ปานมีท่าทีแข็งแกร่งเมื่อครู่ถึงกับน้ำตาเอ่อเต็มเบ้า และไหลออกมาด้วยความเจ็บใจ ปราณปริยาวดีถึงกับโผลเข้าไปกอดแม่ด้วยความสงสาร และเห็นใจอย่างที่สุด เหมือนทุกๆ ครั้งที่ทะเลาะกับบ้านใหญ่มา
แม่ก็จะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้เสมอๆ แล้วยิ่งมีโรคร้ายเข้ามารุมเร้าด้วยแล้ว อีกหน่อยสุขภาดของแม่ก็จะย่ำแย่ หรือไม่ก็พ่ายแพ้กับโรคในที่สุด นี่คือสิ่งที่ปราณปริยาวดีห่วงกว่าเรื่องอื่น
“อ้าว! ใครอยู่ข้างนอกคะคุณหนึ่ง”
กอบได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน ปราณปริยาวดีเลยเพิ่งจะนึกได้ว่าสามีคงจะกลับมาแล้ว
“คงจะเป็นคุณหนึ่งน่ะค่ะป้ากอบ พอดีมาส่งหนึ่งแล้วบอกว่าจะออกไปซื้อของแล้วจะกลับมารับ แต่สงสัยไม่เห็นหนึ่งโทรไปเลยเข้าบ้านมาเองมั้งคะ”
ปานได้ยินดังนั้น ก็รีบตั้งสติและปรับสีหน้าให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้มาเห็นฤทธิ์เดชของตัวเองที่ทำสงครามกับบ้านใหญ่สักเท่าไหร่ รังแต่จะทำให้ตัวเองเสียหายไปเปล่าๆ จึงรีบสั่งลูกทันควัน
“งั้นหนึ่งก็รีบๆ กลับบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่ นี่ก็จะเลยเวลาหุงหาอาหารแล้วจะได้ไม่บกพร่องต่อหน้าที่เมีย”
แต่ลูกที่ห่วงแม่หรือจะยอม
“หนึ่งจะไปบอกให้คุณหนึ่งกลับคนเดียวค่ะ แล้วหนึ่งจะนอนเป็นเพื่อนคุณแม่ดีกว่า หนึ่งเป็นห่วงค่ะ”
“ไม่เอาหนึ่ง! อย่ามาดื้อกับแม่ รีบกลับไปกับผัวเราซะ แม่บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ กอบไปส่งยัยหนึ่งเร็ว ฉันจะขึ้นบ้านไปอาบน้ำ แล้วก็ทำมื้อเย็นยกขึ้นไปให้ฉันบนห้องเลยนะ”
ว่าแล้วปานก็ผละจากลูกเดินฉับๆ ขึ้นห้องไป โดยไม่หันกลับมามองลูกอีกแม้แต่น้อย
“กลับเถอะค่ะคุณหนึ่ง เดี๋ยวป้าจะดูแลคุณแม่ให้เอง เชื่อป้าสิคะรับรองว่าคืนนี้หลับเป็นตายแน่นอนค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก นะคะคนดีของป้ากอบ คุณหนึ่งจะรอนะคะ”
กอบทั้งบอกทั้งรั้งแขนเรียวของเจ้านาย จนต้องยอมเดินตามไปหาสามีที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“ป้ากอบเข้าไปนอนเป็นเพื่อนในห้องคุณแม่เลยนะคะคืนนี้ แล้วอย่าลืมเอาน้ำผักให้คุณแม่ดื่มบ่อยๆ นะคะ มีอะไรป้ากอบโทรไปหาหนึ่งได้ตลอดค่ะ ดึกๆ หนึ่งจะโทรมาถามนะคะ”
แต่ลูกที่ห่วงแม่ก็ยังไม่วายหันไปสั่งเสียอีก กอบได้แต่ยิ้มด้วยความอิ่มใจที่เจ้านายมีลูกที่ดีและน่ารักขนาดนี้
“ค่ะ ป้าจะทำตามที่คุณหนึ่งสั่งทุกอย่าง กลับบ้านได้แล้วล่ะค่ะ เห็นมั้ยคะคุณหนึ่งรอแล้ว”
กอบรุนหลังเจ้านายสาว ให้เดินไปหารถที่พลาธิปอ้อมไปเปิดประตูรอ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นอกจากพยักหน้าน้อยๆ ให้กอบเป็นการสั่งลา ก่อนจะเข้าไปสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเชื่องช้า
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
ผ่านไปหลายนาที จนรถแล่นออกถนนใหญ่แล้ว เขาถึงได้หันไปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ปราณปริยาวดีที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ ถอนหายใจน้อยๆ ออกมา
ก่อนจะค่อยๆ หันไปหาเขาแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้ แล้วเลือกที่จะโกหกเขาออกไปด้วยความจำเป็น
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คุณแม่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยเท่านั้น ป้ากอบไม่รู้จะทำยังไง เลยโทรตามฉันให้มาดูค่ะ”
“เหรอ ต้องพาไปหาหมอหรือเปล่า”
พลาธิปเองก็ถามออกไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เรื่องราวเมื่อครู่นี้ เขาได้ยินเต็มสองรูหู ว่าสองบ้านต่างปะทะคารมกันดุเด็ดเผ็ดร้อนกันยังไง และสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น หรือไม่เคยรู้เกี่ยวกับแฟนเก่าก็ผุดขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ
ปากคอเจ้าหล่อนเราะร้ายไม่น้อย ส่วนเมียเขา แม้ตัวเองจะกลายเป็นหัวข้อให้ทั้งหมดทะเลาะกันและว่าเสียๆ หายๆ แต่ก็กลับใจเย็นยิ่งกว่าน้ำ ไม่ลดตัวลงไปต่อปากต่ำคำ
มิหนำซ้ำยังห้ามแม่และยุติเรื่องราวลงอีก ซึ่งผิดกับคำบอกเล่าจากปิยธิดา ที่มักจะเอาข้อมูลผิดๆ มาบอกเล่าให้เขาเข้าใจอะไรผิดๆ เกี่ยวกับคนสองคนตลอดเวลา นับตั้งแต่คบหากันเป็นแฟนมาหลายปี
นั่นคือเจ้าหล่อนนั้นดูจะขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย และเป็นผู้ถูกบ้านเล็กกระทำเสียมากกว่า ส่วนเมียเขานั้น ก็กลายเป็นสีดำด่าง ปากกล้าหน้าเชิด หยิ่งยโสโอหัง
มองไม่เห็นหัวใคร วินาทีนี้เองเขารู้สึกดีขึ้นอย่างไม่เคยมี ที่เจ้าหล่อนสลัดเขาทิ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่นอนพักเดี๋ยวก็หาย”
ปราณปริยาวดีตอบเสียงอ่อยแค่นั้น แล้วก็เงียบกริบลงอีก จนมือบางถูกเขาดึงมากุมไว้ประหนึ่งอยากให้กำลังใจ ก่อนจะยกขึ้นมาจูบเบาๆ แม้อีกมือจะควบพวงมาลัย
แม้สองตาจะจ้องมองถนนก็ตามที แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขานัก เมื่อใจอยากจะทำ ปราณปริยาวดียิ้มบางๆ ออกมาด้วยความอบอุ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และให้เสียดายไม่น้อย ที่คิวห้าแล้วเข้าไปจอดในบ้านเร็วไปนิด
จึงดึงมือออกจากการกุมเกี่ยวด้วยหัวใจที่เสียดายยิ่ง ก่อนจะรีบลงจากรถเดินตรงเข้าบ้าน ส่วนพลาธิปเสียดายไม่แพ้กัน แต่ก็รีบลงจากรถแล้วตามเมียไปอย่างรวดเร็วและด้วยก้าวที่ยาวกว่าๆ จนทันเมีย
และได้มือบางมาเกาะเกี่ยวเอาไว้ดังเดิม ระหว่างเดินเข้าบ้าน แม้เจ้าของมือจะพยายามดึงออกเพราะกลัวคนในบ้านจะเห็น แต่ดึงยังไง แต่เขาก็ไม่ยอมท่าเดียว
สุดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินลงมาบันไดได้ก็รีบทักทายขึ้น
“อ้าว! มากันแล้วเหรอคะ ป้ากำลังจะตั้งโต๊ะพอดีเลยค่ะ” จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะอยู่ห่างๆ เขา
“งั้นหนึ่งไปช่วยนะคะ”
ปราณปริยาวดีรีบดึงมือเขาออกทันควัน แล้วก้าวฉับๆ ตามไปในครัว ทิ้งให้อีกคนมองตาม และยืนชั่งใจว่าจะเอายังไงระหว่างตามเมียไป หรือขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมากินมื้อเย็น
“มาแล้วเหรอพ่อคุณ ยิ้มหน้าบานเชียวนะ ไปกินข้าวกันแม่หิว”
แผนทั้งสองต้องล้มเลิก เมื่อมีแม่เข้ามา
“วันนี้มีอะไรกินบ้างครับ ผมเองก็หิวเหมือนกัน”
เขาแกล้งเอาใจแม่ ด้วยการเข้าไปประคองไหล่แม่เข้าห้องอาหาร