ตอนนี้ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแล้ว บรรดาญาติๆก็เข้ามาร่วมอวยพรบ่าวสาว ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับคำอวยพรมากนักแต่ถ้าคนข้างกายเป็นคนที่เขารักเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ เมื่อทุกคนอวยพรเสร็จก็ทยอยเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มรีบปิดประตูลงกลอนทันที
"คะ คุณจะทำอะไรน่ะ" หญิงสาวหน้าตาตื่นเมื่อชายหนุ่มขยับตัวเข้ามาใกล้
"เข้าหอเขาทำอะไรกันล่ะ เป็นเธอเองที่อยากแต่งงานมากนี่ วันนี้ฉันจะสงเคราะห์ให้"
"คะ คุณฉันท้องอยู่นะ ออกไปนะ" หญิงสาวพยายามหนีห่างจากคนตัวโตที่ดูเหมือนพร้อมจะกลืนกินเธอลงท้องตลอดเวลา
"ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้า ตอนแรกก็ไม่ดูหน้าหดขนาดนี้นิ เธอกลัวฉันหรอ สายไปแล้วล่ะ" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า ที่แท้ก็ไม่แน่จริงนี่หน่า
"ก็ฉันมีความจำเป็นนี่หน่า"
"ความจำเป็นอะไรไม่ทราบ"
“ฉันเลี้ยงตัวเองได้สบายอยู่แล้วแต่คงไม่สามารถให้ทุกอย่างที่ลูกต้องการได้และฉันคิดว่าคุณให้สิ่งดีๆกับลูกได้ไงเล่า”
"ขาดเงินว่างั้น ถ้าต้องการเงินก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก ไม่ต้องมาแต่งงานหรอก" ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเย้ยหยัน ที่แท้สิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าต้องการก็คือเงินทองจริงๆสินะ
"เพี๊ยะ" เสียงตบฉาดใหญ่ ใบหน้าของชายหนุ่มหันไปอีกทางหนึ่งทันที
"ถ้าคุณจะดูถูกฉันขนาดนี้ฉันไม่ขอรับความรับผิดชอบจากคุณก็ได้ พอกันที" หญิงสาวกล่าวออกไปน้ำเสียงสั่นเครือ เธออยากไปที่ไหนสักที่ที่ไม่มีคนใจร้าย
"หยุดนะ จะหนีไปไหน" เขารั้งข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะหนีเขาไปได้ทัน
"ฉันเกลียดคุณ!" เมื่อพูดจบน้ำตาของหญิงสาวก็ไหลนองอาบใบหน้ารูปไข่ ชายหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดแรงเกินไป
"ผะ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณ"
"ฮึกๆ ฉันผิดหวังในตัวของคุณจริงๆ ฮือๆ" หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าเขาจะดูถูกเธอได้ถึงขนาดนี้ เธอตัดสินใจผิดสินะที่บอกความจริงเรื่องลูกกับเขา
"..."
"คลอดเมื่อไรฉันจะให้คุณพิสูจน์ DNA ทันที แล้วถึงตอนนั้นฉันจะพาลูกของฉันออกไปจากที่นี่ซะ ในเมื่อคุณไม่เคยมองว่าเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ" ลดามองตาคนตัวโตอย่างแน่วแน่
“ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” แค่เธอบอกว่าจะพาลูกหนีก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บหัวใจเหมือนมีอะไรมาบีบรัด เขาจะไม่ยอมให้มีวันเกิดขึ้นแน่
“คุณไม่มีสิทธิ์มาห้าม”
"ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลืมไปแล้วหรอว่าไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเราจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันแล้ว เข้ามาแล้วมันก็ไม่ได้จะออกไปง่ายๆนะ โดยฉะเพราะถ้าในท้องของเธอคือลูกของฉันจริงๆ"
“ทำไมคุณถึงต้องคิดว่าฉันโกหกเอาลูกคนอื่นมาหลอกคุณละคะ”
“ก็เธอออกไปกับผู้ชายคนนั้นทำไมล่ะ เธอมีผู้ชายอีกคนแล้วจะให้ฉันเอาความมั่นใจมาจากตรงไหนได้ล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“ผู้ชาย? ผู้ชายคนไหนคะลดาไม่เข้าใจ” ด้านหญิงสาวยังประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้
“เช้าวันนั้นที่โรงแรมมีผู้ชายมารับเธอนี่ กลางคืนอยู่กับอีกคนกลางวันก็มีตัวสำรอง”
“คุณเห็น” หญิงสาวถามกลับตาโต ตอนนั้นเธอรู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูกที่ตื่นมาแล้วมีคนตัวโตนอนเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเธอข้างกาย หญิงสาวรู้จักว่าเขาเป็นใครจากบัตรประจำตัวประชาชนของเขา หญิงสาวไม่รอช้ารีบคว้าเอาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายทั่วทั้งห้องมาสวมแล้วก็หนีห่างจากเขา ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวตื่น
“ใช่ เห็นเต็มตาเลยล่ะ” ชายหนุ่มย้อนไปถึงวันนั้นแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เขานั้นเป็นสุภาพบุรุษพอและพร้อมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ปรากฏว่าพอเช้าวันรุ่งขึ้นคนที่นอนกกกอกอยู่ทั้งคืนก็หายไป เขาไม่มีช่องทางการติดต่อเธอเลยทำได้แค่เพียงขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเธอออกไปจากโรงแรมตอนไหน
“ผู้ชายคนที่คุณบรูคพูดถึงชื่อว่าไอศูรย์ เขาเป็นญาติห่างๆของลดาเองค่ะ ไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่คุณกำลังคิดแน่นอน”
“ญาติ? นี่คิดจะกุเรื่องอีกสินะ ทำงานเป็นทีมหรอ” ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียหนักกว่าเดิม นอกจากไม่บอกความจริงเธอยังคิดจะสร้างเรื่องอีก
“ลดาจะทำยังไงดีให้คุณเชื่อว่าสิ่งที่ลดาบอกไปคือเรื่องจริง” นี่สินะถึงเป็นเหตุผลให้เขาแสดงอาการหมางเมินกับเธอ ที่แท้เขาก็กำลังเข้าใจเธอผิดไปนั่นเอง ยิ่งคิดหาวิธีเธอก็ยิ่งเครียดในที่สุดหญิงสาวก็เป็นลมล้มพับไปทั้งน้ำตา
“ลดา! ลดาคุณได้ยินผมไหม ตื่นสิตื่นก่อน” ชายหนุ่มตกใจสุดขีดรีบประคองร่างบางเอาไว้ในอกแกร่ง เขาเอ่ยเรียกหญิงสาวเท่าไรเธอก็ไม่ตอบสนองจนต้องโทรตามน้องชายให้มาช่วยกันพาหญิงสาวไปส่งที่โรงพยาบาล
“ถึงมือหมอแล้วพี่ลดาจะต้องไม่เป็นอะไรครับพี่บรูค”
“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นนะ” ในเวลานี้ชายหนุ่มรู้สึกผิดจับใจ คุณหมอบอกกับเขาว่าสาเหตุมาจากความเครียดบวกกับหญิงสาวพักผ่อนน้อยจึงทำให้เป็นลม ส่วนลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัยดี แถมอายุครรภ์ของหญิงสาวยังเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอตั้งท้องกับเขาแน่นอน เธอต้องนอนให้น้ำเกลือดูอาการเป็นเวลาหนึ่งคืน ระหว่างนี้เขาจึงให้ลูกน้องช่วยสืบเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างแก่ใจมากขึ้น