ตอนสุดท้ายก็ไม่วายพลาด
แต่สำหรับคนได้ขึ้นว่าว่าเป็นเมียของเขาอย่างสมบูรณ์แล้วนั้น กลับต้องลืมตาตื่นก่อนด้วยความเคยชินทุกวี่วัน ทว่าอกอบอุ่นที่แนบแผ่นหลังอยู่ตอนนี้นั้นกลับแตกต่างจากทุกเช้า
ร่างอรชรค่อยๆ ยกลำแขนหนักอึ้งออก แล้วพากายเปลือยขยับลุกขึ้นแผ่วเบา กระนั้นก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบปลาบ จนต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ครู่ใหญ่ ชุดนอนกองอยู่กับพื้น ถึงได้ถูกยกขึ้นมาสวมใส่
ก่อนจะหันไปจ้องมองใบหน้าหล่อคมของคนหลับ
บอกตัวเองไม่ได้ว่าเสียใจบ้างไหม กับสิ่งที่เขาตักตวงไป แต่คงไม่ใช่ยินดีปรีดาเป็นแน่แท้ เพราะตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะถนอมเนื้อตัวเอาไว้ให้ถึงวันหย่าถ้าเป็นไปได้
แต่เมื่อสิ่งที่คิดไว้พังลง ก็คงได้แต่ทำใจยอมรับสภาพเท่านั้น เพราะมันคงไกลเกินฝันไม่น้อย ที่จะประคองความสาวเอาไว้ได้จากผู้ชายที่กล้าเอาชีวิตโสดมาแลก เพื่อให้ได้แก้แค้นอดีตแฟนสาวอย่างเขา
ร่างอรชรค่อยๆ ลุกจากเตียง หอบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำอย่างเงียบเชียบและออกไปอย่างเงียบเชียบในเวลาไม่นานนัก
ในครัวคือจุดหมายแรก เพราะนี่คืออีกหน้าที่ของคำว่าเมีย ที่จำจะต้องยึดถือปฏิบัติให้เคยชิน
ทว่ากลับทำให้คนเป็นผัวไม่ใคร่จะชอบใจสักเท่าไหร่เลย เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่ได้กอดร่างนุ่มไว้เหมือนตอนก่อนหลับ แขนแข็งแรงถูกยกขึ้นไปก่ายหน้าผาก
แล้วทบทวนถึงความหอมหวานเมื่อคืนวานอยู่คนเดียว ก่อนจะยิ้มแย้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ในสิ่งที่ได้มา และอดชื่นชมแม่ยาย ที่เขาไม่เคยโผล่หน้าไปหาด้วยซ้ำ ที่เลี้ยงดูลูกสาวมาได้อย่างดี
และหลงเหลือสิ่งดีๆ มาให้เขาได้ เพราะน้อยเต็มทีที่จะพานพบ แม้กระทั่งอดีตแฟนสาวของเขา ก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่ามีสิ่งที่เมียเขามีบ้างไหม หรือเผลอไผลไปมอบให้ใครก่อนแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างออกมาอีก เมื่อเปิดผ้าห่มหมายจะลุกขึ้น แล้วเห็นรอยจารึกที่เขาเป็นคนเปิดผนึกเองกับมือ ก่อนจะควานหาเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วตรงไปอีกห้อง
เพราะวันนี้มีงานแต่เช้าและสำคัญมากด้วย ต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อม แต่จะรีบยังไง เขาก็ยังมีเวลาจะโอ้เอ้อยู่ในห้องอาหาร ด้วยการเดินไปนั่งข้างๆ เมียอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“คุณหนึ่งเอาไข่ลวกกี่ใบดีคะ”
สุดาเอ่ยถาม ขณะตักข้าวต้มร้อนๆ ใส่ชามให้เจ้านายหนุ่ม ด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ คนถูกถามก็ส่งยิ้มให้แม่บ้านชาญฉลาดด้วยท่าทีไม่แพ้กัน แต่คนนั่งข้างเขานี่กลับก้มหน้าก้มตาปรุงของในชามด้วยท่าทีนิ่งเฉย
พิไลพรรณมองแม่บ้านด้วยสายตามีคำถาม รวมทั้งอยากถามสะใภ้ในเรื่องงานที่เห็นตำตาเมื่อคืนด้วย แต่ยั้งปากไว้ได้ทัน แล้วนั่งกินเฉยๆ แต่ความอยากรู้ก็เพิ่มพูนขึ้นอีก
เมื่อลูกชายจ้องมองคนข้างๆ ไม่วางตา แม้จะได้เวลาไปทำงานแล้วก็ตาม ลูกก็ยังไม่วายโอ้เอ้อยู่ เพราะความอยากรู้ว่าวันนี้เมียจะไปทำงานไหม ไปงไง ไปรำอีกตามเคยหรือไม่
และจะกลับมาเมื่อไหร่ หรือจะไม่ไป เพราะปกติเมียจะออกบ้านก่อนเขาด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ปากหนักไม่ยอมเอ่ยถาม ใดๆ ได้แต่ออกไปหาออดี้คิวห้าไฮบริด แทนสปอร์ตที่คู่ขาเอากลับคอนโดเมื่อคืนนี้ แล้วรีบบึ่งเข้าออฟฟิศทำงานเท่านั้น
“เอ้ย! ไอ้หนึ่ง เย็นนี้แกจะมาดริ้งค์บ้านฉันหรือเปล่า ว่าจะคุยเรื่องงานต่อ เมื่อคืนแกก็หนีกลับก่อนใครเพื่อนเลยนะ”
“ไม่ล่ะ! จะรีบกลับบ้านมีธุระ มีอะไรก็คุยกันไปก่อนเลย แค่นี้นะ”
แถมออกจากห้องประชุมได้ ก็รีบเก็บของบนโต๊ะแล้วออกจากห้องหลังเลิกงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งนั่นแทบไม่เคยเกิดขึ้นตลอดชีวิตการทำงานของเขาก็ว่าได้ ทำเอาเลขา
พ่อและลูกเมียน้อย มองตามด้วยความสงสัย เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก และคนเป็นแม่รวมทั้งคุณแม่บ้านก็มีอาการเดียวกัน โดยเฉพาะผู้แม่ที่งงไม่น้อย แต่เมื่อแม่บ้านคู่ใจมากระซิบบอกถึงได้เข้าใจ
สุดานั้นยิ้มด้วยความดีใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่รู้ว่าผัวเมียลงเอยกันได้สักที ส่วนพิไลพรรณนั้นได้แต่นิ่งและถอนหายใจรอบที่ร้อย นับตั้งแต่รู้ความจริงจากปากสุดา
ว่าเมื่อคืนลูกบุกเข้าไปหาเมียในห้อง และไม่ได้ออกมาอีกเลยกระทั่งเช้า ด้วยความที่อาบน้ำร้อนมาก่อน จึงอ่านเกมออกอยู่ ว่าลูกคงจะยอมให้เมียล็อกห้องหนีได้ไม่กี่มากน้อยเป็นแน่ และวันที่คิดไว้ก็มาถึงจริงๆ
“ป้าสุครับ เมื่อไหร่เมียผมจะกลับถึงบ้านสักที นี่ก็ค่ำมืดแล้วนะครับ”
เสียงลูกชายดังเข้าหู แม้จะยืนเท้าสะเอวอยู่ประตูบ้านแล้วจ้องมองไปยังหน้าบ้านที่เคยมีเมียกลับเข้ามาทุกวี่ทุกวัน จึงเกิดอาการหมั่นไส้ในท่าทีขึงขังแต่แรก แต่สุดท้ายก็ไม่วายห่วงเมียอยู่ดี
“อ้าว! แม่สุไม่ได้บอกเหรอ ว่าเมียเราโทรมาบอกว่าจะนอนบ้านตากับยาย เห็นว่าตาไม่สบายหรือไงนี่ล่ะ”
“อะไรนะครับ แล้วทำไมไม่มีใครบอกผมเลย ปล่อยให้ยืนคอยอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ คุณแม่นะคุณแม่ ป้าสุด้วย นี่แกล้งผมใช่มั้ยครับ”
เจ้าของร่างสูงใหญ่ทำหน้างอใส่ สุดาเลยแกล้งแหย่ด้วยความรักและเอ็นดูคุณหนูที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“อ้าว! แล้วใครจะไปรู้ล่ะคะว่าคุณหนึ่งรอเมียอยู่ นึกว่ารออีกคนซะอีก”
นั่นยิ่งทำให้หน้าหล่อๆ งอเง้าเข้าอีกเท่าตัวเมื่อหันกลับไปหาสุดา แต่ไม่ได้ต่อว่าอะไรเพราะจนด้วยเหตุผล จึงตรงไปคว้ากุญแจรถ แล้วเดินตรงไปหาประตู
แต่ก็เหมือนคิดอะไรได้ เลยหันมาถาม และทำหน้างอใส่เหมือนเมื่อครู่
“แล้วบ้านคุณตาเค้าอยู่ไหน ป้าสุกับคุณแม่รู้หรือเปล่าครับ”
คนถูกถามหันไปมองหน้าก่อน แล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบแทบจะพร้อมกัน ทำเอาเขาหน้างอหนักกว่าเดิมอีก เพราะไม่รู้จะถามใครได้อีก แต่ไม่นานก็คิดขึ้นได้ว่าแม่ยายจะต้องรู้แน่ๆ