‘เย็นนี้จะไปกินข้าวที่บ้านด้วยนะคะ’ นั่นคือข้อความของคู่ขาที่ส่งมาหาหลังจากเขาประชุมเสร็จ
‘ผมไม่ว่างน่ะมิ้นท์ มีธุระสำคัญ ไปกินกับหนุ่มอื่นก่อนก็แล้วกัน’
และนั่นคือสิ่งที่เขาส่งไป ก่อนจะรวบเอกสารบนโต๊ะอย่างเร่งด่วนเข้ากระเป๋าแล็ปท็อป แล้วออกจากออฟฟิศไป ในเวลาเลิกงานตรงเป๊ะ และอีกครั้งที่การกระทำของเขา ทำให้พ่อพร้อมกับพนักงานหลายคน ต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความสงสัย
รวมทั้งคนเป็นเมีย ที่เพิ่งจะสอนนักเรียนกลุ่มสุดท้ายเสร็จ และกำลังจะขึ้นบ้าน ต้องหยุดยืนอยู่หน้าบันไดเพื่อหันมามอง
เจ้าของร่างสูงลงจากรถคันหรู หิ้วตะกร้ารังนกใบใหญ่ กับกระเป๋าตรงมาหาด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ มือบางช่วยรับไปถือหนึ่งอย่าง และยอมให้เขาโอบเอวคอดขึ้นบันไดไป
ครั้นพอเห็นยายเดินออกมาจากห้อง ก็พยายามเบี่ยงกายหนี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อเขาขยับเข้าไปโอบไว้ตามเคย
“สวัสดีครับคุณยาย ผมเอามาเยี่ยมคุณตาครับ”
แต่สุดท้ายเขาจำต้องยอมห่างเอวคอดไปยกมือไหว้
“อ้าว! เหรอ เอ่อ! ขอบใจนะพ่อคุณ ทำงานกันมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก แล้วหนึ่งค่อยมาทำมื้อเย็น”
เข้าทางผู้เป็นหลานเขยพอดี และทันทีที่ประตูห้องปิดลง กระเป๋าในมือวางลงพื้นอย่างไม่สนใจ เพราะร่างที่มีโจงกระเบนสีน้ำเงินกับเสื้อขาวต่างหากที่ใจอยากจะใกล้ชิดมาแทบจะทั้งวี่ทั้งวัน
“คุณหนึ่ง! อย่าค่ะ ฉันจะไปอาบน้ำ และต้องรีบออกไปทำกับข้าว”
“เดี๋ยวก็ได้”
ใบหน้าคมหมายจะพิชิตเรี่ยวแรงคนในอ้อมแขนด้วยจูบอีกครั้ง ทว่าอีกคนไม่ยอมและดิ้นรนออกห่างเขาจนสำเร็จ พร้อมกับหอบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำทันที โดยมีเจ้าของแขนยิ้มตามอย่างคาดโทษเอาไว้ก่อน
“ความจริงวันหยุดตาไม่อยากให้ยัยหนึ่งมาทำงานหรอก เกรงใจพ่อหนึ่ง แต่ห้ามยังไงเจ้าตัวดีก็ยังดื้ออยู่”
คุณตาเปล่งเอ่ยบอกหลานเขย ขณะนั่งร่วมโต๊ะกันเป็นครั้งที่สอง เพราะรู้สึกเกรงใจไม่น้อย ที่หลานเขยต้องถ่อมาเฝ้าเมียถึงนี่ ปราณปริยาวดีไม่ได้ว่าอะไรได้แต่ยิ้มน้อยๆ พลาธิปเองก็หันไปมองดวงหน้าสวยที่นั่งข้างๆ ก่อนตอบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมานอนที่นี่ก็สบายไปอีกแบบครับ อากาศดีด้วย”
“เอ้อๆๆ ตามมาอยู่ใกล้ๆ กันก็ดีอย่างนะ ตากับยายจะได้มีเหลนเร็วๆ แต่งกันมาหลายเดือนแล้ว ไม่มีข่าวดีให้สักที ทำไมพ่อหนึ่งไม่พายัยหนึ่งไปฮันนีมูนที่ไหนล่ะ เปลี่ยนที่เปลี่ยนทางและอยู่กันตามลำพัง เผื่อเหลนตาอยากจะมาเกิดบ้าง”
“คุณตา!!!”
หลานสาวส่งเสียงเตือนคนเป็นตาด้วยท่าทีเอียงอาย คุณยายวันเห็นดีเห็นงามในความคิดนี้ด้วย เลยรีบผสมโรงทันควัน
“ก็ดีนะพ่อหนึ่ง แต่งงานกันมายังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยนี่ มัวแต่ทำการทำงานกันทั้งสองคน เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก เอ๊ะ!!! หรือว่ายังไม่อยากมีกันตอนนี้”
“อยากครับคุณยาย ผมชอบเด็กตัวเล็กๆ ครับ เดี๋ยวผมขอเคลียร์งานให้ลงตัวกว่านี้ แล้วจะพาหนึ่งไปนะครับ ว่าแต่งานทางนี้ใครจะดูแลแทนล่ะครับ”
พลาธิปได้ทีรับปาก แต่ก็ยังห่วงไม่น้อย
“โอ๊ย!!! ให้ยัยดากับตาทินช่วยกันดูไปก่อนก็ได้ หรือไม่ก็ยกกิจการให้ดูแลไปหมดเลยจะได้จบๆ เรื่องไป”
“คุณยายก็! นี่มันงานของหนึ่งนะคะ”
“อ้าว! มามัวแต่ห่วงงานอยู่นี่ เมื่อไหร่จะมีลูกได้สักทีล่ะ จะมาห่วงอะไรกับเงินไม่กี่หมื่นบาท ผัวเรารวยจะตาย เมียคนเดียวเลี้ยงไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิ ใช่มั้ยพ่อหนึ่ง”
“ครับคุณยาย”
เขายิ้มรับอย่างอารมณ์ดี เป็นที่ถูกใจผู้ใหญ่ทั้งสองไม่น้อย ส่วนคุณยายวัน เมื่อได้เริ่มแล้วก็ลงไม่เป็น เลยสอนหลานต่ออีก
“อีกอย่างพอมีลูกมีเต้าขึ้นมา คิดเหรอว่าจะมีเวลามาทำแบบนี้ได้ ยายบอกแล้วไม่ฟัง ดื้อจริงๆ นั่นล่ะเรา...”
ยืดยาว หลานสาวฟังจนหูชา ต้องรีบอิ่ม รีบแยกไปจัดแจงยาเตรียมไว้ให้ตาในห้องนอน กลับออกมาก็เก็บสำรับล้างให้เรียบร้อย แล้วหนีเข้าห้องนอนทันที
ปล่อยให้สามีกับสองตายายคุยกันตามสบาย ทว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่กลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ด้วยใจนั้นล่องลอยเข้าไปอยู่ใกล้เมียเรียบร้อยแล้ว
“ตาเข้านอนเถอะ ยังไม่หายดีเลย”
เขาแทบจะกระโดดโลดเต้น เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ห้องที่มีเมียนอนหลับอยู่บนเตียง จึงมีเขาเข้าไปอยู่ในนั้นอย่างทันควัน แก้มนุ่มถูกหอมอย่างเร็วรี่
เพราะเดาได้ว่าเจ้าของแก้มไม่ได้หลับแน่นอน กายนุ่มถูกเขาพลิกให้นอนหงาย และเพียงแค่ดวงตาสวยลืมขึ้นมาจ้องมอง ก็ถูกเขาโน้มไปโอบล้อมด้วยกายใหญ่เรียบร้อยแล้ว
“คิดว่าจะหลับหนีผมแล้วซะอีก”
เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรออกมา ก็ปิดเรียวปากด้วยจูบดูดดื่มเอาไว้แล้ว ผ้าห่มที่คลุมเนื้ออุ่นเอาไว้ถูกมือหนาดึงออก แล้วมีอกอุ่นเข้าไปแทนที่อย่างเชื่องช้า แล้วยกมากดเน้นตรงปลายบัวงามที่กำลังชูช่อพร้อมจะพลิบานเต็มที
ปราณปริยาวดีเผลอยกสองแขนขึ้นไปโอบกอดต้นคอเขาไว้ ไม่นานฝ่ามือน้อยๆ ก็สอดไปกับเรือนผมนุ่มที่ตัดสั้นเอาไว้อย่างไม่เคยทำมาก่อน
กายท่อนบนก็เผลอยกขึ้นรับนิ้วเรียวที่แกว่งไปมาสลับกับเคล้าคลึงยอดตั้งตรง นั่นทำให้เขาต้องรีบเลื่อนไปปลดตะขอบราออก แล้วเปิดชายเสื้อกล้ามพร้อมบราขึ้นสูงจนไปกองอยู่กับกลุ่มผมยาวสลวย
จมูกก็เลื่อนต่ำลงไปดอมดมพวงแก้ม ละเลื่อยไปจนถึงใบหูแล้วใช้ปลายลิ้นโลมไล้จนผู้เป็นเจ้าของปั่นป่วนและขนลุกเกรียว
ผ้าซิ่นหลุดร่นลงไปกรอมอยู่ปลายเท้าในเวลาไม่นานนัก ด้วยมืออันชำนาญการ เนื้อนวลที่ถูกห่อหุ้มด้วยแพนตี้ กำลังตอบรับแรงกดอันหนักหน่วงของฝ่ามือหนา
ส่วนปลายนิ้วก็ขยับลงต่ำเพื่อหยอกเย้ากับเจ้าเกสรบุบผาครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งแย้มพรายน้ำหวานให้ภมรได้เชยชิม
และทันทีที่บราเซียร์ต้องล้างลาเนื้อนุ่มไปอยู่ในพิกัดเดียวกับผ้าซิ่นแล้ว ภมรหนุ่มผู้หิวโหยก็เคลื่อนกายเลื่อยลง ควบคู่กับการปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง จนไม่หลงเหลืออะไรแม้แต่ชิ้นเดียว