ร่างกายของเดือนอ้ายรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต หล่อนรีบหลบสายตาคมเข้มของเขาทันที เพราะรู้สึกขัดเขิน
“อาจารย์วิลเลียมคะหนูเพิ่งหัดทำขนมครั้งแรกค่ะ ก็เลยอยากเอามาให้อาจารย์ลองชิม”
นักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินออกไปหน้าชั้นเรียน พร้อมกับยื่นกล่องใส่คุกกี้ให้กับอาจารย์วิลเลียม
“ขอบคุณครับ”
“อ้าย สาวให้ขนมอาจารย์วิลเลียมอะ” เพลงพิณรีบฟ้องเพื่อน
เดือนอ้ายช้อนตาขึ้นมองก็พบว่าเขากำลังคุยกับนักศึกษาสาวอยู่ และก็กำลังหยิบคุกกี้ใส่ปาก
แม้จะรู้ดีว่าเขาทำตามมารยาท แต่เดือนอ้ายก็อดรู้สึกโหวงในอกไม่ได้
หล่อนเห็นเขาเคี้ยวคุกกี้และยิ้มให้กับนักศึกษาสาวร่วมคลาส ก่อนจะเดินถือกล่องใส่คุกกี้ติดมือออกไป
“กรี๊ดดด... อาจารย์วิลเลียมกินคุกกี้ของฉันด้วย ดีใจที่สุดเลย”
เสียงตื่นเต้นดีใจของนักศึกษาสาวเจ้าของคุ๊กกี้ดังขึ้น
เพลงพิณรีบเอียงหน้ามากระซิบกระซาบข้างหูของเดือนอ้าย
“แม่นี่คงคิดจะงาบอาจารย์วิลเลียมแน่ๆ เลยอ้าย”
เดือนอ้ายไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากยิ้มหน้าเจื่อนๆ เท่านั้น
เดือนอ้ายเดินใจลอยกำลังจะไปห้องสมุด แต่ระหว่างทางเดินแขนก็ถูกคว้าจากอุ้งมือแข็งแรงของใครบางคนเข้าเสียก่อน
ร่างของหล่อนถูกรั้งให้เข้าไปในซอกหลืบที่ลับสายตาคน
“อ๊ะ...”
“ผมเอง เดือนอ้าย”
หล่อนเงยหน้ามองเจ้าของอุ้งมือใหญ่ก็พบว่าเป็นอาจารย์วิลเลียมนั่นเอง
“อาจารย์วิลเลียม”
ทั้งคู่มองสบตากัน ก่อนที่วิธวินท์จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“เรื่องที่ผมรับคุกกี้จากนักศึกษาคนนั้น ทำให้คุณไม่สบายใจหรือเปล่า”
เดือนอ้ายถึงกับอึ้งไป เมื่อคำถามของผู้ชายตรงหน้าแทงใจดำ
“เอ่อ... ไม่... ไม่หรอกค่ะ...”
“เชื่อใจผมนะ เพราะผมจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นอย่างคุณ ต้องเสียใจเป็นอันขาด”
เขาปากหวานจนหล่อนแทบจะเป็นเบาหวานเลยทีเดียว
“อาจารย์วิลเลียม”
“วิน...”
“คุณวิน...”
วิธวินท์อมยิ้มอย่างพึงพอใจ เพราะผู้หญิงตรงหน้าหัวอ่อนเหลือเกิน
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ สูดดมกลิ่นหอมของเรือนผมสีดำขลับของเจ้าหล่อนฟอดใหญ่
“หอมจัง...”
“เอ่อ... คุณวิน... เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะคะ”
เดือนอ้ายตัวสั่นเทา ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืนเขาได้เลย
“ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณสักหน่อย” น้ำเสียงของเขากระเส่าแปร่งพร่า
“ก็แค่อยากจะอยู่ใกล้คุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แค่นั้นเอง”
แล้วปากหยักสวยของเขาก็เคลื่อนเข้ามาหยุดใกล้ๆ เดือนอ้ายทำได้แค่เพียงยืนนิ่งงันราวกับต้องคำสาปเท่านั้น
ความจริงวิธวินท์ตั้งใจจะจูบปากของเดือนอ้าย แต่พอเห็นความขลาดกลัวในดวงตากลมโตแล้วเขาจึงเลือกที่จะหยุดมันเอาไว้ก่อน
เขายังมีเวลาเล่นสนุกกับเด็กโง่ไร้เดียงสาคนนี้อีกนาน
“เย็นนี้กลับพร้อมกันนะครับ”
ปากหยักสวยที่ทำท่าจะจูบปากนุ่มตอนนี้เลื่อนไปหยุดที่ข้างใบหูเล็กแทน
เดือนอ้ายสยิวไปทั้งตัว เส้นขนลุกซู่ทุกเส้น เลือดสาวในกายก็ร้อนรุ่มแปลกประหลาด
“เรา... นัดกันข้างนอกดีกว่าไหมคะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“คืออ้าย...” หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวโต
“ไม่อยากให้ใครเห็นว่าอ้ายขึ้นรถของคุณวินน่ะค่ะ”
“งั้นก็ตามใจครับ ผมอยากให้คุณสบายใจที่สุด”
แล้ววิธวินท์ก็ปล่อยมือจากท่อนแขนเรียว และถอยหลังออกห่าง
“ผมคิดถึงคุณนะครับเดือนอ้าย”
หลังจากพูดประโยควาบหวามจบแล้ว คนตัวโตที่หล่อระเบิดก็ก้าวยาวๆ เดินจากไปทันที
เดือนอ้ายยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หัวใจของหล่อนยังคงเต้นแรงระรัว
หัวใจที่ไร้เดียงสา ตอนนี้กำลังเบ่งบานเหมือนดอกไม้ในฤดูฝนไม่มีผิด
หลังจากเลิกเรียนแล้ว เดือนอ้ายก็ออกมารอรถยนต์ของอาจารย์หนุ่มที่ริมถนน ซึ่งห่างไกลจากมหาวิทยาลัยหลายกิโลเมตร
เมื่อรถคันงามจอดเทียบข้างกาย หล่อนก็รีบเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไปทันที
“รอผมนานไหมครับ”
น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนนุ่มหูเสียเหลือเกิน
“ไม่นานค่ะ”
หล่อนดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดรอบตัว ก่อนจะหันมองเสี้ยวหน้าคมสันของคนข้างกาย
ถึงตอนนี้แล้ว หล่อนก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังลักลอบคบหาดูใจ อยู่กับอาจารย์คนใหม่ของมหาวิทยาลัย
“วันนี้ผมจะพาคุณไปทานอาหารอิตาลีในโรงแรมนะครับ”
“อาหารอิตาลีเหรอคะ”
“ครับ เป็นร้านโปรดของผมเลย”
“อ้ายไม่เคยทานอาหารอิตาลีมาก่อนเลยค่ะ นอกจากพิซซ่า” หล่อนหัวเราะเขินๆ
“เดี๋ยวผมจะสอนคุณทานเองครับ รับรองว่าต่อจากนี้ไป คุณจะติดใจอาหารอิตาลีเหมือนผมอย่างแน่นอน”
“ได้ยินคุณวินพูดแบบนี้แล้ว อ้ายน้ำลายสอแล้วล่ะค่ะ”
เดือนอ้ายหัวเราะอย่างมีความสุข หัวใจของหล่อนอิ่มเอมเบิกบาน
ไม่นานนักรถยนต์หรูก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
“เรา... มาทานกันที่นี่เหรอคะ”
“ครับ”
วิธวินท์ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวเอง จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปหาเดือนอ้ายเพื่อปลดเข็มขัดนิรภัยให้
ใบหน้าที่ใกล้ชิดกัน ทำให้เดือนอ้ายหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง
หล่อนจ้องมองปากของเขาที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาคาดหวัง
นี่หล่อนหวังอะไรนะ...
หวังว่าเขาจะจูบอย่างนั้นเหรอ...?
ในขณะที่เดือนอ้ายถามตัวเองอยู่นั้น วิธวินท์ก็อดใจไม่ไหว เขาประกบปากลงไปหาปากนุ่มสีแดงระเรื่อของเดือนอ้ายทันที