนว่าไม่มี และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเธอด้วย
พาขวัญยอมรับว่านี่เป็นการเอาคืน ทั้งเรื่องที่เขาปล่อยให้เธอเข้าประชุมตามลำพังไม่ต่างจากส่งเธอไปลานประหาร รวมถึงเรื่องที่เขาปลุกปล้ำเธอด้วย และเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้หวั่นไหว แม้จะตกเป็นของเขาแล้วก็ตาม ด้วยการโทร.รายงานรัญญา เรื่องที่เตชน์ไม่เข้าประชุมนัดชี้ชะตาว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งประธานหรือไม่
แล้วไม่เกินไปจากที่คาดไว้ ทันทีที่รัญญาทราบเรื่องนางถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะพุ่งมาที่บริษัทโฮมไอเดียทันที
รีบขนาดที่ว่าคนรักสวยรักงามอย่างรัญญา ยังหิ้วกระเป๋าเครื่องสำอางมาแต่งหน้าที่นี่!
แล้วสีหน้าแววตาแบบนี้เธอมั่นใจว่าเตชน์คงถูกรัญญาสับไปบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม แทนที่จะสะใจกลับรู้สึกผิดซะงั้น กระนั้นพาขวัญก็ไม่ยอมรับว่าเป็นเพราะหวั่นไหว แต่ที่เห็นใจเตชน์กลับให้เหตุผลกับตัวเองว่าหากเป็นเธอก็คงท้อแท้ไม่น้อย เมื่อฝ่ายตรงข้ามต่างมีเขี้ยวเล็บ พร้อมขย้ำเยื่อผู้อ่อนแอตลอดเวลา
ถ้าเจ้านายเธอเอางานเอาการก็ดีไปอย่าง แต่นี่เขามีดีแค่หล่อไปวันๆ ไม่พาโฮมไอเดียเจ๊งก็บุญเท่าไรแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าอาศัยแผนบริหารที่คนเป็นพ่อปูทางไว้ก่อนที่เขาจะเข้ามารับตำแหน่งรองประธานบริษัท จนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าปริญญาโทสาขาMBA จากมหาลัยชื่อดังของอเมริกา เตชน์ได้มาเพราะเงินพ่อหรือเป็นเพราะโชคช่วยกันแน่
และเพราะว่าเตชน์เล่นบริหารงานให้ผ่านพ้นไปวันๆ รัญญาหรือที่เจ้านายหนุ่มของเธอเรียกว่าน้ารัญต้องเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวของเตชน์
พูดถึงรัญญาจากที่เธอรู้มาจากป้าแหวนอีกทอดหนึ่ง นางเป็นเด็กในอุปการะทางฝั่งบ้านคุณหญิงพิมประภา ด้วยที่ท่านมีลูกตอนอายุมาก หลังคลอดเตชน์จึงทำให้สุขภาพของท่านย่ำแย่ สามวันดีสี่วันไข้ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทางบ้านของคุณหญิงพิมประภาจึงส่งรัญญาให้มาดูแลเตชน์ตั้งแต่ตัวยังแดงๆ จึงไม่แปลกที่รัญญาจะรักเตชน์เหมือนลูกในไส้และช่วยรักษาผลประโยชน์ที่เตชน์ควรได้เท่าชีวิต
แต่ก็ไม่วายมีคนเอาไปเมาท์กันสนั่นลั่นกรุงว่าสิ่งที่นางทำ ไม่ได้ทำเพื่อเตชน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นางทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หวังพึ่งเตชน์ในบั้นปลายชีวิต เนื่องจากนางไม่มีลูก ซ้ำยังเป็นเมียลับๆ ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสังคมของเติมศักดิ์
หากตัดคู่แข่งอย่างคุณหญิงพิมประภาที่เติมศักดิ์ยกไว้บนหิ้ง ที่ทั้งรักและเคารพ จนสั่งห้ามบรรดาเมียน้อยแตะต้อง รัญญาที่เด็กกว่าแถมหน้าตายังสวยพริ้ง ทรวดทรงองเอวอย่างกับสาวรุ่น ทำให้นางเป็นที่รักของเติมศักดิ์มากกว่าเมียลำดับสองและสามอย่างวารุณีและกนกวรรณ
เมื่อเกิดความไม่เท่าเทียม ความริษยาก็บังเกิดขึ้น วารุณีและกนกวรรณพากันหวาดระแวงว่ารัญญาจะใช้มารยาโอ้โลมให้ผู้เป็นสามียกทรัพย์สมบัติให้เตชน์มากกว่าลูกคนอื่นๆ แน่นอนว่ารัญญาจะสบายไปทั้งชาติ
ในขณะที่พวกนางก็เป็นน้อย ความมั่นคงเดียวในชีวิตก็คือลูกๆ จึงยอมไม่ได้ถ้ารัญญาจะกอบโกยสมบัติส่วนใหญ่ไปให้เตชน์ เพราะความไม่ลงรอยกันนี้ ทำให้ตกเป็นข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าบรรดาเมียน้อยของเติมศักดิ์ตีกันเพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ให้กับลูกในไส้ของตัวเอง
อาจเป็นเพราะความทุ่มเทของรัญญา ทำให้เธอจับสังเกตได้ว่าเตชน์เองก็รักและเคารพสาวใหญ่เหมือนแม่แท้ๆ (บ้างในบางเวลา) อย่างตอนที่เขาสร้างปัญหา พอเห็นว่ารัญญาโกรธจนถึงขั้นเสียน้ำตา จากที่ดื้อด้านก็กลายเป็นแมวนอนหวดได้ไม่ยาก
“พาขวัญ”
เสียงเรียกของรัญญาฉุดให้พาขวัญออกจากภวังค์ความคิด พอเห็นว่าเจ้านายตัวจริงพยักพเยิดหน้าใส่ถาดกาแฟและแฟ้มเอกสารก็เข้าใจในทันที
เข้าใจว่านางช่วย ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากแรงอาฆาตของเตชน์
“กาแฟค่ะท่านรองฯ และนี่คือรายงานการประชุมเมื่อวาน ส่วนตารางงานวันนี้ไม่มีนัดกับลูกค้าข้างนอก แต่ช่วงบ่ายสองคุณรัตนาหัวหน้าฝ่ายการตลาดจากบริษัทปกรณ์อิเล็กทริกจะเข้าพบท่านรองฯ หารือเกี่ยวกับเรื่องขอจัดลดราคาสินค้าในราคาโพรโมชัน ฉลองครบ50 ปีของบริษัทปกรณ์อิเล็กทริก หลังจากนั้นก็มีเอกสารจากฝ่ายบัญชีให้เซ็นอีกนิดหน่อยค่ะ”
เตชน์เมินแฟ้มเอกสาร แต่เลือกที่จะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบขณะฟังเลขาสาวฯ บอกตารางงานของวันนี้ ความขมปร่าของกาแฟสดทำให้เขานึกอะไรขึ้นได้ก็รีบปรับสีหน้าพอใจเป็นยับยู่ ต่างจากดวงตาคมเข้มที่มองเลขาฯ สาวอย่างหมายมาด
ปฏิกิริยาดังกล่าวไม่อาจรอดหูรอดตาคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างรัญญาไปได้ ก่อนจะรีบเอ่ยปากไล่พาขวัญ ด้วยกลัวว่าเตชน์จะพานแล้วหาเรื่องเลขาสาวฯ ที่ชงกาแฟให้ไม่ถูกปาก
“มีอะไรก็ไปทำเถอะพาขวัญ”
คนคิดหาเรื่องถึงกับชะงัก เหลือบมองรัญญาสลับเลขาฯ จอมขี้ฟ้องก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หลังแก้วกาแฟ
“ค่ะคุณรัญ”
หลังจากตอบรับคำสั่งของเจ้านายตัวจริง ร่างแบบบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทับด้วยสูทสีดำตัวโคร่ง เข้าชุดกับกระโปรงทรงเอคลุมเข่าที่เพิ่งสอยมาจากประตูน้ำก็หมุนตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ไม่ทันก้าวเท้าพ้นประตูห้อง เสียงราบเรียบของเจ้านายหนุ่มก็ดังขึ้น
“เรื่องที่น้ารัญขอ รอให้ลูกสาวของคุณหญิงรัตติกาลกลับมาก่อนก็แล้วกัน เพราะผมไม่อยากซื้อกิน”
หัวใจดวงน้อยถึงกับไหววูบกับคำพูดนั้น อารมณ์คล้ายคนผิดหวังในความรัก ทั้งที่เตชน์ไม่เคยให้ความหวังมาก่อน
นี่แกเป็นอะไรของแกฮะข้าว
ครุ่นคิดอยู่ไม่นาน พาขวัญจึงสรุปได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเป็นเอฟเฟกต์จากการเสียสาวมากกว่า เลยเกิดความฟุ้งซ่าน ประกอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังสดใหม่ จึงเป็นอะไรที่ลืมยาก แต่เธอจะพยายามลืมให้เร็วที่สุดและตัวช่วยที่ดีที่สุดคือเรื่องงานและงาน!
คิดได้ดังนั้นพาขวัญก็รีบพาตัวออกมา ทำเป็นวุ่นวายจัดนู่นนี่บนโต๊ะทำงาน ลามไปยังตู้ใส่แฟ้ม รวมถึงซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร เมื่อพบว่าได้เคลียร์งานในส่วนเอกสารไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่ก่อนเก้าโมง
ทางด้านรัญญาพอได้ยินคำพูดนั้นของเตชน์จากใบหน้าบูดบึ้งก็แย้มยิ้มออกมาได้ในที่สุด
“รับปากน้าแล้วนะ”
“ครับ” คนรับปากส่งๆ ลอบยิ้มในใจ
“ส่วนเรื่องงาน ให้น้าไหว้ก็ยอม เตชน์ช่วยสนใจงานบริหารหน่อยได้ไหม นี่ไม่รู้ว่าผลออกมายังไง น้ากลุ้มไปหมดแล้ว”
จากสีหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม พลันเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้มตามที่พูดออกไปจริงๆ ไม่เพียงแค่นั้นยังมองชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน ที่เตชน์มักพ่ายแพ้ให้กับสายตาคู่นี้ของรัญญาเสมอ
“น้าไม่ต้องไหว้ผมหรอก เดี๋ยวนรกจะกินหัว เอาเป็นว่าผมขออ่านรายงานประชุมก่อนก็แล้วกัน ถ้าคุณข้าวทำไว้ดี ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าพบว่ายังไม่ถูกใจคุณพ่อ ผมจะรีบแก้ไขด้วยตัวเอง”
รัญญายิ้มออกอีกครั้ง หากไม่วายขอคำยืนยันอีกหนเพื่อความแน่ใจ
“จริงๆ นะเตชน์”
“ครับ... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวอ่านรายงานก่อนก็แล้วกัน” พูดจบก็คว้าแฟ้มที่พาขวัญนำเข้ามาเปิดอ่านเป็นเชิงตัดบท ครู่หนึ่งก็แอบเลื่อนแฟ้มลอบมองรัญญาก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายรีบโกยเครื่องสำอาง รวมถึงกระจกที่พกมาด้วยซึ่งวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะกลางใส่กระเป๋าใบโต มุมปากเรียวก็ยกยิ้ม แววตาฉายความเจ้าเล่ห์เต็มพิกัดโดยที่รัญญาไม่มีโอกาสได้เห็น
“น้าไปล่ะ เจอกันเย็นวันอาทิตย์นะเตชน์”
เป็นกฎของบ้านตันติวัฒน์ที่สมาชิกทุกคนต้องมาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนที่คฤหาสน์ตันติวัฒน์ ยกเว้นว่าสมาชิกคนนั้นติดธุระสำคัญจริงๆ
แล้วคนที่มักหาข้ออ้างว่าติดนู่นนี่เสมอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นทายาทคนสุดท้องของบ้านตันติวัฒน์อย่างเตชน์นี่แหละ
“ไม่ส่งนะครับ”
รัญญาพยักหน้าให้ทั้งที่เตชน์ก็ไม่ได้ละสายตาจากเอกสารขึ้นมองนาง ก่อนจะพาตัวบนรองเท้าส้นสูงห้านิ้วและรอยยิ้มเต็มหน้าออกไปจากห้องทำงานของว่าที่ประธานโฮมไอเดียอย่างมั่นอกมั่นใจ