“ก็ทำไมกูจะพูดไม่ได้ ในเมื่อลูกสาวมึงมีอาชีพเต้นกินรำกินจริงๆ อีโธ่เอ้ย! เห็นมึงโม้นักโม้หนา ว่าลูกเรียกเก่งจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เรียนเก่งแล้วมาทำอาชีพอย่างนี้ จะให้เรียนมาทำซากอะไรวะ คนไม่ได้เรียนมันยังทำได้เลย ทุเรศ!”
คุณบ้านนายใหญ่พ่นไฟข้ามรั้วข่อยมาใส่ ข้างๆ ก็มีลูกสาวกับคนรับใช้คู่ใจ คอยเป็นกองหนุนอยู่อีกแรง ส่วนคุณนายบ้านน้อย ตอนนี้เพิ่งจะมีกองหนุนตามมาเสริมก็ไม่หวั่นเกรง ส่งเสียงดังฟังชัดข้ามไปพ่นไฟใส่ทันที
“ทำไม! ลูกกูจะทำอาชีพอะไร แล้วมันไปหนักอวัยวะส่วนไหนของพวกมึกเหรอ ลูกกูขึ้นไปเหยียบหัวพวกมึงอยู่หรือไงไม่ทราบ แล้วลูกกูเรียนเก่งจนได้เกียรนิยมมันผิดตรงไหน ลูกมึงน่ะทำได้เหมือนลูกกูหรือเปล่าล่ะ เห็นวันๆ เอาแต่แต่งตัวสวย ไปอ่อยผู้ชายมากกว่าไปเรียนด้วยซ้ำ”
“อ้าว! อีบ้า! แกอย่ามาว่าฉันนะ ฉันจะทำอะไรมันไปไหนหัวเมียน้อยอย่างแกหรือไง คนอย่างกูสวยและมีดีมากพอ ไม่ต้องไปอ่อยผู้ชายก็มาหาแล้ว ไม่เหมือนลูกสาวแกหรอก จะได้ผัวทั้งที ก็ต้องรอให้ฉันโล๊ะ แล้วยังจะมีหน้าไปคุยให้ชาวบ้านฟังอีก ว่าได้ลูกเขยดี ถ้าฉันไม่สลัดทิ้ง จ้างให้ก็ไม่มีทางกระเด็นไปหาลูกสาวหรอกจำเอาไว้”
แรกๆ ปิยธิดาก็มาห้ามแม่ แต่เมื่อถูกดึงเข้าไปร่วมในวงโต้วาทีด้วยแล้ว จึงไม่สนใจห้าม แต่กลับช่วยแม่อีกต่างหาก
“สลัดทิ้งแล้วมานั่งเสียดายตอนเขามาแต่งงานกับลูกสาวฉันใช่มั้ยล่ะ คิดเหรอว่าฉันไม่มีตา จะได้ไม่เห็นว่าหล่อนเสียดายผัวลูกสาวฉันแค่ไหน แถมค่าสินสอดก็ได้มากกว่าแกด้วย อย่างนี้ยังจะเรียกว่าสลัดอีกเหรอ น่าจะเรียกว่าเลือกผิดมากกว่านะ ระวังเถอะไอ้ที่เลือกๆ ไป จะออกลายให้เห็นสักวัน แล้วจะมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะเสียดายลูกเขยของฉัน”
“โอ๊ย!!! จ้างให้ยัยเอก็ไม่มีวันจะเสียดาย ดีซะอีกที่มันเอาลูกหล่อนไปทำเมีย อีกหน่อยมันก็จะหิ้วเมียน้อยมาฝากให้ลูกแกได้ช้ำใจ เหมือนที่กูช้ำใจที่ผัวกูไปหิ้วมึงมาให้เป็นเสนียดจรรไรในชีวิตกูอยู่นี่ไง ขอให้ลูกมึงเจอเมียน้อยที่ร้ายๆ ยิ่งกว่ามึงเป็นร้อยๆ เท่า มันจะได้ทำกับลูกมึงมากเป็นร้อยๆ เท่า ยิ่งกว่าที่มึงทำกับกูอีก ชีวิตมันจะได้พังไม่มีชิ้นดี ให้เวรกรรมที่มึงมาแย่งผัวกู ไปลงที่ลูกมึง ให้มีคนมาแย่งผัวมันไป และอย่าได้มีความสุขไปตลอดชีวิตนี้”
รัตนารีบสวนกลับทันควัน ปราณปริยาวดีเห็นท่าไม่ดี และไม่มีวี่แววว่าใครจะยอมใคร เลยต้องรีบวิ่งเข้าไปห้ามแม่ก่อน
“คุณแม่คะ พอได้แล้วค่ะ กลับเข้าบ้านกันนะคะ คุณแม่กำลังไม่สบายนะคะ”
แต่คนเป็นแม่ไม่สนใจคำลูกสักนิด สายตาที่เกลียดชังก็ส่งไปหาคุณนายบ้านใหญ่อย่างไม่ยอมแพ้
“มึงไม่ต้องมาแช่งลูกกูให้เมื่อยหน่อยเลย เพราะมันไม่มีทางที่คนดีๆ อย่างลูกกูจะเป็นแบบนั้น กูเลี้ยง กูสั่งสอนลูกกูมาดี และดีมากพอที่จะเอาผัวให้อยู่หมัด ไม่วอกแวกไปนอกลู่นอกทางที่ไหน ระวังไว้ก็แต่ลูกมึงเหอะ นิสัยแย่ๆ ปากเสียๆ เอาแต่ใจตัวเป็นที่หนึ่ง งานบ้านงานเรือนไม่ได้เรื่อง ระวังจะถูกทิ้งให้หง่าวเข้าสักวัน”
“อีบ้า!!! หุบปากนะมึง ปากดีนักเดี๋ยวแม่ตบให้เลือดกลบเลย”
ปิยธิดาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จนอยากจะกระโดนข้ามรั้วมาตบเมียน้อยพ่อล้างน้ำให้หายปากดีอย่างที่สุด
ปราณปริยาวดีโกรธเกลียดคำพูดคนบ้านใหญ่ไม่แพ้แต่ แต่ด้วยความที่เป็นคนอารมณ์เย็น จึงไม่อยากทำให้เรื่องยุ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้
“เอ้อๆๆ แน่จริงมึงก็ข้ามมาสิ คิดเหรอว่ากูไม่มีมือ อีคุณหนูนิสัยเสีย สวยแต่รูปจูบไม่หอม”
“คุณแม่พอแล้วค่ะ”
แล้วจึงรีบไปคว้าร่างแม่ที่ตั้งกาจรอรับการบุกของคนบ้านใหญ่ทันที และหันหน้าไปหากอบเพื่อให้มาช่วยยุติทุกอย่างด้วยการลากผู้แม่เข้าบ้าน
“ปล่อยแม่นะหนึ่ง แม่จะตบกับมันให้หายเจ็บใจเลย มันเรื่องอะไรที่จะมาว่าหนึ่งของแม่เสียๆ หายแบบนี้ แน่จริงมึงก็ประคองชีวิตคู่ที่วันๆ เอาแต่ทะเลาะกับผัวไว้ให้ดีๆ เถอะ อีกหน่อยเขาคงจะเบื่อและก็หย่ากับมึงเองในที่สุด”
แม้ตัวจะถูกลากมาถึงประตูครัวแล้ว แต่ปานยังไม่ยอมหยุดปาก
“อีปากมาก อีเมียน้อยไร้สกุล ไร้ยางอาย ไม่มีปัญญาหาผัวเองจนต้องแย่งผัวชาวบ้าน แล้วยังหน้าระรื่นอยู่ในสังคมได้อย่างไม่อายใคร ทุเรศ อีพวกชั้นต่ำ ไพร่ สถุล โคตรเง้ามึงน่ะมันต่ำ ลูกหลานเกิดมาถึงได้ต่ำพอๆ กัน ต่อให้มึงอัพเกรดตัวเองยังไง มึงก็ยังดูต่ำและไพร่อยู่ดี...”
เสียงคุณนายบ้านใหญ่ก็ไม่ยอมหยุด ยังส่งทะลุประตูครัวที่กอบปิดและล็อกกุญแจด้วยคำสั่งปราณปริยาวดีอีก
“หนึ่งมาห้ามแม่ไว้ทำไม ดูปากมันสิ ดูมันว่าหนึ่ง ว่าแม่ ว่าคุณตาคุณยายของหนึ่งสิ แล้วดูคุณพ่อหนึ่งนะ ไม่ยอมลงมาห้ามมัน ปล่อยให้มันด่าแม่อยู่ได้ ตัวเองก็นอนหมกอยู่ในบ้านแท้ๆ เจ็บใจนัก”
ปานโกรธจนหน้าแดง กอบต้องรีบไปรินน้ำหญ้าปักกิ่งมาให้
“แกช่วยเอาน้ำอันอื่นมาให้ฉันหน่อยได้มั้ยนังกอบ”
เจ้านายที่เกลียดจะแย่เลยตะคอกใส่ กอบถึงกังรีบหมุนร่างอวบอ้วนไปคว้าน้ำส้มคั้นในเหยือกมาให้แทน
“ใจเย็นๆ นะคะคุณแม่ หนึ่งบอกแล้วว่าอย่าเครียดก็ไม่ยอมเชื่อ แล้วทำไมต้องไปต่อปากต่อคำกับบ้านโน้นด้วยล่ะค่ะ ไหนคุณแม่สัญญากับหนึ่งไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วไงคะ คุณแม่ทำผิดสัญญาที่ให้กับหนึ่งไว้ หนึ่งเสียใจนะคะ”
เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาขู่แม่อีกแล้ว เลยดึงเอาเรื่องนี้ขึ้นมาจนผู้แม่ต้องเย็นลงแล้วมองลูกสาวตาละห้อย
“ก็นังเอเอาเรื่องที่หนึ่งไปรำในงานเปิดตัวอะไรนั่น มาเล่าให้แม่มันฟัง แล้วนังแม่มันก็เที่ยวเอาหนึ่งของแม่ไปนินทาให้ทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าหนึ่งทำอาชีพเต้นกินรำกิน ดีที่มีผัวเพราะนังเอมันโล๊ะให้ก่อน ไม่งั้นมันว่าหนึ่งจะต้องเอาตัวไปขายหาเลี้ยงตัวเลี้ยงแม่ เลี้ยงคุณตาคุณยาย แล้วใครได้ยินแบบนี้จะทนได้ล่ะหนึ่ง แม่ทนไม่ได้หรอก”