“นี่ตกลงจะไม่มีใครรู้เลยเหรอคะ ว่าหนึ่งหายไปไหน แล้วเมียหนึ่งไปอยู่ไหนซะล่ะคะ ไม่เห็นมาคอยจัดแจงเข้าครัวเหมือนทุกวัน หรือว่าจะไปอยู่ด้วยกัน อย่าบอกนะ ว่าแม่นั่นมีอะไรกับหนึ่งแล้วทั้งๆ ที่หนึ่งเกลียดและขยะแขยงยังกับอะไรดี”
รัตติกาลสบัดน้ำเสียงใส่พิไลพรรณกับสุดาอย่างหงุดหงิด เพราะเดาออก ว่าทั้งคู่จงใจจะช่วยกันปกปิดอย่างไม่ต้องสงสัย อาการเสแสร้งแกล้งทำเป็นมีมารยาทจึงจบสิ้นลง
เจ้าของบ้านเอง ก็ไม่คิดจะนั่งให้คู่นอนของลูกมายืนค้ำหัวประชดประชันใส่เช่นกัน
“ฉันคงจะต้องตอบเธออีกครั้งว่าไม่รู้ เพราะฉันไม่เคยจะไปคาดคั้นถามลูกฉันเลยสักครั้ง ว่าไปไหน กับใคร ยังไง หรือจะกลับเมื่อไหร่ แม้กระทั่งลูกชายฉันจะไปกับเธอ ฉันยังไม่เคยถาม หรือถ้าตาหนึ่งจะหายไปอยู่กับเมีย ก็ยิ่งเป็นเรื่องปกติใหญ่ ผัวเมียไม่อยู่ด้วยกัน แล้วจะให้อยู่กับคู่นอนคนไหนกันล่ะ”
“โอ๊ย! คุณแม่พูดเหมือนหนึ่งกับแม่นั่นแต่งงานกันเพราะความรักอย่างนั้นล่ะ คิดเหรอคะว่ามิ้นท์จะไม่รู้ เวลาอยู่กับหนึ่ง อะไรที่เป็นความลับก็ถึงหูมิ้นท์ทั้งนั้นล่ะค่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่หนึ่งไม่เคยนอนกับแม่นั่นแม้แต่คืนเดียว หนึ่งยังบอกมิ้นท์เลยนะคะ”
“ที่ผ่านมาอาจจะไม่เคย แต่สองสามคืนที่ตาหนึ่งกับแม่หนึ่งหายไปด้วยกัน ฉันไม่คิดว่าลูกชายฉันจะนอนเฝ้าเมีย เฉยๆ หรอกนะ ก็แม่หนึ่งทั้งสาว ทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด กิริยามารยาทก็เรียบร้อยเป็นกุลสตรี แถมรู้จักกาละเทศะ รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ไม่ต้องมีใครมาคอยสอน”
แม้พิไลพรรณจะไม่ได้ปลาบปลื้มคุณสมบัติต่างๆ ของสะใภ้ที่เอ่ยมาเมื่อครู่มากมายนัก แต่ก็รู้จักจะหยิบยกเอามาถากถางคู่นอนลูกได้อย่างตรงจุดและตรงเวลา
จนสาวตรงหน้าจ้องกลับตาเขม็ง อย่างลืมตัว แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้เลยปรับสีหน้าและสายตาให้เป็นปกติทันที
“นั่นไง! แปลว่าคุณแม่รู้ว่าหนึ่งไปกับแม่นั่น บอกมิ้นท์มานะคะว่าไปไหน”
แทนที่จะสลดแต่เปล่าเลย
“นี่แม่มิ้นท์ ถามจริงๆ เถอะนะ ว่าไม่อายบ้างเหรอที่วันๆ มัวแต่มาร้องหาผัวชาวบ้านแบบนี้น่ะ ถ้าหล่อนไม่อายก็ให้คิดถึงหน้าพ่อแม่ของหล่อนบ้างสิ ลำพังเอาตัวมานอนกับผัวคนอื่น รดหัวเมียเขามาหลายเดือนนี่ มันก็เกินจะทนแล้วนะ นี่หล่อนยังจะมาแว๊ดๆ ใส่ฉันอีกเหรอ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว และถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่นี่อีก”
จนพิไลพรรณทนไม่ได้ เลยแว๊ดใส่อย่างไม่ไว้หน้าเหมือนครั้งไหนๆ
“ทำไมมิ้นท์จะมาไม่ได้คะ ในเมื่อมิ้นท์ก็เป็นเมียคนหนึ่งเหมือนกัน และเป็นสะใภ้คุณแม่เหมือนกัน เป็นมาก่อนแม่นั่นด้วย”
“แต่ฉันจำได้ ว่าฉันเป็นคนไปขอแม่หนึ่งมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ขอเธอ”
“อ้อ! เดี๋ยวนี้คุณแม่ออกตัวรับแทนแม่สะใภ้ลูกเมียน้อยแล้วเหรอคะ ไหนหนึ่งบอกว่าคุณแม่เกลียดมันยังกับอะไรดีไงล่ะคะ หรือว่าตอนนี้คิดจะผู้มิตรกับพวกลูกเมียน้อย ที่คุณแม่เกลียดจนเข้าไส้แล้วคะ”
“ถ้าลูกเมียน้อยนิสัยดี ทำหน้าที่สะใภ้ได้ไม่พกพร่อง รู้อันไหนต่ำอันไหนสูง มากกว่าคนยกตัวเองว่ามีครอบครัวดี ชาติกำเนิดดี ฉันก็คงจะต้องปรับมุมมองบ้างแล้วล่ะ แม่สุ! ส่งแขก อ้อ!!! ถ้าหล่อนจะกลับก็กรุณาจอดรถราคาหลายสิบล้านของลูกฉันไว้ด้วยนะ แล้วเอารถของหล่อนกลับไปแทน ถ้าไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะแจ้งความว่าหล่อนขโมยไป”
สิ้นคำพิไลพรรณก็เดินหนีขึ้นชั้นบน ทิ้งให้แม่บ้านใหญ่รับหน้ากับสาวมั่น ที่ส่งสายตาชิงชังตามแผ่นหลังเจ้าของบ้านไปอย่างไม่ปิดบังสักนิด
ก่อนจะสะบัดใส่สุดา แล้วหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมออกจากบ้านไปด้วยความอารมณ์เสีย
“ยุ้ย! บ้านนังหนึ่งอยู่ไหน ใช่บ้านที่แกไปจ้างมันมารำนั่นล่ะยุ้ย เอ่อๆ แค่นี้นะ”
และเมื่อได้คำตอบจากเพื่อนแล้ว สาวมั่นก็หักพวงมาลัยไปทิศทางที่ต้องการทันที โดยไม่ได้ล่วงรู้ว่าตัวเองจะไปเก้อแต่อย่างใด
ตอนธาตุแท้ที่เพิ่งเผย
เพราะไม่กี่นาทีต่อมา คิวห้าของพลาธิปก็แล่นออกปากซอยบ้านสวน มีเมียเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งไปด้วย เขาเอื้อมมือไปคว้ามือบางมากุมไว้เพราะหัวใจคิดถึงและอยากจับต้องตั้งแต่เช้า
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเมียสอนเด็กๆ หรือไม่ก็อยู่กับคนอื่นตลอดวัน จนไม่มีโอกาสจะทำแบบนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะหมดโอกาสอีกแล้ว เมื่อมือถือของเมียดังขึ้น
ตามด้วยเสียงคนปลายสาย ที่ดังแว่วเข้าหูเขาจนฟังรู้ว่ากำลังร้อนรน
“คุณส่งฉันแล้วก็กลับไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะให้ป้ากอบไปส่ง หรือไม่ฉันก็จะขับรถไปเอง”
ปราณปริยาวดีรีบบอกเขาทันทีที่รถจอดอยู่หน้าบ้านแม่ ด้วยไม่อยากให้เขาเข้าไปเห็นปัญหา ที่มีมาช้านานระหว่างบ้านเล็กกับบ้านใหญ่ เพราะอายเหลือกำลังจนไม่อยากให้ใครมาพบเห็น
แม้กระทั่งคนที่อยู่ในฐานะสามีก็ตามที ทว่ากลับน่ะหรือจะยอมทิ้งเมียไว้ง่ายๆ
“ไม่เป็นไร ผมจะรออยู่แถวนี้ หรือไม่ก็อาจจะขับรถไปซื้อของในเซเว่นแล้วจะวกกลับมารับ”
“ค่ะ ถ้าเสร็จธุระแล้วฉันจะโทรบอกก็แล้วกันนะคะ คุณจะได้ไม่ต้องมารอ”
ปราณปริยาวดีรีบรับคำ แล้วก็รีบไขกุญแจประตูเล็กเปิดเข้าไปด้วยท่าทีรีบร้อนกว่าครั้งไหนๆ เพราะเสียงการโต้วาทีดังมาจากหลังบ้านให้ได้ยินตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาก็ว่าได้
จึงรีบเดินตรงไปครัว มีกอบยืนรออยู่อย่างร้อนรนไม่แพ้กัน ตั้งใจจะอ้าปากถามให้หายสงสัย แต่เสียงแม่กับคุณนายบ้านใหญ่ แถมด้วยลูกสาวใหญ่ก็มาถึงความสนใจไปจนหมดสิ้น
เลยต้องรีบออกไปหาแม่ก่อนอื่นใด