“ฟ้าว่า... ฟ้าอยากซื้อรถเล็กๆ สักคันน่ะพี่ยุ”
ยงยุทธหันมามองน้ำฟ้า ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ไปเรียนขับรถให้มีใบขับขี่ก่อนดีไหม แม่น้ำฟ้าคนสวยของพี่”
“ฟ้าก็กำลังคิดจะหาที่เรียนอยู่เหมือนกันค่ะพี่ยุ”
“พูดแบบนี้ เพราะเกรงใจพี่ใช่ไหมเนี้ย”
“คือ... ฟ้าไม่อยากให้พี่ยุต้องอดหลับอดนอนแบบนี้น่ะค่ะ” น้ำฟ้าเกรงใจยงยุทธจริงๆ นั่นแหละ
ยงยุทธถอนใจออกมา “พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ นี่มันหน้าที่ของพี่ยะ ดังนั้นไม่ต้องมาเกรงใจพี่เลย”
“แต่พี่ยุช่วยฟ้ามาเยอะแล้วนะคะ”
“ก็เธอเป็นเด็กดีของพี่นี่นา พี่ก็ต้องช่วย ต้องคอยสนับสนุนเธอสิ ไม่เอาอย่าคิดมาก งีบไปเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่ปลุก”
ยิ่งยงยุทธมีน้ำใจกับหล่อนแบบนี้ น้ำฟ้าก็ยิ่งซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณมากค่ะพี่ยุ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ฟ้า”
“อย่ามาพูดซึ้งๆ แบบนี้สิยะ พี่ขี้เกียจร้องไห้ตอนขับรถ”
ยงยุทธดุน้ำฟ้าไม่จริงจังนัก และก็อดน้ำตาซึมไม่ได้
ตั้งแต่เขาดูแลน้ำฟ้ามา หญิงสาวเป็นเด็กดีเหลือเกิน ไม่เคยดื้อรั้น ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง และก็เคารพผู้จัดการอย่างเขาเสมอ
“ฟ้ารักพี่ยุนะคะ รักเหมือนแม่ของฟ้าคนหนึ่งเลยค่ะ”
“ถ้ารักฉันเหมือนแม่ เวลาจะมีผัวก็ช่วยมาขอความคิดเห็นจากแม่คนนี้ด้วยนะจ๊ะ แม่นางร้ายเนื้อหอม”
“ฟ้า... ยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นสักหน่อยค่ะ”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่ามีพระเอกหลายคนมาแย่งขายขนมจีบเธอน่ะ”
“ฟ้า... ไม่ได้คุยกับใครเลยค่ะพี่ยุ ฟ้าพูดจริงๆ นะคะ ฟ้าอยากทำงานเก็บเงิน ฟ้าอยากทำให้ตากับยายสบายกว่านี้”
ยงยุทธละสายตาจากถนนเมื่อรถติดไฟแดงมามองหน้าของเด็กดีในสังกัด
“พี่ไม่ว่าหรอกถ้าฟ้าจะคบหากับใครน่ะ แต่อย่าให้กระทบกับงาน เหมือนกับดาราคนอื่นๆ ก็แล้วกัน”
“ฟ้า... ยังไม่คิดเรื่องแบบนั้นจริงๆ ค่ะพี่ยุ” น้ำฟ้าตอบเสียงหนักแน่น
“จ้า พี่เชื่อเธอก็แล้วกัน” ยงยุทธหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเคลื่อนรถอีกครั้งเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เช้าวันนี้ น้ำฟ้าไม่มีคิวถ่ายละคร ทำให้หล่อนได้มีโอกาสนอนตื่นสายกว่าทุกวัน และมีโอกาสได้รับประทานอาหารเช้ากับคุณตาคุณยาย สองผู้มีพระคุณที่หล่อนรักและเคารพที่สุดในชีวิต
“ยายจ๋า... กับข้าวหอมจังเลยจ้ะ”
หล่อนสูดกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่คุณยายวัยเฉียดเจ็ดสิบปีเข้ามาในจมูก ใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มสดใสน่ามอง
หญิงชรามองหลานสาวอย่างเอ็นดู พลางตักข้าวใส่จานให้
“ยายทำของโปรดของฟ้าทั้งนั้นเลยลูก”
น้ำฟ้าหอมแก้มยายเบาๆ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่ง มองอาหารสามสี่จานตรงหน้าด้วยความหิว
“ฟ้าไม่ได้กินฝีมือยายมาตั้งหลายวันแล้ว เช้านี้จะกินให้จุกเลยจ้ะ”
“กินเยอะๆ เลยฟ้า ยายทำให้ฟ้าทั้งหมดเลย”
หญิงชรายิ้มอย่างภูมิใจ ที่เห็นหลานสาวชื่นชอบอาหารฝีมือตนเอง
“ยายก็กินด้วยกันสิจ๊ะ อ้อ แล้วนี่ตาหายไปไหน ไม่เห็นเลย”
“ตาออกไปซื้อกะทิให้ยายน่ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับ ฟ้ากินเถอะ ไม่ต้องรอตาหรอก”
ยายคะยั้นคะยอให้หลานสาวกินข้าวเช้าอย่างกระตือรือร้น
น้ำฟ้าเองก็อดใจรอไม่ไหวแล้วเช่นกัน อาหารฝีมือยายมันยั่วน้ำลายเหลือเกิน
"อร่อยมากเลยจ้ะยาย"
หล่อนชิมอาหารของยายทุกจานและเอ่ยชมไม่หยุดปาก ทำเอายายยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะฟ้า ไม่พอเดี๋ยวยายไปทำมาเพิ่มให้อีก”
น้ำฟ้าตักข้าวใส่ปากและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความฟิน รสชาติอาหารของยายยังเหมือนเดิม
“ถ้าฟ้ากินหมดนี่ ต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ เลยจ้ะยาย”
น้ำฟ้าหัวเราะอย่างมีความสุข ยายของหล่อนก็หัวเราะจนรอยตีนกาเต็มหน้าเช่นกัน
หล่อนมีความสุขเหลือเกิน...
มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของยายแบบนี้
ช่วงชีวิตในวัยเด็ก นั้นแสนยากลำบาก อดมื้อกินมื้อเสมอ แต่ทุกครั้งที่หล่อนเห็นก็คือ ตากับยายจะให้หล่อนกินจนอิ่มก่อน ถึงจะยอมกินข้าว
หล่อนซาบซึ้งในพระคุณของพวกท่าน และตั้งปณิธานเอาไว้ว่า หล่อนจะทำให้พวกท่านสบาย มีข้าวกินทุกมื้อ
น้ำฟ้ามองยายของตัวเองด้วยความรัก น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจเอ่อล้นสองขอบตา
“ฟ้ารักยายกับตานะจ๊ะ”
“พูดซึ้งแต่เช้าเลยหลานยาย” ยายหัวเราะกลบเกลื่อนน้ำตาที่เอ่อล้นเช่นกัน
“ฟ้าดีใจนะยาย... ดีใจที่ฟ้าสามารถซื้อบ้านหลังนี้... และพาตากับยายมาอยู่ด้วยกันได้” หยดน้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากดวงตา “และฟ้าก็ดีใจที่สุด... ที่พวกเราไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกแล้ว...”
หล่อนเห็นยายก้มหน้าแอบเช็ดน้ำตา หล่อนจึงตักอาหารใส่จานให้ยาย
“เราสามคนจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ มีความสุขแบบนี้ไปตลอดนะจ๊ะยาย”
ยายยิ้มให้กับหล่อนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู
“ยายดีใจ... ดีใจมากที่ฟ้าของยายมีอาชีพที่ดี สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ต่อจากนี้ไปยายกับตาก็ตายตาหลับแล้วล่ะ”
น้ำฟ้ายื่นมือไปกุมมือเหี่ยวย่นตามวัยของหญิงชราเอาไว้ บีบเบาๆ