จมูกโด่งดอมดมกรุ่นกลิ่นเกสรนวลนุ่ม ก่อนจะถึงวาระของลิ้นอุ่นได้ลิ้มลองอย่างเชื่องช้า ทว่าเจ้าของเกสรก็ยังสะดุ้งกายน้อยๆ เพราะแตกตื่นเช่นเคย
สองเรียวน่องมีอันต้องห่างลากันไป เพื่อให้หายกำยำได้ดื่มกินบุบผางามตามแต่ใจปรารถนา จนกายสาวสั่นเทิ้มระลอกแล้วระลอกเล่า ภมรเจ้าก็ยังไม่คลายหิว
ฝ่ามือบางนุ่มเลื่อนลงไปลูบไล้เรือนผมนุ่มแผ่วเบา เมื่อใจให้หวิวหวานซ่านทรวงกับสัมผัสอันอ่อนละมุลของภมรหนุ่มจนแทบสำลักความสุขออกมา
สองกายที่ต่างช่วยกันปีนป่ายไปสู่ปลายฝัน ต่างเหือดแห้งเรี่ยวแรงด้วยกันทั้งคู่ จนต้องนอนแน่นิ่งอยู่เนิ่นนาน แก้มนุ่มนวลถึงได้แนบหนุนไปบนต้นแขน เมื่อผู้เป็นสามีเป็นฝ่ายเชื้อเชิญ
มิหนำซ้ำยังใช้แขนข้างเดียวดันให้เพรียวขยับมาแนบชิดกับกายเปลือยอย่างง่ายดาย ก่อนที่สองกายจะปิดเปลือกตาลงด้วยอาการของคนเปี่ยมไปด้วยสุข
เสียงไก่ในเล้ากลางสวนของคุณตาเปล่งโก่งคอขัน เพื่อปลุกปั่นให้หลายๆ ชีวิตได้ลืมตาตื่นขึ้นมารับกับวันใหม่อันสดใสสวยงาม ไม่ต่างจากเจ้าของดวงหน้าสวยที่เปิดเปลือตาตื่นในทันใด
ไฟหัวเตียงก็ถูกเปิดทันควัน ก่อนจะหันมามองเจ้าของวงแขนอบอุ่นที่ยังคงหลับสบายไม่ไหวติงใดๆ
“อุ๊ย!!!”
ทว่าพอกายนุ่มจะก้าวลงจากเตียง วงแขนนั้นก็ตวัดเอวคอดรั้งเข้ามากอดกับอกอย่างว่องไว่ ทำเอาอีกคนตกใจจะเผลออุทานออกมา พอได้สติก็ยกมือขึ้นปิดปากไว้ ด้วยกลัวเสียงจะดังไปถึงห้องอีกฟาก
พลาธิปถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความขำในท่าทีของเมีย ก่อนจะตัดพ้อน้อยๆ ทว่าก็ไม่ได้จริงจังมากนัก
“ทำไมคุณตื่นเช้าจัง ใจจริงจะไม่ยอมให้ผมนอนกอดเมีย แล้วตื่นสายๆ สักวันบ้างเหรอ นี่วันหยุดนะแล้วคุณจะรีบไปไหน”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องรีบลุกไปเตรียมของตักบาตรกับคุณยาย แล้วต้องเตรียมทำมื้อเช้าด้วยค่ะ”
“เฮ้อ!!! ชักอยากจะบวชแล้วสิ จะได้กินอาหารที่เมียตื่นมาทำแต่เช้าอย่างนี้บ้าง”
เมื่อจนด้วยเหตุผล วงแขนแข็งแรงก็จำต้องละออกจากกายนุ่ม แต่ก็ไม่วายตัดพ้อ เลยได้สายตาตำหนิส่งกลับมาให้จากอีกคน
“ถ้าบวชจริงคุณคงจะลงแดงตายเพราะปฏิบัติข้อ ‘กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี’ ไม่ได้”
เขาได้แต่คาดโทษเจ้าของแผ่นหลังเปลือย ที่ไม่กี่วินาทีก็มีผ้าถุงผืนเมื่อคืนขึ้นมาหุ่มหุ้มไว้แล้วเผ่นเข้าห้องน้ำทันควัน เพราะทำอะไรไม่ได้ในตอนี้ แต่ก็ไม่วายยิ้มให้กับตัวเองด้วยความอิ่มใจ ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่มอีกครั้งด้วยความง่วง
ปราณปริยาวดียืนยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหลับสนิทไปแล้ว มือบางดึงผ้าห่มคลุมกายท่อนบนให้อย่างอ่อนโยน ส่วนในใจนั้นอยากจะก้มลงไปหอมแก้มเขาไม่น้อย แต่ก็ตัดใจเพราะอายเกิน
แล้วก็ออกจากห้องไป เลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มของคนหลับว่าน่ามองแค่ไหน และเมื่อไม่อาจหลับต่อไปได้อีก พลาธิปจึงเลือกที่จะตื่น ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกไปนอกห้องแล้ว
เห็นคุณยายวันกำลังจัดดอกไม้ธูปเทียนอยู่โต๊ะอาหาร ส่วนหลานสาวก็กำลังวุ่นอยู่กับหม้อแกง มีควันลอยละล่องออกมาส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำลายแต่เช้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“พ่อหนึ่งตื่นเช้านะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ลงไปตักบาตรกับเมียบ้าง งั้นก็กลับเข้าไปเอาเงินมาใส่ซองถวายพระท่านหน่อยนะ เกิดชาติหน้าจะได้มาเป็นคู่ครองกันอีก และมีกินมีใช้เหลือเฟือเหมือนชาตินี้อีกไงจ๊ะ”
หลานเขยทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะหายไปไม่นานก็ได้กระเป๋ามาด้วย เขาไม่รู้จะต้องใส่เท่าไหร่ เลยคว้าแบ้งค์สีเทาออกมาห้าใบ คุณยายวันเห็นถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ก็รับมาแล้วเดินเข้าห้องกลับออกมาพร้อมแบ้งค์ร้อยสิบใบกับซอง
“ที่เหลือยายจะเก็บไว้ใส่ซองทำบุญวันอื่นให้นะพ่อหนึ่ง”
เขายิ้มรับอย่างไม่ติดใจใดๆ คุณยายวันเลยหันไปหาหลานสาว
“หนึ่งเอ้ย! เสร็จหรือยังลูก วันนี้มีคนมาช่วยยกของแล้ว”
พลาธิปยิ้มแป้นให้คุณยายวัน แล้วช่วยยกข้าวของไปอย่างไม่เกี่ยงงอน ก่อนจะถูกสั่งให้ไปยืนคู่กับเมีย เมื่อพระใกล้จะมาถึงแล้ว แถมคุณยายวันก็กระซิบใกล้ๆ หลานเขยด้วยความอารมณ์ดีอีกต่างหาก
“จับของใส่บาตรพร้อมๆ กันนะ เกิดชาติหน้าจะได้เป็นคู่กันอีก”
ทำเอาเขาถึงกับยิ้มกว้างด้วยความขำ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรีบทำตามคำแนะนำทันทีเมื่อพระมาถึง และไม่รู้ทำไมเขาถึงจิตใจสงบและเป็นสุขนักเมื่อได้นั่งพนมมือรับพรจากพระ
แถมความสุขก็เพิ่มพอกพูนขึ้น เมื่อได้นั่งกินมื้อเช้ากับสองตายายและหนึ่งเมีย พอเสร็จคุณตาเปล่งก็ชวนคุยเรื่องดนตรีไทยไปเรื่อยเปื่อย
เขาหัวเราะกับมุกบ้านๆ ได้ไม่ยากเลย เพราะนานทีปีหนจะได้ยิน ดูเหมือนว่าวันนี้เขาก็ยิ้มได้ง่ายกว่าหลายๆ วัน และแม้ตัวจะนั่งอยู่กับคุณตาเปล่งที่กำลังสั่งหนุ่มๆ ตั้งวงปี่พาทย์เพื่อซ้อมเช่นทุกวัน
ส่วนสายตานั้นจับจ้องไปยังห้องกระจก มีเมียกับนักเรียนตัวน้อยๆ กำลังซ้อมรำกันอย่างสนุกสนาน จนเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ทั้งในตัวครูสาวกับนักเรียน ต่างสดใสร่างเริงเมื่อได้อยู่ด้วยกัน
พลอยเรียกร้อยยิ้มจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้ ผิดกับหนุ่มมือระนาดที่ยิ้มไม่ออกมาตั้งแต่เช้า หรือจะเรียกให้ถูกก็คือยิ้มไม่ออกมาตั้งแต่เห็นคิวห้าหรูหรามาจอดอยู่บ้านหลังนี้แล้ว
เพราะเดาได้ไม่ยาก ว่าสองค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ผู้หญิงที่ผูกมัดหัวใจเขาไว้ไม่ให้หนีหายไปไหน คงจะตกไปเป็นของชายผู้เป็นสามีเรียบร้อยแล้ว
พรหมจรรย์ที่เขารู้จากดาริกาว่าเธอยังรักษาไว้ได้อย่างแน่นเหนียวนั้น ไม่หลงเหลืออีกแล้วด้วยน้ำมือของคนที่มีสิทธิ์ในตัวเธอโดยชอบธรรม
‘อย่าเสียใจเลยนะพี่ทิน ยังไงๆ เรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้นกับหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ในเมื่อหนึ่งเป็นเมียเขา คงจะหลีกเลี่ยงลำบาก’
คำปลอบขวัญของดาริกา ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเขาดีขึ้นสักนิด แต่มันก็เป็นความจริงโดยแท้
เป็นความจริงที่เขาควรจะทำเป็นลืม ทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่สนใจเสีย ในเมื่อเธอต้องทำหน้าทีเมียอย่างสมบูรณ์แบบให้กับผู้ชายที่คนอย่างเขาไม่มีทางเทียบติดได้เลยในชาตินี้