คาร่าและผู้เป็นสามีพอทราบข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที เรียกได้ว่ากลับถึงบ้านยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ต้องขับรถออกมาโรงพยาบาลต่อ หล่อนรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในห้องหอ ลดาถึงได้เป็นลมจนต้องหามกันมาส่งที่โรงพยาบาล
“พ่อกับแม่มาแล้วผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับออกจากโรงพยาบาลเอง”
“ขอบใจสำหรับวันนี้นะที่พี่ต้องรบกวนเรา”
“มาเกรงใจอะไรกันล่ะครับ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันรวมถึงพี่ลดาแล้วก็หลานด้วย”
“เบสไปพักเถอะลูกทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกเหนื่อยช่วยงานมาทั้งวันแล้ว ฝากบอกสาวๆด้วยนะว่าหนูลดาดับหลานปลอดภัย” คาร่ากำชับก่อนที่ลูกชายจะผละห่างเพราะหล่อนเอ่ยห้ามสองสาวเองทั้งๆที่ทั้งคู่ก็เป็นห่วงหญิงสาวไม่ต่างกัน
“ครับแม่”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ลูก ทำไมหนูลดาถึงเครียดจนเป็นลมไปแบบนั้น” หลังจากลูกชายคนเล็กออกไปจากห้องแล้วคาร่าก็หันมาถามลูกชายคนโตน้ำเสียงอ่อนโยน รู้ดีว่าลูกชายก็มีความเครียดไม่ต่างจากคนที่กำลังนอนหลับใหล
“พวกเราทะเลาะกันนิดหน่อยครับแม่”
“บอกแม่ได้ไหมว่าเรื่องอะไร แม่คิดว่ามันไม่น่าใช่เรื่องนิดหน่อยนะลูก” คนเป็นแม่ถามน้ำเสียงเป็นกังวล
“เรื่อง...เรื่องเด็กในท้องน่ะครับ”
“จนตอนนี้ลูกยังไม่เชื่อใจหนูลดาอีกหรอลูก ลูกมีอะไรปิดบังแม่อีกหรือเปล่า บอกแม่มาให้หมดเลยนะ” คาร่ารู้สึกไม่พอใจลูกชายตัวเองขึ้นมานิดๆ อะไรที่ทำให้ลูกชายสร้างกำแพงได้สูงขนาดนี้นะ
“เช้าวันต่อมาหลังจากที่เราสองคนมีความสัมพันธ์กันผมเห็นเขาออกไปกับผู้ชายครับ มีผู้ชายมารอรับเขาที่ด้านหน้าที่พักของผม ผมคิดมาตลอดว่าเขามีแฟนอยู่แล้วจะให้ผมเชื่อได้ยังไงล่ะครับว่าในท้องคือลูกของผมร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมแค่ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆเพราะกลัวว่าเธอจะดูไม่ดีในสายตาทุกคน”
“แล้วหนูลดาบอกหรือเปล่าว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” คาร่ายังคงถามต่ออย่างใจเย็นเพราะเรื่องบางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นจริงๆ
“เธอ...เธอเพิ่งบอกครับว่าเป็นญาติห่างๆ” ชายหนุ่มตอบกลับมารดาตามตรง เธอบอกเขาอย่างไรเขาก็บอกกับท่านอย่างนั้น
“เรื่องทั้งหมดคือลูกเข้าใจหนูลดาผิดไปใช่ไหม” คาร่ายื่นมือไปกุมมือของลูกชายเอาไว้
“ครับแม่ ผมจะทำยังไงดี ตอนนี้เธอบอกว่าเกลียดผมแล้วครับแม่” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา แววตาของชายหนุ่มสั่นไหว ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่กี่นาทีก่อนหน้าลูกน้องของเขารายงานว่าชายหนุ่มที่หญิงสาวอ้างว่าเป็นญาตินั้นคือญาติของเธอจริงๆ ลดาทำงานเสริมที่ร้านอาหารของผู้ชายคนนั้นในตอนเย็นหลังจากเลิกงานประจำที่ทำหน้าที่ตรวจเช็คสินค้าให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมาเขาปิดกั้นความจริงทุกอย่างและปักใจเชื่อว่าเธอมีแฟนอยู่แล้วแต่ต้องการมาหลอกลวงเขาก็เพราะเงินเท่านั้น
“เรื่องนี้แม่คงช่วยลูกไม่ได้เพราะทุกการกระทำของลูกทำให้หนูลดาเขาเสียใจ” คาร่าตัดสินใจที่จะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะคิดว่าเรื่องนี้ลูกชายมีความผิดไม่น้อย นาธานที่ฟังสองแม่ลูกพูดคุยกันมาสักพักก็เอ่ยปากพูดคุยกับลูกชายบ้าง
“ไอ้อาการปากแข็งปากไม่ตรงกับใจมันไม่เคยเป็นผลดีกับใครหรอกนะตาบรูค พ่ออยากจะรู้ว่าความจริงว่าบรูคมีความรู้สึกดีๆให้กับหนูลดาเขาบ้างหรือเปล่า”
“ผมยอมรับครับว่าผมรู้สึกดีกับเขา แต่พอผมรู้ว่าเขาตั้งใจมาหลอกผมก็อยากเอาคืนเขาบ้างครับ” ชายหนุ่มตอบกลับตามตรง เขาไม่เคยมีความลับอะไรกับบิดาเลยสักเรื่องจึงไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของตัวเอง
“คิดเป็นเด็กๆไปได้ แล้วพอลูกรู้ความจริงความรู้สึกในใจเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่าล่ะ”
“ยอมรับครับว่าเปลี่ยน ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องงี้เง่าที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยครับดีซะอีกที่เธอบอกความจริงเรื่องลูกไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงจะเป็นความลับตลอดไป”
“แม่ดีใจที่ลูกยอมรับความรู้สึกของตัวเองนะลูก แม่จะเอาใจช่วยลูกอยู่ห่างๆนะ ลูกก็รู้ว่าหนูลดาเขาไม่เหลือใคร ตอนนี้เขาก็คงคิดว่าตัวเองเหลือเพียงลูกน้อยเท่านั้นเพราะจะพึ่งพาลูกต่อไปไม่ได้แล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิดไม่ใช่มือที่สามแม่ว่ามันก็พอมีหวังน้า”
“พึ่งพาผมได้สิครับแม่” ชายหนุ่มตอบกลับแทบจะทันที คนอย่างเขาน่ะหรือพึ่งพาได้แน่นอน
“แต่หนูลดาเขาคงไม่ฝากความหวังแล้วล่ะลูก”
“อะ อื่อ” ลดาที่นอนฟังเรื่องราวต่างๆมาสักพักขยับตัวไปมาเบาๆ แสร้งเหมือนกับว่าเพิ่งตื่น ชายหนุ่มรีบถลาเข้าไปหาหญิงสาวทันที เธอมองหน้าเขานิ่งๆสายตาไม่สื่ออารมณ์อะไรออกมาเลย มันคือความว่างเปล่านั่นเอง
“หนูลดาลูก”
“คุณแม่ คุณพ่อคะ ลดาขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเป็นกังวล” หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมทั้งเอ่ยขอโทษน้ำเสียงแผ่วเบา วินาทีนั้นเธอไม่สามารถควบคุมสติของตัวเองได้จู่ๆภาพมันก็ตัดรู้ตัวอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว