พรนับพันไม่คิดว่าการจดทะเบียนสมรสจะรวดเร็วขนาดนี้ และที่น่ากลัวกว่าก็คือหลิวโม่โฉวจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ไว้ก่อนแล้ว ราวกับรู้ว่า ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องรับเงื่อนไขการแต่งงานครั้งนี้ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เธอก็กลายเป็นภรรยาของหลิวโม่โฉวถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อได้ทะเบียนสมรสแล้วเขาจึงพาเธอไปพบคุณปู่ที่โรงพยาบาล
แม้ปู่หลิวจะมีสีหน้าซีดเซียวแต่เมื่อได้ยินข่าวดีก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ดีจริงๆ” ปู่หลิวแตะหลังมือของหลานสะใภ้ “ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ปู่จะมอบของขวัญให้นะ”
“ขอแค่คุณปู่แข็งแรงดีก็เป็นของขวัญให้หนูแล้วค่ะ”
หลิวโม่โฉวปรายตาไปทางภรรยาหมาดๆของเขา ไม่ว่าเธอจะพูดด้วยความจริงใจหรือประจบประแจงแต่ก็ทำให้คุณปู่มีความสุข เขายกแขนขึ้นวาดวงแขนโอบร่างเล็กเข้ามาแนบชิด คนตัวเล็กไม่ทันตั้งตัวพยายามขืนตัวไม่เอนไปทางเขา แต่แรงของผู้ชายย่อมเยอะกว่าเธอจึงตกอยู่ในวงแขนของเขาราวคู่รักแสนหวาน
“คุณปู่พักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง แล้วเตรียมตัวผ่าตัดได้เลยนะครับ”
“ไอ้หลานคนนี้เอะอะก็ให้ผ่าตัดอยู่นั้นแหละ” ปู่หลิวทำฮึดฮัดเหมือนเด็กน้อย ทำให้พรนับพันเผลอหัวเราะออกมา
“คุณหลิวเป็นห่วงคุณปู่ต่างหากล่ะค่ะ ต้าเหนิงก็เป็นห่วงคุณปู่”
“ไม่ทันไรพูดเข้าข้างกันแล้ว” ปู่หลิวหัวเราะชอบใจ “ทำไมเรียกคุณหลิวล่ะ เป็นสามีภรรยากันแล้วเรียกโม่โฉวหรืออาโม่ก็ได้”
“เธอคงยังไม่ค่อยเข้าใจนะครับ” หลิวโม่โฉวยักคิ้วให้ ใบหน้าที่เรียบนิ่งอยู่เสมอกลายเป็นหนุ่มน้อยขึ้นมาทันทีที่ได้หยอกล้อคนข้างๆ
“จริงสิ ปู่ก็ลืมไป โม่โฉวก็คอยดูแลหนูปันปันด้วย เอาไว้ปู่แข็งแรงกว่านี้แล้วจะโทรคุยกับปู่ของหนูเรื่องพิธีแต่งงาน”
“เรื่องนั้นหนูไม่รีบค่ะ”
จดทะเบียนสมรสแล้วก็ไม่ต้องจัดงานอะไรหรอก เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วย ที่บ้านมีแค่คุณปู่,คุณพ่อและคุณแม่ที่รู้เรื่องงานแต่งงานครั้งนี้ แม้แต่น้องชาย เธอก็ไม่ต้องการให้เขารู้เพราะน้องเกรงว่าจะทำให้น้องเป็นกังวลกระทบกับเรื่องเรียนของเขา ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้าใจไปว่า เธอมาติดต่อทำธุรกิจเรื่องยาสมุนไพรสอดคล้องกับกิจการของครอบครัว
“ไม่ได้ๆ เป็นสะใภ้สกุลหลิวจะให้น้อยหน้าไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นปู่ก็รักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อรับการผ่าตัด หลังจากนั้นเราก็เชิญครอบครัวของ...ปันปันมารวมงานแต่งงาน”
หลิวโม่โฉวเองก็ไม่คุ้นชินกับการเรียกชื่อเล่นของภรรยาหมาดๆของเขานัก
“จริงค่ะ สุขภาพของคุณปู่สำคัญที่สุด” พรนับพันรีบพูดขึ้นพร้อมฉีกยิ้มหวาน
“คุณปู่พักผ่อนมากๆนะครับ ผมขอตัวพาภรรยาไปช้อปปิ้งก่อน”
“คะ?” เธอหันไปมองเขาอย่างงุนงง ที่คุยกันไว้ก็แค่มาจดทะเบียนสมรสแล้วก็มาเยี่ยมคุณปู่หลิวที่โรงพยาบาลนี่นา
“คุณเอากระเป๋าเดินทางมาใบเดียว ไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ให้สมกับเป็นคุณนายหลิวดีกว่านะครับ”
‘อ้อ! กำลังดูถูกฉันอยู่สินะ!’
“จริงสิ ปู่ก็ลืมไป โม่โฉวก็ไปเป็นเพื่อนปันปันนะ ทำหน้าที่สามีที่ดีหน่อย”
“หน้าที่สามี?” เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกระชับวงแขนที่โอบกอดแน่นขึ้น “ได้ยินไหมที่รัก คุณปู่อยากให้ผมทำหน้าที่สามี”
แรกทีเดียวพรนับพันไม่เข้าใจความหมาย จนเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายวาววับของเขาแล้ว ก็ทำให้แก้มใสแดงเรื่อขึ้นมาทันที ทุกกิริยาของสองหนุ่มสาวอยู่ในสายตาปู่หลิว คนเป็นปู่ยิ้มปลื้มดีใจแล้วโบกมือไล่ให้ทั้งสองคนออกไป
“ไปๆ ปู่จะพักผ่อนแล้ว”
“ครับคุณปู่ พรุ่งนี้เราจะมารับคุณปู่กลับบ้านนะครับ”
หญิงสาวเพียงส่งยิ้มให้ชายชราที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง เมื่อถูกโอบประคองออกมานอกห้องผู้ป่วยแล้ว มือเล็กก็ปัดมือเขาออกจากไหล่ของเธอ
“ไม่ได้อยู่ในสายตาคุณปู่ ไม่ต้องถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้หรอก คุณไม่รู้อะไร คุณปู่ผมมีสายสืบอยู่ทั่วไปหมด เผลอๆ แอบสุ่มถ่ายคลิปพวกเราไปรายงานคุณปู่ด้วย”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” เธอถามด้วยความไม่มั่นใจเพราะเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าคุณยังอยากให้การแต่งงานครั้งนี้ราบรื่นด้วยดี ก็ทำตามที่ผมสั่งดีกว่า”
“ฉันไม่ชอบคนออกคำสั่งค่ะ”
“นั้นมันเป็นปัญหาของคุณ” เขายิ้มอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบหยอกล้อเล่นหัวกับใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่กับผู้หญิงตัวเล็กคนนี้เขากลับรู้สึกสนุกที่ทำให้เธอชักสีหน้าใส่เขาได้
“เที่ยงแล้ว เราหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยไปซื้อของกัน เอาเถอะไหนๆ วันนี้ผมไม่ได้เข้าบริษัทแล้วจะลดตัวไปซื้อของเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน”
พรนับพันได้แต่กัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด เจอคนไข้ขี้โวยวายยังไม่รำคาญใจเท่ากับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนประเภทที่เธอไม่เคยคิดฝันจะเอาเป็นสามีเลย ต่อให้หน้าตา เอ่อ ...ก็หล่อเหล่าเอาการอยู่ แต่นิสัยร้ายกาจไร้ความอ่อนโยนแบบนี้ ไม่ใช่ผู้ชายในสเปคเธอเลย
หญิงสาวเคยดูซีรีย์เห็นพระเอกไปไหนมาไหนมีบอร์ดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังก็ยังคิดว่ามันมีแค่ในซีรีย์เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับตัวเอง แค่ไปกินข้าวในห้างสรรพสินค้าหรูต้องมีคนติดตามนับสิบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติแล้วก็อดถามไม่ได้
“มีคนจ้องเอาชีวิตคุณหรือคะ”
“หือ? คุณว่าอะไรนะ” เขาถามแล้วเงยหน้าจากแท็ปเล็ต แม้วันนี้ไม่ได้เข้าบริษัท แต่รายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ยังถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเลขาจิงถิงที่ค่อยลำดับความสำคัญของงานให้เขา
“ก็คุณมีบอดี้การ์ดเยอะแยะขนาดนี้ มีคนจะเอาชีวิตคุณหรือคะ”
เธอถามหลังจากกินมื้อกลางวันเป็นอาหารญี่ปุ่น เขาเลือกร้านโดยไม่ถามส่วนเธอก็เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ปกติกลางวันก็กินอาหารจานเดียวเพราะต้องรอตรวจคนไข้
สีหน้าจริงจังทำให้ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ เขายิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าไปใกล้ “กลัวเป็นม่ายหรือครับ”
“เปล่า ฉันแค่กลัวโดนลูกหลงด้วยต่างหากล่ะ” เธอดื่มน้ำชาแล้วแสร้งเอนตัวหลบใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นมาใกล้ ปกติเธอมีภูมิต้านทานคนหล่ออยู่นะ ทำไมอยู่กับตานี่แล้วใจมันหวิวๆชอบกล หรือเธอจะพักผ่อนไม่พอ เครียดวิตกกังวลมากเกินไป
“เอ่อ...เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว และคุณปู่หลิวก็เข้าใจว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เอ่อ...เรื่องเงินลงทุน...”
“ผมอ่านแผนงานของคุณแล้ว มันน่าสนใจดี ผมให้เลขาจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ อยู่ ภายในสามวันเงินห้าสิบล้านจะเข้าบัญชีบริษัทของครอบครัวคุณ และเพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง ทั้งเรื่องสรรพากรและคำครหาอื่น เราจะทำหนังสือสัญญาข้อตกลงร่วมกัน คุณว่ายังไง”
“ดีค่ะ” เธอพยักหน้ารับกับข้อเสนอของเขา แอบแปลกใจที่เขาสนใจแผนงานของเธอด้วย และเรื่องที่เขาพูดมาก็ตรงใจเธอ จู่ๆ มีเงินโอนเข้าบัญชีเยอะขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าเป็นเงินสามีก็คงแปลกๆ ประเดี๋ยวกิจการที่ปู่สร้างขึ้นมาจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นที่ฟอกเงิน
“เวลาคุณว่าง่ายไม่ดื้อก็น่ารักดีนะ”
“ทำไมฉันรู้สึกไม่อยากให้คุณเห็นว่าฉันน่ารักล่ะ” เธอเบ้ปากใส่ “อิ่มแล้วค่ะ เราไปซื้อของกันเถอะ”
“คุณนี่ไม่รู้จักเอาอกเอาใจสามีเลยนะ”
“แค่กินข้าวเที่ยงจะเอาอะไรอีกคะ ปกติเวลาทำงานฉันกินข้าวไม่เกินสิบนาทีเอง”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นไปเลือกเสื้อผ้ากัน ชุดของคุณ...มันเชยไปหน่อยนะ”
“เขาเรียกชุดสุภาพค่ะ” เธอแลบลิ้นใส่เขา
“คุณต้องมีเสื้อผ้าเยอะกว่านี้ ผมเห็นคุณใส่วนๆซ้ำๆ อยู่แค่ไม่กี่ชุด”
“อ้อ! นี่คุณสนใจฉันด้วยเหรอคะ นึกว่าทำตัวเป็นอากาศธาตุที่มองไม่เห็น”
ใช่สิ เธอพยายามจะเจอเขาตั้งหลายครั้ง แต่เขากลับหลบเลี่ยง นี่ถ้าไม่เพราะคุณปู่ล้มป่วย เขาคงไม่โผล่มาให้เห็นหรอก
เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดี เขาได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางของภรรยา...เขาไม่เคยลืมภรรยาที่ตายจากไป วิกเตอเรียเป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกสงบสบายใจ แต่พรนับพันคือความสดใสร่าเริง หลิวโม่โฉวรู้สึกไม่ยุติธรรมกับพรนับพันนัก เธอไม่ควรถูกเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนไหน แต่เขาก็อดเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ
พรนับพันไม่ใช่สาวสายแฟชั่น เธอแต่งกายเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อต้องมาเลือกซื้อเสื้อผ้า เธอก็ได้แต่ยืนงงในห้องเสื้อแบรนด์ดัง เธอหันไปหาสามีหมาดๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เขาส่ายหน้าระอาใจแล้วเรียกพนักงานมารับคำสั่ง
“เลือกเสื้อผ้าให้คุณผู้หญิงเอาหลายๆชุด ขอเป็นคอลเลคชั่นรุ่นใหม่ด้วย”
“ได้ค่ะ ประธารหลิว” พนักงานสาวรับหน้าที่เชิญพรนับพันไปห้องลองเสื้อ
เลขาจิงถิงรอจังหวะที่เจ้านายอยู่คนเดียวก็เดินเข้าไปพร้อมยื่นบัตรแบล็คการ์ดส่งให้ “บัตรเครดิตของคุณผู้หญิงครับ”
ชายหนุ่มรับมาแล้วพลิกไปมา ผู้หญิงคนนั้นจะใช้ของแบบนี้เป็นหรือเปล่า แค่เลือกเสื้อผ้ายังทำไม่ได้เลย เขาโคลงศีรษะไปมา ครู่ต่อมาหางตาก็รับรู้การเคลื่อนไหวเขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นภรรยาตัวน้อยในชุดเดรสเปลือยไหล่สีไวน์แดงกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวย ผู้หญิงคนนี้หุ่นซ่อนรูปจริงๆ
“แบบนี้ผ่านไหมคะ” พรนับพันแค่อยากล้อเขาเล่น คงเห็นเธอไม่ค่อยแต่งเนื้อแต่งตัวเลยใช้สายตาดูแคลน
“ก็พอได้” หลิวโม่โฉวเดินเข้าไปใกล้แล้วยกมือลูบลำคอของเธอ ผิวกายเธอเนียนนุ่มราวผ้ากำมะหยี่เนื้อดี แต่การกระทำของเขาทำให้ร่างกายเธอแข็งทื่อไปทันที
“คอโล่งไปนะ ประเดี๋ยวหาเครื่องประดับเข้าชุดกันไปด้วย สร้อยคอ ต่างหู กำไล เอาให้ครบ”
หา! อีตาบ้า เห็นฉันเป็นตุ๊กตาหรือไง อยากจับแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่จะโวยวายก็ไม่ได้เพราะเขาคือบ่อเงินบ่อทองของเธอ
หลิวโม่โฉว! ต้องมีสักวันที่ฉันทำให้นายยิ้มไม่ออก!